มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2651 บุกเขาดึกดำบรรพ์
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2651 บุกเขาดึกดำบรรพ์
หลัวซิวกับมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงนั้นไม่เหมือนกัน มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงคนนี้ไม่มีความกังวลใด ๆ แต่เขาต้องคำนึงถึงคนที่อยู่ข้างกาย
หากเขากับมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงร่วมมือกันกำจัดเขาดึกดำบรรพ์ เช่นนั้นทันทีที่เขาดึกดำบรรพ์ในโลกร้างส่งผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นเจ็ดมา แล้วเขาจะเอาอะไรไปรับมือ?
ต่อให้เขาสามารถทิ้งทุกอย่างไปได้ แล้วเผ่าจี้กับตระกูลเทพสงครามล่ะจะทำเช่นไร?
“สหายหลัว ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวอะไร เจ้าคงกลัวว่าเขาดึกดำบรรพ์กับตำหนักเสินหยูจะมีผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นเจ็ดล่ะสิ?”
มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงพลันยิ้มอ่อน ๆ กล่าว: “ไม่ขอปิดบัง เขาดึกดำบรรพ์มีผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นเจ็ดอยู่จริง แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นเจ็ดท่านนั้นใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการปิดตัวฝึกตน แถมยังต้องคอยอยู่ประจำการที่โลกร้าง ไม่มีทางมามหาโลกาพันสาม”
“ส่วนกองกำลังอย่างตำหนักเสินหยู อยู่ในโลกร้างไม่นับอะไรด้วยซ้ำ ไม่มีเทพมารขั้นเจ็ดอยู่เลยสักคน ไม่เช่นนั้นเจ้ากำจัดตำหนักเสินหยูไป แล้วทำไมตำหนักเสินหยูถึงได้ส่งเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงมาสองคนเท่านั้น?”
มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงวิเคราะห์ได้อย่างสมเหตุสมผล ดูเหมือนว่าเขาจะมีเส้นทางบางอย่าง ที่สามารถรู้ความลับของเขาดึกดำบรรพ์เกี่ยวกับโลกร้างได้
หลัวซิวรู้ว่าไม่จำเป็นที่มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงต้องโกหกเรื่องนี้กับเขา สี่สิบกว่าปีมานี้ทางเขาดึกดำบรรพ์ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย หากมีผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นเจ็ดที่สามารถลงมือได้ เกรงว่าคงบุกโจมตีมานานแล้ว จะรอถึงตอนนี้ได้อย่างไร?
ตอนนั้นหลู่ซิวเหวินบาดเจ็บหนักและหลบหนีไป เขาดึกดำบรรพ์กับตำหนักเสินหยูก็รู้แล้วว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงทำอะไรเผ่าจี้ไม่ได้ ดังนั้นก็เลยอดกลั้นมาโดยตลอด?
อีกอย่างโยวหมิงยังได้บอกข่าวสำคัญอย่างหนึ่งออกมา นั่นก็คือเขาดึกดำบรรพ์มีเทพมารขั้นเจ็ดอยู่คนเดียวเท่านั้น แถมคนผู้นี้ยังปิดตัวฝึกตนอยู่ตลอดปี บางทีคนของเขาดึกดำบรรพ์อาจรอให้ผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นเจ็ดคนนั้นออกจากการปิดขังฝึกตนก็เป็นได้!
เพียงชั่วพริบตา จากคำพูดเพียงประโยคเดียวของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิง ก็มีความคิดมากมายปรากฏขึ้นมาในสมองของหลัวซิว
ถ้าหากเขาดึกดำบรรพ์รอให้เทพมารขั้นเจ็ดออกจากการฝึกตนอยู่ละก็ เช่นนั้นเขาก็จะรอแบบนี้ต่อไปไม่ได้จริง ๆ ต้องเป็นฝ่ายลงมือก่อน ทำลายเส้นทางดารา เช่นนี้แล้ว อีกฝ่ายต้องการฉีกพื้นโลกปริภูมิข้ามมาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ได้! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะไปเขาดึกดำบรรพ์พร้อมกับสหายโยวหมิง!”
