มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2650
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2650
นอกจากนี้ตระกูลเทพสงครามก็มีจ้าวมหาเทพกำเนิดขึ้นมาหลายคน หากผลการฝึกตนของคนตระกูลเทพสงครามสามารถบรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพขึ้นไปได้ เช่นนั้นความสามารถของตระกูลเทพสงคราม ก็พูดได้ว่ามีสภาพการณ์ที่แน่นอนแล้ว
หลายปีมานี้ยู่เอ๋อร์ก็ได้เอาแต่ปิดตัวฝึกตน นางฝึกฝนอย่างมุมานะกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะตอนนี้นางเป็นจี้จู่แล้ว นางไม่อยากทำให้อาจารย์กับพี่หลัวซิวผิดหวัง
เผ่าปีศาจได้รับช่วงต่อโลกาบรรพมารเป็นที่เรียบร้อย สำหรับเรื่องนี้เขาดึกดำบรรพ์ไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่หลัวซิวกับเผ่าจี้ทราบดีว่า เขาดึกดำบรรพ์จะไม่ยอมจบง่าย ๆ แบบนี้อย่างแน่นอน
จริงอย่างที่เขาคิดเอาไว้ หลังจากมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงได้รับกรองแก้วมรกตดั้งเดิมที่เขามอบให้ หลัวซิวเองก็ได้ฟื้นฟูถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ตามที่คิดเอาไว้ และหลังจากผลการฝึกตนได้ฟื้นฟู สิ่งที่มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงชวนให้เขาทำเป็นอันดับแรก ก็คือไปหาเรื่องเขาดึกดำบรรพ์
แต่เนื่องจากความหวั่นเกรงที่มีต่อเขาดึกดำบรรพ์ มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงไม่กล้าที่จะไปคนเดียว ดังนั้นจึงมาหาหลัวซิวที่เผ่าจี้ตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว แต่ตอนนั้นหลัวซิวไม่อยู่ และไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่ไหน
ดังนั้นตอนที่หลัวซิวกลับถึงเผ่าจี้ พอมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงได้รู้เข้าก็รีบมาทันที
ภายในตำหนักใหญ่เผ่าจี้ ทันทีที่มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงเดินเข้ามา ก็ได้ปลดปล่อยรัศมีพลังของตัวเองออกมา
จอมยุทธ์เริ่มควบคุมกฎขั้นที่สิบได้เมื่อบรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพ มีเพียงบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ถึงจะเข้าใกล้บริบูรณ์ ดังนั้นแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ พูดได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลงจากขั้นกฎไปเป็นขั้นเกณฑ์
ทันทีที่ผลการฝึกตนถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูง ก็สามารถพูดได้ว่าเดินมาถึงขีดสุดของกฎแล้ว ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ในมหาโลกาพันสาม ถึงจะสามารถเรียกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ไร้เทียมทานได้
เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงก็มีผลการฝึกตนเช่นนี้ และตอนนี้เขายังควบคุมพลังแห่งปรโลกอยู่ส่วนหนึ่ง ความสามารถของเขาอยู่เหนือกว่าตอนนั้นเสียอีก หากใช้เทพมารระดับหกมาวัด เช่นนั้นมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงในตอนนี้ เท่ากับว่ามีความสามารถในระดับราชาเทพขั้นหก
สัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันมหาศาลจากร่างของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงซัดสาดเข้ามาหาตัวเอง รู้ซิวย่อมรู้อย่างแน่นอนว่าโยวหมิงผู้นี้ต้องการทำสิ่งใด
ไม่เจอกันมาสี่สิบกว่าปี ผลการฝึกตนของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงได้ฟื้นฟู จึงอยากลองหยั่งเชิงดูว่าหลายปีมานี้ตนก้าวหน้าถึงขั้นไหนแล้ว
ความกดดันจากพลังเช่นนี้ สำหรับหลัวซิวแล้วมันไม่เป็นผลอะไรเลยสักนิด อย่าว่าแต่อยู่ในมหาโลกาพันสามเลย ต่อให้เป็นในโลกมหาศักดิ์แปดด้าน คนที่สามารถกดดันเขาโดยใช้รัศมีพลังได้นั้น มีอยู่ไม่มากอย่างแน่นอน
“ฮ่า ๆ หลายปีมานี้ดูท่าสหายหลัวก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาไม่น้อย” ไม่นานมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงก็ได้เก็บรัศมีพลังลงไปและยิ้มกล่าว
“สหายโยวหมิงมาหาข้าโดยเฉพาะ คงไม่ใช่เพียงแค่ต้องการหยั่งเชิงฝีมือของข้าหรอกกระมัง?” หลัวซิวกล่าวอย่างเรียบ ๆ
“จุดประสงค์ที่ข้ามาไม่ต้องพูดคิดว่าสหายหลัวก็คงรู้ ครั้งนี้ข้ามาเพื่อเชิญสหายหลัวไปเขาดึกดำบรรพ์ด้วยกันกับข้า”
รูม่านตาของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงหดลงเล็กน้อย ในใจของเขานั้นเกลียดแค้นเขาดึกดำบรรพ์มานาน
“สหายโยวหมิง แม้ว่าซือถูเซิ่งเจี๋ยจะตายไปแล้ว แต่รากฐานของเขาดึกดำบรรพ์ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น ตอนนั้นท่านเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงยังได้รับบาดเจ็บหนักจากที่นั่น แม้ว่าฝีมือของท่านจะฟื้นฟูกลับมาแล้ว ก็รับรองได้ว่ามีความมั่นใจอย่างนั้นหรือ?” หลัวซิวกล่าวเช่นนี้
“ข้าย่อมไม่มั่นใจอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจึงได้มาเชิญสหายหลัวไปกับข้าอย่างไรเล่า แม้ว่าตอนนั้นกับตอนนี้ข้าล้วนเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูง แต่ความสามารถของข้าร้ายกาจกว่าตอนนั้นมากอย่างแน่นอน หากมีสหายหลัวช่วยอีกแรง ความมั่นใจของข้าก็จะสูงขึ้นมาอีกมาก”
หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ต่อให้ท่านกับข้าร่วมมือกันสามารถกำจัดเขาดึกดำบรรพ์ แต่นั่นก็เพียงแค่ทำลายเขาดึกดำบรรพ์ในมหาโลกาพันสามเท่านั้น ปลายทางอีกด้านของเส้นทางดาราอยู่ในโลกร้าง มีการสืบทอดเขาดึกดำบรรพ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ไม่ใช่สิ่งที่ฝีมือของท่านกับข้าในตอนนี้จะสามารถต่อกรด้วยได้”
ด้วยฝีมือในตอนนี้ของหลัวซิว เป็นธรรมดาที่จะไม่เห็นเขาดึกดำบรรพ์ในมหาโลกาพันสามอยู่ในสายตา แต่ที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นเกรงนั้นคือกองกำลังในโลกร้าง
หรือต่อให้เขาไม่หวั่นเกรง แต่ก็ต้องคิดเผื่อเผ่าจี้กับคนข้างกายของเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปหาเรื่องเขาดึกดำบรรพ์โดยตรง