มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2719 เศษหยกชิ้นที่สี่
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2719 เศษหยกชิ้นที่สี่
“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……”
พลังอมตะของขลังที่นับไม่ถ้วนโจมตีลงบนค่ายสังหาร จนเกิดเป็นระลอกคลื่นพลังงานม้วนซัดออกไป
ค่ายกลต้องห้ามที่อยู่รอบเขากรองแก้วมรกตดั้งเดิม ก็เกิดจากออร่าดั้งเดิมที่แฝงซ่อนอยู่ภายในกรองแก้วมรกตดั้งเดิมแผ่กระจายออกมาแล้วสะสมกันเป็นเวลานาน บวกกับระดับของกรองแก้วมรกตดั้งเดิมไม่สูงมากนัก เพราะฉะนั้นพลังอานุภาคของค่ายกลต้องห้ามจึงไม่ได้ทรงพลังมากเท่าไหร่
หลังจากผ่านไปนาน ภายใต้การโจมตีอย่างทุ่มสุดกำลังสามารถของคนสองร้อยกว่าคน ค่ายสังหารสุดท้ายที่ขวางอยู่ตรงหน้าผู้คนถูกโจมตีจนแตกสลายไปแล้ว
ค่ายกลคุ้มกันและค่ายสังหารล้วนถูกทลาย เขากรองแก้วมรกตดั้งเดิมที่สูงตระหง่านเกือบสามร้อยเมตรก็เท่ากับวางอยู่ตรงหน้าผู้คนโดยตรง จำนวนคนที่อยู่ที่นี่มีมากมายเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าบอกเลยว่าตนจักได้ครอบครองเขากรองแก้วมรกตดั้งเดิมลูกนี้คนเดียว ผู้ใดเร็วก็ย่อมได้ครอบครองมากกว่าอยู่แล้ว
“ให้ตายเถอะ!”
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนสบถคำหนึ่ง จากนั้นเขาก็พุ่งตรงไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุดเช่นกัน เดิมทีเขายังวางแผนที่จะแบ่งกับหลัวซิวเท่า ๆ กันอยู่เลย บัดนี้มีคนเยอะขนาดนี้ ภายในใจเขาย่อมต้องเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นอยู่แล้ว
หลัวซิวก็ไม่มีทางเกรงใจอยู่แล้ว เขาง้างมือเรียกกระบี่ร่องฟ้าออกมา ก่อนจะฟาดฟันกระบี่ออกไป ทำการตัดส่วนยอดของเขากรองแก้วมรกตดั้งเดิมลูกนี้ลงมา จากนั้นก็โบกมือเก็บมันเข้าไปในแหวนเก็บของ
ยอดเขาส่วนนี้ก็มีหลายสิบเมตรแล้ว ซึ่งเท่ากับหนึ่งในสิบของทั้งเขากรองแก้วมรกตดั้งเดิม ถูกหลัวซิวเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของภายในพริบตา
มีวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศสองร้อยกว่าคนรวมตัวอยู่ที่นี่ แค่ตัวหลัวซิวคนเดียวก็เอาไปหนึ่งส่วนสิบ เรื่องนี้จึงต้องดึงดูดให้ผู้อื่นอิจฉาริษยาเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
สิ่งที่ทำให้ผู้คนยอมรับไม่ได้มากกว่านั้นก็คือหลัวซิวเอาส่วนยอดของเขากรองแก้วมรกตดั้งเดิมไปแล้ว แต่เขายังไม่รู้สึกพอเพียงอีก ฟาดฟันกระบี่ร่องฟ้าออกไปอีกสามครั้ง ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว เขากรองแก้วมรกตดั้งเดิมก็ถูกเขาเอาไปหนึ่งส่วนสามแล้ว!
“ไอ้สารเลว! ฆ่าไอ้สารเลวนั่นซะ!”
มีคนนับร้อยพุ่งตรงไปทางหลัวซิวภายในพริบตา ในมุมมองของคนจำนวนมาก ต่างคิดว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการไปแก่งแย่งเขากรองแก้วมรกตดั้งเดิมแล้ว จักดีกว่าหากแก่งแย่งกับหลัวซิวโดยตรง เนื่องจากแค่บนตัวเจ้าหมอนั่นก็มีหินแก้วดั้งเดิมหนึ่งส่วนสามของทั้งหมดแล้ว
ของขลังศัสตราวุธนับร้อยครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำการผนึกฟ้าดินรอบกายหลัวซิวเอาไว้ภายในพริบตา ทำให้เขาไม่สามารถหลบหนีออกไปจากเขตพื้นที่นี้ได้เลยด้วยซ้ำ
แท้จริงแล้วขณะที่หลัวซิวลงมือ เขาก็รู้แล้วว่าตนต้องตกเป็นเป้าที่ผู้คนต่างเข้าโจมตีแน่นอน แต่หลัวซิวกลับไม่ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ
“เวิ่งง!”
