มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2549
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2549
การเดินทางไปยังตระกูลมู่นั้น หลัวซิวจากไปทันทีหลังจากได้รับยาเซียน ยิ่งกว่านั้นคือมู่เต๋อหนานที่ทำตัวหยาบคายต่อเขา เขาก็ไว้ชีวิตฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน
นี่ไม่ได้หมายความว่าหลัวซิวเป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตากรุณา ในทางตรงกันข้าม ทั้งชีวิตของเขาที่อยู่บนเส้นทางการฝึกยุทธ์นั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยซากกระดูก เข่นฆ่าอย่างเด็ดเดี่ยว ทันทีที่เกิดความคิดที่จะสังหาร เขาก็เป็นคนที่เหี้ยมโหดไร้ความปราณีคนหนึ่งอย่างแน่นอน
ที่ปล่อยตระกูลมู่ไปนั้น เป็นเพราะครั้นเมื่ออยู่ในแดนปริศนาบนดาราเสวียนหมิงโลกามนุษย์ มู่จื่อเซียวไม่ได้เข้าร่วมการรุมสังหารเขา
ศิษย์อัจฉริยะจากสำนักตระกูลทั้งแปด ในความทรงจำของหลัวซิว นอกเหนือจากมู่จื่อเซียวแล้ว ก็มีเพียงข่งเม่าของสำนักจักรพรรดิแสงดาวเท่านั้นที่ไม่ได้ลงมือ คนอื่นที่เหลืออย่างเอ้าเจียงแห่งเผ่าพันธุ์มังกรแท้ พระโอรสจ้านเทียนและฟางห้าวหยูล้วนลงมือต่อเขา
หลัวซิวเป็นคนที่ตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยส่วนใหญ่แล้วนอกจากสถานการณ์พิเศษ เขาจะไม่ทำเรื่องที่ตอบแทนบุญคุณด้วยการล้างแค้น เนื่องจากในโลกของการฝึกยุทธ์ มีน้อยคนมาก ๆ ที่จะรู้สึกตื้นตันใจต่อการออมมือของเจ้า การเมตตากรุณาต่อศัตรู ก็คือการโหดเหี้ยมต่อตนเอง
ในมหาโลกาพันสาม โลกาบรรพมารเป็นการคงอยู่ที่พิเศษ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตที่ยึดครองพื้นที่หลัก ๆ ของมหาโลกาใบนี้คือเผ่าพันธุ์มาร
ต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์มารนั้น ต้องสืบสาวราวเรื่องกลับไปถึงอสูรโบราณดาราในยุคไท่ชู หลังจากสิ้นสุดยุคไท่ชู เผ่าพันธุ์มารและอสูรกายในยุคต่อมาล้วนสืบสานสายเลือดของอสูรโบราณดารา
ระดับขั้นในเผ่าพันธุ์มารเข้มงวดมาก ตัดสินตำแหน่งสูงต่ำของตัวตนด้วยพลังสายเลือด หากได้รับพลังสายเลือดที่พิเศษ บรรลุถึงระดับที่เทียบเท่าอสูรโบราณดาราในยุคไท่ชู ตำแหน่งก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งถูกเรียกว่ามารโบราณ
ในมหาโลกาพันสาม แทบจะไม่มีมารโบราณคงอยู่เลย หากอสูรดูดจิตสามารถบรรลุถึงระดับจักรพรรดิเทพแล้วกลายร่างเป็นมนุษย์ ก็ถึงจะมีสิทธิ์ถูกเรียกว่ามารโบราณด้วยความยกย่อง
มารโบราณ เป็นคำเรียกอย่างเคารพ ซึ่งมีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดาในเผ่าพันธุ์มาร