……
สำนักเขาของเขาดึกดำบรรพ์ตั้งอยู่ที่ใดกันแน่นนั้น สำหรับจอมยุทธ์หลายคนล้วนเป็นปริศนา แต่ความจริงนั้นเขาดึกดำบรรพ์ตั้งอยู่ในส่วนลึกของห้วงดาราที่รกร้างแห่งหนึ่งในมหาโลกะดึกดำบรรพ์
ทรัพยากรของที่นี่ขาดแคลนเหือดแห้ง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารก็น้อยมากที่จะมาที่นี่ เขาดึกดำบรรพ์ตั้งอยู่ที่นี่ แถมยังมีวิชาห้ามค่ายกลปิดบังร่องรอยเอาไว้ คนธรรมดาย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าเขาดึกดำบรรพ์ตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่
วิชาห้ามค่ายกล หลัวซิวสามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย วิชาห้ามค่ายกลอยู่ที่รอบ ๆ เขาดึกดำบรรพ์ ก็เป็นเพียงแค่ค่ายเทพระดับห้าเท่านั้น แม้ว่าเขาดึกดำบรรพ์จะเคยมีผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นเจ็ด แต่กลับไม่เคยมีนักค่ายเทพที่เหนือกว่าระดับห้าเลยแม้แต่คนเดียว
หลังจากที่วิชาห้ามค่ายกลถูกหลัวซิวทำลาย ดินแดนห้วงดาราอันกว้างใหญ่ ก็ได้ปรากฏขึ้นมาในสายตาของหลัวซิว
ดินแดนห้วงดาราแห่งนี้มีขอบเขตอันกว้างขวาง เขาสำนักของเขาดึกดำบรรพ์ สร้างอยู่บนดินแดนดาราแห่งนี้นั่นเอง
“ใครกันถึงกล้าบุกเข้ามาในดินแดนต้องห้ามของเขาดึกดำบรรพ์?”
ตอนที่หลัวซิวกับมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงเพิ่งได้เหยียบลงไปบนดินแดนดาราแห่งนี้ ศิษย์ของเขาดึกดำบรรพ์สองคนก็ได้กลายร่างเป็นสายรุ้งเหาะเข้ามา ปากก็ตวาดเสียงดัง
มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงไม่อยากพูดมากเลยสักนิด ยกมือขึ้นโบก หมอกดำกลุ่มหนึ่งก็ได้กลิ้งลอยเข้ามา ศิษย์ของเขาดึกดำบรรพ์สองคนนั้นกลายเป็นโครงกระดูกแห้งสองโครงภายในพริบตา พลังชีวีดั้งเดิมถูกกลืนกินไปจนหมด
“หึ ก็แค่มดในแดนมกุฎเทพเท่านั้นยั้งกล้ามาโหวกเหวกโวยวายอยู่ต่อหน้าข้าอีก?” มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงกล่าวเย้ยหยัน วันนี้เขากับหลัวซิวมาเพื่อหาเรื่องเขาดึกดำบรรพ์ ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้พบเข้ากับพวกเขาในตอนนี้ รับรองว่าจะต้องตายไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน
มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงเพิ่งสังหารศิษย์ทั่วไปของเขาดึกดำบรรพ์ไป ในส่วนลึกของดินแดนห้วงดาราแห่งนี้ แสงอันสวยงามได้กระจายออกมา ครอบคลุมไปทั่วดินแดนดาราภายในพริบตา
นี่คือค่ายป้องกันของเขาดึกดำบรรพ์ แม้จะไม่ใช่ระดับหก แต่ก็ได้บรรลุถึงระดับห้าขั้นสูงสุด
ค่ายกลในระดับนี้ อย่างว่าแต่หลัวซิวเลย แม้แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา โลงศพดำทมิฬระเบิดออกไปทันที ค่ายป้องกันสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง แตกระแหงเป็นรอยแล้วรอยเล่า
ทันใดนั้น ระฆังเตือนภัยภายในเขาดึกดำบรรพ์ก็ดังขึ้น เพียงชั่วพริบตา ลำแสงสายรุ้งนับไม่ถ้วนก็ได้พุ่งเจ้ามาทางด้านนี้
หลัวซิววาดวิกลขึ้นมา ยันต์ค่ายสายแล้วสายเล่าถูกเขาประทับลงไปในอากาศ ต่อจากนั้นเขาก็ได้ซัดธงค่ายออกไปจำนวนหนึ่ง ใช้วิชาค่ายกลเป็นตัวช่วย ใช้ตำหนักวัฏสงสารเป็นใจกลางค่าย เสียงครืนดังขึ้น เขาได้ซัดตำหนักวัฏสงสารออกไป
ทันใดนั้นตำหนักสีทองแดงโบราณก็กระแทกลงไปบนค่ายป้องกันของเขาดึกดำบรรพ์ จุดที่อ่อนแอที่สุดของค่ายกลใหญ่ระดับห้าขั้นสูงสุดนี่ถูกโจมตี และได้แตกสลายไปทันที
จอมยุทธ์จำนวนมากของเขาดึกดำบรรพ์พากันทำอะไรไม่ถูกขึ้น ค่ายป้องกันถูกทำลายได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ แท้จริงแล้วศัตรูผู้มาบุกรุกแข็งแกร่งถึงขั้นใดกันแน่?