เตากลั่นนภาจื่อเซียวปรากฏเหนือศีรษะ ม่านแสงเปลวไฟสาดส่องลงมา ทำการต้านทานพลังโจมตีทั้งหมดเอาไว้ด้านนอก ถึงแม้จะมีพลังโจมตีบางส่วนที่สามารถทะลุผ่านม่านแสงคุ้มกันกระทบถึงตัวเขา ทว่าเมื่ออาศัยร่างเนื้อร่างเทวระดับเจ็ดขั้นสูง พลังโจมตีนี้กลับสร้างผลกระทบให้เขาได้ไม่มากด้วยซ้ำ
แม้นท่าทีที่คนนับร้อยนี้ลงมือโจมตีจะดูน่าเกรงขามมาก แต่แท้จริงแล้วพลังโจมตีกลับเทียบเคียงกับมือใหญ่ลึกลับที่เขาพบเจอด้านล่างแม่น้ำไม่ได้เลย
“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……”
รัศมีพลังที่แวววาวจับตาได้ทำการปกคลุมร่างกายหลัวซิวเอาไว้ แต่มีเตาเซียนคุ้มกัน เขาแทบจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
“ชัวะ!”
เขาง้างมือฟาดฟันกระบี่ออกไปอีกหนึ่งครั้ง ทำให้เขากรองแก้วมรกตดั้งเดิมที่เหลือไม่มากนั่นถูกตัดลงมาอีกหนึ่งส่วน แล้วเก็บเข้าไปในกระเป๋า
“เกิดเป็นมนุษย์ โลภมากเกินไปมันไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ!”
มีเสียงหึอันเยือกเย็นดังขึ้นกะทันหัน จากนั้นหลัวซิวก็มองเห็นเจียนอันเหมิน เห็นเพียงมีรัศมีสีทองดวงหนึ่งบินออกมาจากจุดตันเถียนของเขา รัศมีสีทองกลายเป็นรูปร่างลักษณะของมังกร แล้วพุ่งกระโจนพลางคำรามไปทางหลัวซิว
“ตู้มม!”
เสียงที่ดังทุ้มราวเสียงตีกลองดังก้องไปทั่วทุกสารทิศ คนจำนวนไม่น้อยล้วนรู้สึกว่าเลือดปราณสั่นสะเทือน ถอยหลังกลับไปด้วยสีหน้าที่ดูตะลึงงัน
ส่วนสีหน้าของหลัวซิวก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเช่นกัน เตากลั่นนภาจื่อเซียวที่ลอยอยู่เหนือศีรษะเขาสั่นเทิ้มอย่างไม่หยุดหย่อน เกราะป้องกันของเตากลั่นนภาจื่อเซียวถึงขั้นถูกทลาย
“ศัสตราวุธระดับเก้า!”
รูม่านตาของหลัวซิวหดลง พบว่ามังกรสีทองนั่นบินกลับเข้าไปในมือเจียนอันเหมิน ก่อนจะกลายเป็นดาบเทพสีทองหนึ่งเล่ม
เดิมทีผลการฝึกตนของเจียนอันเหมินนั่นก็เป็นเทพมารระดับเจ็ดอยู่แล้ว เมื่อปลดปล่อยพลังโจมตีด้วยศัสตราวุธระดับเก้า จึงเพียงพอที่จะสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับแปดถดถอยได้แล้ว
“ฆ่ามัน!”
ในขณะเดียวกัน ก็มีจิตสังหารที่น่าสยดสยองยิ่งกว่าแผ่กระจายออกมาจากตัววัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศคนอื่น ๆ ด้วย คนเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะขั้นสุดยอดในกองกำลังทั้งหลาย ในมือผู้ใดไม่มีสมบัติที่มีพลานุภาพเป็นหนึ่งบ้าง?
ภายในเวลาเสี้ยววินาทีเดียว ศัสตราวุธระดับเก้าสิบกว่าชิ้นก็พุ่งสังหารเข้ามาทางหลัวซิว และยิ่งมีศัสตราวุธของขลังระดับแปดที่อานุภาพไม่ธรรมดาหลายสิบชิ้นด้วย
“ให้ตายเถอะ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้หลัวซิวจะถือดีมากเพียงใด ก็ไม่กล้าฝืนต้านทานเช่นกัน จึงโคจรพลังเกณฑ์ปริภูมิและความเร็วอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะหายวับไปกับที่ภายในพริบตา
ในขณะที่ทุกคนกำลังจะลงมือต่อหลัวซิวอยู่นั้น จู่ ๆ ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนที่ไม่มีท่าทีอะไรในตอนแรกก็ลงมือกะทันหัน เรียกมารดาเตาผืนทองออกมา เสียงกวงดังขึ้น เขากรองแก้วมรกตดั้งเดิมที่เหลือก็ล้วนถูกเขาเอาไปหมดแล้ว
ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งบัดนี้หลัวซิวเอาไปไม่ถึงครึ่ง ทว่าลักษณะท่าทางในการกินของลิ่งฮู๋จื่อเซวียนกลับดูน่าเกลียดยิ่งกว่ามาก เอาไปหนึ่งครึ่งกว่าโดยตรง!
