มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2602
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2602
“เจ้าคือหลัวซิวหรือ? ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นผู้ล้มล้างตำหนักเสินหยู?”คนดังกล่าวคือชายลักษณะวัยกลางคน อยู่ในชุดคลุมยาวสีเทา น้ำเสียงมีความเย็นเยือกปนอยู่เล็กน้อย
“ข้ารู้จักเจ้าหรือ? ข้าเป็นผู้ใด ทำเรื่องอะไร มันมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือ?”หลัวซิวถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เขาสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าฝ่ายตรงข้ามประสงค์ร้ายต่อตนเอง เพราะฉะนั้นน้ำเสียงในการพูดจึงไม่มีความจำเป็นต้องเกรงใจอะไร
“ฮ่าฮ่า สมกับที่เป็นท่านชายซิวหลัวผู้สามารถล้มล้างตำหนักเสินหยูได้เสียจริง เจ้าทราบหรือไม่ว่าผู้ที่กำลังคุยกับเจ้าอยู่คือผู้ใด? เขาคือคนในตำหนักเสินหยูเชียวนะ!”และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งสะท้อนมา ราวกับดังมาจากทั่วทุกสารทิศยังไงอย่างนั้น ทำให้คนไม่ทราบว่าเสียงดังกล่าวมาจากทิศทางใด ในส่วนของเจ้าของเสียงนั้น ก็ไม่ได้ปรากฏตัวเช่นกัน
“แสร้งเป็นเทพเป็นผีต่อหน้าข้า มันสนุกมากเลยรึ?”หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ผู้พูดคนที่สองชำนาญกฎปริภูมิ ซ่อนตัวอยู่ในอนัตตา อุบายประเภทนี้สามารถทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวได้อยู่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวซิว มันก็เป็นการสอนจระเข้ว่ายน้ำแล้วล่ะ
มีรัศมีเทวสองดวงพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา เงาร่างหนึ่งจึงถูกเขาบีบให้ออกจากอนัตตา มีรัศมีความแปลกใจปรากฏบนใบหน้า “ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะทราบตำแหน่งของข้าอย่างนั้นหรือ?”
คนดังกล่าวคือชายหนุ่มที่ดูวัยรุ่นมาก ๆ กำลังกวาดตามองหลัวซิวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาที่น่าสนใจพลางพูด: “ขอแนะนำตัวก่อน ข้าคือซือถูเซิ่งเจี๋ยจากเขาดึกดำบรรพ์ ส่วนเจ้าหมอนั่นคือหรงเทาจากตำหนักเสินหยู”
ชายหนุ่มคนนั้นเป็นฝ่ายบอกความเป็นมาของตัวเองออกมาด้วยตนเอง สำหรับเขาดึกดำบรรพ์นั้น หลัวซิวย่อมต้องคุ้นเคยอยู่แล้ว ทว่าตำหนักเสินหยูกลับทำให้หลัวซิวนึกถึงตำหนักเสินหยูที่เขาเพิ่งล้มล้างไปเมื่อไม่นานมานี้อย่างอดไม่ได้
ซือถูเซิ่งเจี๋ยมองความสงสัยของหลัวซิวออก จึงอธิบายอีกว่า: “สหายหลัวไม่ทราบสินะ? ตำหนักเสินหยูคือการถ่ายทอดสืบสานที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เฉินหยูทิ้งไว้ในมหาโลกาพันสาม ส่วนตำหนักเสินหยูเป็นการถ่ายทอดสืบสานที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เฉินหยูทิ้งไว้ในโลกร้าง”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว หลัวซิวก็หรี่ตาลงกะทันหัน เขาได้ยินปัญหาที่เป็นกุญแจสำคัญสองคำจากคำพูดนี้
ลำดับแรกคือหรงเทานี่มาจากโลกมหาศักดิ์ อีกทั้งมาจากหนึ่งในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดอย่างโลกร้าง รองลงมาคือในเมื่อคนดังกล่าวเดินทางมาพร้อมกับซือถูเซิ่งเจี๋ย ฝ่ายตรงข้ามต้องเดินทางมาโดยเส้นทางดาราแน่นอน ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเส้นทางดาราของเขาดึกดำบรรพ์ได้เชื่อมต่อไปยังโลกร้าง!
“ฟางห้าวหยูเป็นอะไรของเจ้า?”หลัวซิวถามอย่างเรื่อยเปื่อย กระแสตัวสำนึกถึงกับสัมผัสได้ว่าผลการฝึกตนของซือถูเซิ่งเจี๋ยคือแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ อีกทั้งยังไม่ใช่มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั่วไปด้วย แต่เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลาง!
นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกตะลึงเล็กน้อย อีกทั้งรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่ จากความลึกลับและภูมิฐานที่แน่นแฟ้นของเขาดึกดำบรรพ์ การบ่มเพาะมหาจักรพรรดิยุทธ์ออกมานั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด แต่คนนอกแค่ไม่ทราบเท่านั้นเอง
“ฟางห้าวหยูเป็นศิษย์ของข้า ข้าคือประมุขเขาของเขาดึกดำบรรพ์ในยุคนี้”ซือถูเซิ่งเจี๋ยยิ้มพลางตอบกลับ เขาไม่เหมือนเฒ่าประหลาดที่ฝึกตนมาหลายปีเลยสักนิด อีกทั้งเขาดูหนุ่มมากจริง ๆ ฝึกตนมาประมาณหมื่นกว่าปีก็บรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลางแล้ว พรสวรรค์เช่นนี้ในมหาโลกาพันสามนั้น สามารถเรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ที่เก่งกาจถึงขีดสุดแล้ว
เมื่อเห็นว่าหลัวซิวและซือถูเซิ่งเจี๋ยทั้งสองคนคุยตอบโต้กัน หรงเทาที่รู้สึกว่าตัวเองถูกมองข้ามก็ทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง “ข้าไม่อยากพูดจาไร้สาระมาก ตำหนักเสินหยูเหมือนดั่งสำนักที่อยู่เบื้องล่างตำหนักเสินหยูของเรา ที่ข้าเดินทางมาในครั้งนี้ ก็เพื่อมาเอากะโหลกและช่องจิตของเจ้ากลับไปรายงานผลปฏิบัติงาน”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ก็มีจิตสังหารที่สะเทือนฟ้าระเบิดออกมาจากร่างหรงเทาแล้ว ผลการฝึกตนของเขาแข็งแกร่งกว่าประมุขเขาของเขาดึกดำบรรพ์อย่างซือถูเซิ่งเจี๋ยมาก มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลาย!
ผลการฝึกตนเช่นนี้ อย่าว่าแต่นายแห่งเผ่าจี้ที่เพิ่งบรรลุเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้ไม่นานเลย มาตรแม้นว่าเปรียบเทียบกับมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ ก็แตกต่างกันไม่น้อยเลย