“หลัวซิว โยวหมิง เป็นพวกเจ้า!?”
ผู้อาวุโสของเขาดึกดำบรรพ์คนหนึ่งทั้งตกใจทั้งโมโห ประมุขเขาซือถูเซิ่งเจี๋ยเพิ่งจะสิ้นชีพไปได้ไม่นาน ทั้งสองคนก็บุกมาที่นี่เสียแล้ว
“ฮ่า ๆ วันนี้ข้ามาเพื่อทำลายเขาดึกดำบรรพ์ของพวกเจ้า!”
มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงบุกเข้าไปในทันที แม้ซือถูเซิ่งเจี๋ยจะตายไปแล้ว แต่เขาดึกดำบรรพ์ก็ยังคงมีผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์สามคนประจำการอยู่
ภายในสามคนนี้ มีสองคนเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลาง ผลการฝึกตนด้อยกว่าซือถูเซิ่งเจี๋ยในตอนนั้น ยังมีอีกคนเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลาย เป็นผู้อาวุโสไท่ซ่างเพียงหนึ่งเดียว
ทันทีที่มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงลงมือ ก็ได้สำแดงรัศมีพลังของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงออกมา สีหน้ามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามเปลี่ยนไปทันที
“เชิญรากฐานอาจารย์ปู่!” ผู้อาวุโสไท่ซ่างมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายคนนั้นตะโกนเสียงดังขึ้นมา
ครืนนน……
แผ่นดินที่อยู่ด้านล่างสั่นขึ้นมาอย่างแรง รอยแยกขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้น ต่อจากนั้นรูปปั้นสูงตระหง่านองค์หนึ่ง ได้ค่อย ๆ ผุดออกมาจากรอยแยกนั้น แสงเทวส่องแพรวพราวไปทั่วทั้งร่าง
นี่คืออาจารย์ปู่ของเขาดึกดำบรรพ์ และก็เป็นรูปปั้นองค์หนึ่งของมหาจักรพรรดิยุทธ์ดึกดำบรรพ์ เล่าขานกันว่าหลังจากมหาจักรพรรดิยุทธ์ดึกดำบรรพ์ได้บรรลุแดนเทพมารขั้นเจ็ดที่โลกร้าง เคยได้ประทับดวงจิตของตนใส่เข้าไปในรูปปั้นองค์นี้ เพื่อให้คอยปกป้องรักษาสำนักเขาของเขาดึกดำบรรพ์
ทันทีที่รูปปั้นอาจารย์ปู่ปรากฏขึ้น ก็ได้กระจายรัศมีพลังที่แข็งแกร่งเป็นที่สุดออกมา มือขนาดใหญ่ที่มีแสงสีเขียวพันกันข้างหนึ่งยื่นออกมา ปิดฟ้าปิดตะวัน ปกคลุมมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงเอาไว้ที่ใต้ฝ่ามือ
พลังแห่งเกณฑ์สายแล้วสายเล่าผสานกันเป็นตาข่าย เหมือนดั่งตาข่ายสวรรค์ห่างแต่ไม่รั่ว ส่วนมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงนั้นเป็นเหมือนปลาในแห ไร้ทางหลบหนี
“ครั้งนี้ข้าไม่กลัวเจ้าหรอกนะ”
มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงตะโกนเสียงดัง หลายร้อยล้านปีก่อนเขามาบุกเขาดึกดำบรรพ์ ก็เคยถูกมือใหญ่ของรูปปั้นอาจารย์ปู่องค์นี้สยบเอาไว้
พลังแห่งปรโลกถูกมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงขับเคลื่อนออกมา โลงศพดำทมิฬขยายใหญ่ขึ้นปะทะลม ฝาโลงเปิดออก มฤตยูมหากาพย์หวีดหวิว พัดม้วนเข้าไป
แม้ว่าพลังแห่งปรโลกจะอยู่ในระดับสูง เป็นพลังแห่งสวรรค์ แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงตระหนักรู้ได้อย่างมีขีดจำกัด สำแดงพลังออกมาได้ไม่มากเท่าไรนัก
ส่วนพลังแห่งเกณฑ์ที่แฝงอยู่ในรูปปั้นอาจารย์ปู่องค์นี้ กลับเป็นพลังที่เทพมารขั้นเจ็ดทิ้งเอาไว้ สูงต่ำตัดสินได้อย่างง่ายดาย
เสียงระเบิดดังสนั่น มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงลอยถอยหลังออกไป โลงศพดำทมิฬก็ถูกมือใหญ่นั่นซัดลอยออกไป ไม่อาจต้านทานพลังได้
ตำหนักวัฏสงสารของหลัวซิวก็จู่โจมเข้าไปเช่นเดียวกัน วินาทีที่กระแทกกับมือใหญ่ของรูปปั้นอาจารย์ปู่ ก็ถูกกระแทกลอยออกไปเช่นกัน รวมทั้งค่ายกลลายค่ายที่เขาสร้างขึ้นมาเมื่อสักครู่ ต่างก็พังทลาย และสลายหายไป
การโจมตีของเทพมารขั้นเจ็ด!
