มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2488
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2488
มีความคิดต่าง ๆ นานาผุดขึ้นมาในหัวจ้าวฉีเชิง แต่หลัวซิวไม่มีเวลาไปสนใจเลยด้วยซ้ำว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หลัวซิวรู้แค่ว่าจ้าวฉีหยุนนี่ทำให้ฉียู่หรงและช่าจื่อเยียนบาดเจ็บ หากไม่ใช่เพราะเขาปรากฏทันเวลา พวกนางยิ่งจะได้ตายทั้งเป็น แล้วหลัวซิวจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร?
ฟึ่บ!
หลัวซิวกำมือทีหนึ่ง จ้าวฉีหยุนก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา แขนข้างหนึ่งถูกหลัวซิวกระชากลงมา เลือดสดพุ่งกระฉูดไปทั่วทุกสารทิศ จนท้องฟ้าถูกย้อมเต็มไปด้วยสีแดง
เห็นเพียงหลัวซิวกำมือติดต่อกันหลายครั้ง เสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาของจ้าวฉีหยุนยิ่งอยู่ยิ่งอ่อนแอลง ถูกหลัวซิวชำแหละจนกลายเป็นมนุษย์ไร้แขนขา!
มือเท้าทั้งสี่ที่ขาด มาตรแม้นว่าเจอยาเซียนรักษาตัวที่ล้ำค่า ก็แทบจะไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพปกติได้อีกแล้ว เนื่องจากบาดแผลที่หลัวซิวทิ้งไว้มีการกัดกร่อนของกฎความตายแฝงซ่อนอยู่ นอกเสียจากว่าเขาจะได้รับยาเซียนรักษาตัวระดับมหาจักรพรรดิ มิเช่นนั้นชั่วชีวิตนี้ก็จะเป็นได้เพียงคนไร้แขนขา เป็นคนพิการคนหนึ่ง!
ในชั่วชีวิตนี้ หลัวซิวทรมานคู่ต่อสู้อย่างบัดนี้น้อยมาก ๆ ทว่าวันนี้เขากลับทำเช่นนี้ จึงแสดงให้เห็นเลยว่าภายในจิตใจเขาโกรธเกรี้ยวมากเพียงใด
ถ้าเกิดเขามาไม่ทันเวลา แล้วทำให้ฉียู่หรงและช่าจื่อเยียนถูกกระทำชำเราอย่างตายทั้งเป็น ชั่วชีวิตนี้เขาอาจจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง
ภายในตำหนักตระกูลฉี บริเวณรอบ ๆ เงียบสงบมาก ขณะที่หลัวซิวปรากฏตัวสังหารมกุฎเทพสองคนของตระกูลจ้าว แล้วก็ประจานหน้ากับบรรพอาจารย์ตระกูลจ้าว ทุกคนก็ล้วนหยุดประมือกันแล้ว
วินาทีนี้ เมื่อเห็นบรรพอาจารย์สามแห่งตระกูลจ้าวที่สูงส่งถูกหลัวซิวชำแหละจนกลายเป็นร่างไร้แขนขา ทุกคนก็ล้วนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง เงียบเป็นเป่าสาก หลัวซิวนี่ก็จองหองเกินไปหน่อยหรือเปล่า หรือเขาไม่รู้ว่าตระกูลจ้าวเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกะดาราอัมพรเทว?
เล่ากันว่าผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพที่บุกเบิกโลกะดาราอัมพรเทวก็คือบรรพบุรุษตระกูลจ้าวนี่แหละ จึงจะมองข้ามภูมิฐานของตระกูลจ้าวไม่ได้!
“หลัวซิว มึงเกินไปแล้วนะ!”เมื่อเห็นสภาพที่น่าเวทนาของบรรพอาจารย์สาม จ้าวฉีเชิงก็โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก มีกงล้อวายุคีปรากฏเหนือศีรษะเขา และมีออร่าที่มากมายมหาศาลของกฎลมไฟแผ่กระจายออกมา
จอมยุทธ์ทั่วไปล้วนฝึกกฎเพียงประเภทเดียวเท่านั้น แต่จ้าวฉีเชิงบรรพอาจารย์สองแห่งตระกูลจ้าวนี่ฝึกสองประเภท จึงต้องแข็งแกร่งกว่าผู้ที่อยู่ในแดนเดียวกันและฝึกกฎเพียงประเภทเดียวอยู่แล้ว
ต่างอยู่ในแดนกึ่งจ้าวมหาเทพเหมือนกัน ก่อนหน้านี้บรรพอาจารย์ตระกูลฉีก็เคยประมือกับจ้าวฉีเชิงมาก่อนแล้ว ถูกโจมตีจนไม่มีแม้แต่แรงที่จะโต้ตอบ
สัมผัสจิตสังหารของจ้าวฉีเชิงได้ ทว่าหลัวซิวกลับไม่ชายลงไปมองเลยด้วยซ้ำ แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “มึงโกรธแค้นมากเลยหรือ? อยากปลิดชีพกู? แต่มึงเคยคิดหรือเปล่าว่าต้องทำอย่างไรไฟโกรธของกูถึงจะสงบลง?”
ตระกูลจ้าวฝึกอาศัยความแข็งแกร่งของตนเอง กดขี่เหยียดหยามผู้อื่นอย่างอุกอาจ แต่เมื่อพวกเขาถูกผู้อื่นกดขี่เหยียดหยาม พวกเขาไม่เคยคิดถึงการกระทำของตัวเองเลยหรือ?
ธรรมชาติของมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้แหละ มีน้อยคนมากที่จะเริ่มหาสาเหตุจากตนเอง ต่างจะโยนความผิดความรับผิดชอบให้ผู้อื่นเสมอ
แคว็ก!
จ้าวฉีเชิงโกรธมากก็จริง แต่เขากลับไม่ได้สูญเสียสติปัญญา บรรพอาจารย์สามจ้าวฉีหยุนถูกหลัวซิวทำให้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว ดูจากอุบายที่หลัวซิวแสดงให้เห็นในเมื่อครู่นี้ เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิว
เพราะฉะนั้นยิ่งเขาโกรธเกรี้ยวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใจเย็นมากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงบีบทำลายยันต์หยกชิ้นหนึ่งอย่างไม่ลังเลใจ แจ้งเรื่องนี้ให้บรรพอาจารย์ใหญ่ทราบ!
เวลานี้บรรพอาจารย์ใหญ่แห่งตระกูลจ้าวจ้าวฉีเทียนก็เพิ่งมาถึงโลกะดาราอัมพรเทวเช่นกัน เสี้ยววินาทีที่จ้าวฉีเชิงบีบทำลายยันต์หยก สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
แต่ทว่าเขาไม่ทราบแต่อย่างใดว่าคู่ต่อสู้ที่จ้าวฉีเชิงเจอคือหลัวซิว แต่กลับเข้าใจดีว่ามีแต่ตอนที่เจอปัญหาใหญ่ จ้าวฉีเชิงถึงจะบีบทำลายยันต์หยกแจ้งเตือนเขา
ยันต์หยกมีสมรรถนะอย่างหนึ่ง นั่นก็คือวาร์ปไปตามจุดหมายที่ระบุ เพราะฉะนั้นจ้าวฉีเทียนจึงรีบร่ายเคล็ดวิชาในทันที ก่อนที่เงาร่างจะหายไปภายในพริบตา แล้วข้ามทะลุผ่านไปมาอยู่ในอนันตา
……