ในภพชาตินั้นของไท่ซ่างฉิง หลัวซิวเคยพบเห็นรู้จักมารโบราณที่แข็งแกร่งอยู่บ้าง ทุกคนล้วนมีศักยภาพที่สูงส่ง ความสามารถน่าทึ่ง ทว่าสายเลือดพิเศษนั้นกลับหาพบได้ยากมาก อัตราการเกิดต่ำถึงต่ำที่สุด เพราะฉะนั้นจำนวนของมารโบราณจึงมีน้อยถึงน้อยที่สุดเช่นกัน
เผ่าพันธุ์มังกรแท้คือหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกาบรรพมาร ในการแบ่งแยกระดับสายเลือดของเผ่าพันธุ์มาร สายพันธุ์มังกรก็สามารถถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่งในสิบเช่นกัน
รองลงมายังมีเผ่าเสือขาว เผ่าเทพหงส์ เผ่ากัศปะและเผ่ากิเลน เผ่าพันธุ์เหล่านี้ก็ต่างเป็นเผ่าพันธุ์แข็งแกร่งที่มีพลังสายเลือดเผ่าพันธุ์มารถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่งในสิบด้วย
โลกาบรรพมารมีดาราที่นับไม่ถ้วน โดยแบ่งออกเป็นเขตตะวันออก ตะวันตก เหนือ กลางและใต้ห้าเขตใหญ่ ห้าเผ่าพันธุ์ใหญ่ต่างยึดครองหนึ่งเขต ซึ่งขอบเขตอำนาจของเผ่าพันธุ์มังกรแท้ก็ตั้งอยู่บนอาณาจักรดาราทางตะวันออกของโลกาบรรพมาร
อาณาจักรดาราแห่งหนึ่ง มีดารานับหมื่นดวง ถึงแม้จักรพรรดิมารบุกเบิกในตำนานจะไม่ได้ทิ้งการถ่ายทอดสืบสานเอาไว้ ทรัพยากรภูมิฐานที่เผ่าพันธุ์มารทั้งห้ายึดกุมก็ไม่ด้อยกว่าตระกูลสำนักจักรพรรดิทั้งปวงในปัจจุบันอย่างแน่นอน
อสูรดูดจิตโบยบินอยู่ในห้วงดารา หลัวซิวนั่งท่าขัดสมาธิอยู่เหนือศีรษะของมัน สายตาเบิ่งมองดารานับไม่ถ้วนที่อยู่ห่างไกลออกไป
ที่นี่คืออาณาจักรดาราทิศตะวันออกของโลกาบรรพมาร ซึ่งถือว่าเข้ามาในอาณานิคมของเผ่าพันธุ์มังกรแท้แล้ว
ขณะที่เดินทางผ่านดาราดวงหนึ่ง หลัวซิวก็แผ่ขยายตัวสำนึกออกไป พบว่าบนดาราดวงนี้มีเหมืองแก้วเทวทั้งเล็กและใหญ่อยู่เยอะมาก มีเผ่าพันธุ์มารที่กลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์พิเศษบางอย่างของร่างอสูรเอาไว้คอยลาดตระเวนไปมา คอยควบคุมการขุดทรัพยากรของสถานที่แห่งนี้
แต่หลัวซิวกลับสังเกตเห็นว่าผู้ที่รับผิดชอบขุดและเก็บแก้วเทวนั้น มีเผ่าพันธุ์มารอยู่น้อยมาก ส่วนมากล้วนเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์
มนุษย์มารปีศาจทั้งสามเผ่าพันธุ์ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในจักรวาลฟ้าดิน มารปีศาจแทบจะไม่มีพื้นที่ได้เจริญเติบโตอยู่ในโลกที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ควบคุมเลย ทันทีที่ปรากฏ ก็จะถูกผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่นับไม่ถ้วนไล่ล่า
ส่วนในโลกที่เผ่าพันธุ์มารควบคุมนั้น มนุษย์กลับเหมือนดังมดตัวจ้อย เป็นได้เพียงทาสรับใช้ที่อยู่ชนชั้นต่ำสุด และศักดิ์ศรีต่ำต้อยมากที่สุด ปล่อยให้เผ่าพันธุ์มารใช้งานอย่างเต็มที่!