พลังที่รูปปั้นอาจารย์ปู่องค์นี้ได้แสดงออกมา รับรองได้ว่าสามารถทัดเทียมได้กับการโจมตีของเทพมารขั้นเจ็ดอย่างแน่นอน
มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงอ้าปากกระอักเลือดออกมา สีหน้ามืดมนน่าหวาดกลัว กล่าวกับหลัวซิว “สหายหลัวเจ้ามีวิธีจัดการกับมันหรือไม่? ในปีนั้นข้าก็ได้รับบาดเจ็บหนักเพราะการโจมตีของรูปปั้นอาจารย์ปู่นี่”
เดิมเขาคิดว่าความสามารถของตนเองเหนือกว่าเมื่อตอนนั้นมากไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวรกรากของเขาดึกดำบรรพ์ กลับคิดไม่ถึงว่าเขาประเมินตนเองสูงไป แม้จะไม่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนักเหมือนในตอนนั้น แต่ก็ไม่อาจรับมือซึ่ง ๆ หน้าได้
“ครืน!”
ในตอนนี้เอง รูปปั้นอาจารย์ปู่ก็ได้ก้าวเท้าเดินเข้ามา ฝ่ามือบังฟ้า กดทับลงมา
หลัวซิวขับเคลื่อนกฎห้วงเวลากับกฎความเร็วออกมาโดยไม่ลังเล เงาร่างหายไปในชั่ววินาที มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงก็ไม่กล้าฝืนรับมือโดยตรง ได้แต่หลบหนีด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
หลังจากเสียงดังสะเทือนหูได้ดังขึ้น รอยมือขนาดใหญ่ประทับอยู่บนพื้นดิน ดินแดนนับพันลี้กลายเป็นซากปรักหักพัง สิ่งที่มีรูปร่างต่างกลายเป็นผุยผงไปทั้งหมด
“สหายหลัวยังไม่ลงมืออีกหรือ? แสดงกระบวนท่าที่เจ้าใช้สังหารซือถูเซิ่งเจี๋ยในปีนั้นออกมาสิ ต้องสามารถกำจัดเจ้าตัวใหญ่นี่ได้อย่างแน่นอน!” มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงตะโกนขึ้นมา
หลัวซิวเบ้ปาก หากพลังอมตะดาบทะยานเซียนสามารถใช้ออกมาได้ง่าย ๆ เขาก็คงใช้ไปนานแล้ว ตอนนี้ได้เซ่นดาบทะยานเซียนออกมาเพื่อสังหารซือถูเซิ่งเจี๋ย หลัวซิวก็เพียงต้องการลองดูเท่านั้น ไม่คิดว่าจะได้ผล
ในตอนที่สำเร็จแล้วจริง ๆ นั้น เขากลับคิดว่ามันสิ้นเปลืองเกินไป ใช้ดาบทะยานเซียนสังหารซือถูเซิ่งเจี๋ย พูดได้ว่าเป็นการสบประมาทและดูหมิ่นดาบทะยานเซียน
และก็เพราะหลังจากดาบนั้น ทำให้รูปปั้นหวูชวงสูญเสียพลังทิพย์ไป รวบรวมพลังทิพย์ที่สามารถสำแดงดาบทะยานเซียนออกมา อย่างน้อยต้องใช้เวลานับหมื่นปีถึงจะได้
รูปปั้นอาจารย์รูปนี้ของเขาดึกดำบรรพ์ หลัวซิวสามารถดูออกว่า ทั่วทั้งร่างของรูปปั้นองค์นี้ล้วนทำขึ้นจากวัสดุระดับเทพขั้นเจ็ด เห็นได้ว่าเพื่อรับประกันว่าการสืบทอดของเขาดึกดำบรรพ์จะสามารถสืบทอดต่อไปได้ มหาจักรพรรดิยุทธ์ดึกดำบรรพ์ได้ใช้ความคิดอย่างสุดกำลัง
หากลาร์อยู่ที่นี่ ก็พอจะรับมือกับรูปปั้นองค์นี้ได้บ้าง เพราะร่างเนื้อของลาร์เป็นร่างเทพมารขั้นเจ็ด แม้ว่าพลังการต่อสู้ที่แสดงออกมาจะมีขีดจำกัด แต่ต่อให้เป็นการโจมตีของเทพมารขั้นเจ็ด ก็อย่าคิดว่าจะทำอันตรายเขาได้
“โลหิตแห่งชิงเทียน!”
รัศมีพลังบนร่างกายของหลัวซิวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาศัยพลังของโลหิตแห่งชิงเทียน แสงเทวสีเขียวสายหนึ่งลอยออกมาจากตรงกลางระหว่างคิ้วของเขา บนท้องฟ้าสูง มีศิลาเทวเก่าแก่ผ่านกาลเวลาแสนนานแท่งหนึ่งปรากฏขึ้น
ศิลาแท่งนี้ ก็คือศิลาผนึกปีศาจนั่นเอง
ครืน!
ศิลาผนึกปีศาจร่วงหล่นลงมา กดทับลงไปบนศีรษะของรูปปั้นอาจารย์ปู่
ผู้อาวุโสทั้งสามของเขาดึกดำบรรพ์ที่ขับเคลื่อนควบคุมรูปปั้นอาจารย์ปู่มีสีหน้าเย้ยหยัน ก็แค่ของขลังศิลาเทวชิ้นหนึ่งคิดจะสยบรูปปั้นอาจารย์ปู่ซึ่งไร้เทียมทานอย่างเห็นเพียงรูปปั้นอาจารย์ปู่องค์นั้นยกมือแล้วซัดออกไปเหนือศีรษะ มือยักษ์กับศิลาเทวกระทบเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นก็เกิดเป็นเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้นมา
ตึง!
เสียงสายนี้ เป็นเหมือนดั่งเสียงฟ้าคำราม รูปปั้นใหญ่กระทืบฟื้น พื้นที่ในระยะหมื่นลี้พังทลายกลายเป็นผุยผง น้ำหนักของศิลาผนึกปีศาจเป็นที่น่าตกตะลึง มือใหญ่ของรูปปั้นอาจารย์ปู่ ไม่สามารถสะทกสะท้านมันได้เลย ตรงกันข้ามฝ่ามือของรูปปั้นอาจารย์ปู่ได้เกิดเป็นรอยแตกขึ้นมา
ความร้ายกาจของศิลาผนึกปีศาจคือการสยบ ทันทีที่ถูกศิลาเทวแท่งนี้สยบลง แม้แต่สุดยอดผู้แข็งแกร่งบำเพ็ญปรปักษ์ในยุคไท่ชูก็อย่าคิดว่าจะหนีไปได้โดยง่าย
ความจริงแล้วใช้ผลการฝึกตนของหลัวซิวในตอนนี้ขับเคลื่อนศิลาผนึกปีศาจ ถ้าเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ หากอีกฝ่ายได้มีการป้องกันเอาไว้ก่อน ก็จะสามารถหลบการสยบของศิลาผนึกปีศาจได้โดยง่าย
ทว่าผู้อาวุโสทั้งสามของเขาดึกดำบรรพ์กลับประเมินพลังของศิลาผนึกปีศาจต่ำไป ถึงได้ใช้รูปปั้นอาจารย์ไปรับมือกับศิลาผนึกปีศาจซึ่ง ๆ หน้า ไม่ได้หลบไปก่อนเป็นอันดับแรก
ครืนนน!
ศิลาผนึกปีศาจกดทับลงไป รูปปั้นอาจารย์ปู่ใช้มือทั้งสองข้างค้ำยันศิลาเทวเอาไว้ แต่ก็ทำได้เพียงชะลอการกดทับลงมาของศิลาเทวเท่านั้น ทว่ากลับยังคงถูกสยบลงไปอย่างช้า ๆ