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนจึงดึงดูดความแค้นของผู้คนไปเกือบครึ่งภายในพริบตา จึงทำให้แรงกดดันฝั่งหลัวซิวลดลงไปเยอะมาก
“ไปตายซะ!”
เจียนอันเหมินไม่ได้ลงมือจัดการลิ่งฮู๋จื่อเซวียนแต่อย่างใด แต่เป็นการถือดาบเทพสีทองพุ่งตรงเข้าไปทางหลัวซิว เห็นเพียงเขาฟาดฟันดาบออกมาครั้งหนึ่ง ปราณดาบร่างมังกรสีทองก็พุ่งไปถึงหน้าหลัวซิวภายในพริบตา
พลังเกณฑ์ปริภูมิ!
พลังโจมตีนี้ก้าวข้ามผ่านการขวางกั้นของปริภูมิโดยตรง ปราณดาบที่เฉียบคมถึงขีดสุดฉีกกระชากอนัตตาจนเกิดเป็นรอยดาบสีดำที่ดำสนิท ยิ่งกว่านั้นคือมันได้ทำการทำลายม่านแสงคุ้มกันที่อยู่รอบกายหลัวซิวทิ้งด้วย
“เตี๊ยงง!”
หลัวซิวกวัดแกว่งกระบี่ร่องฟ้า ปราณดาบร่างมังกรสีทองถูกเขาทลายด้วยหนึ่งกระบี่
“มีปัญญาความสามารถเล็กน้อยจริง ๆ ด้วย แต่ก็แค่อาศัยความเก่งกาจของสมบัติเท่านั้นแหละ!”
เจียนอันเหมินทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง สำหรับเรื่องที่หลัวซิวผ่านด่านการคัดเลือกในรอบแรกก่อนเขานั้น ทำให้เขาจำฝังใจมาโดยตลอด เนื่องจากในสายตาเขา เทพมารระดับหกกระจอก ๆ คนหนึ่งมีสิทธิ์อะไรมาแย่งซีนเขา?
ตู้มม!
มีคลื่นพลังเวทย์ที่ดุดันยิ่งกว่าระเบิดออกมาจากตัวเจียนอันเหมิน เขาและดาบรวมกันเป็นหนึ่ง กลายเป็นปราณดาบร่างมังกรที่ยาวหลายพันเมตร แล้วเฉือนสับมาอย่างรวดเร็วและดุดัน
“สวรรค์ปราบ!”
หลัวซิวกำกระบี่ร่องฟ้าไว้ในมือ จิตสังหารที่ไร้ขอบเขตผนึกรวมกันบนกระบี่ ปราณกระบี่สีแดงเลือดพุ่งทะยานขึ้นฟ้า แล้วฉีกกระชากทุกสรรพสิ่งที่ขวางกั้น
“โครมคราม……”
พลังที่น่าสยดสยองม้วนซัดออกไปจากระลอกคลื่น ปริภูมิแตกสลายเป็นวงกว้าง การประสานงาของศัสตราวุธระดับเก้าทำให้คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันถดถอย มีเพียงผู้ที่มีของขลังที่ทรงพลังคุ้มกันเท่านั้นถึงจะสามารถต้านทานควันหลงระดับนี้ได้
และในเวลานี้เอง ก็มีคลื่นปริภูมิที่ทรงพลังแผ่กระจายออกมา หลัวซิวเห็นว่าลิ่งฮู๋จื่อเซวียนหยิบฮู้ออกมาหนึ่งชิ้นแล้วบีบให้แตกสลาย อนัตตาจึงถูกฉีกกระชากภายในพริบตา ก่อนที่เขาจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าลิ่งฮู๋จื่อเซวียนมีการเตรียมพร้อมตั้งแต่แรกแล้ว และยันต์ทะลุฟ้าที่เขาบีบแตกนั้นก็ไม่ใช่ฮู้ทั่วไปเช่นกัน อย่างน้อยก็เป็นฮู้ระดับแปด
หลัวซิวรู้อยู่ว่าทันทีที่ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนหนีไปแล้ว เช่นนั้นเขาก็ต้องกลายเป็นเป้าหมายที่ผู้คนต่างเข้าโจมตีแน่นอน ถึงแม้จะมีคนบางส่วนก็แย่งกรองแก้วมรกตดั้งเดิมได้เช่นกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับส่วนที่เขาและลิ่งฮู๋จื่อเซวียนแย่งได้แล้ว กลับเล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีพลังออร่าอันน่าสยดสยองที่มากมายมหาศาลปรากฏ ออร่าดังกล่าวได้ทำการแผ่คลุมทั้งเขตพื้นที่ที่เขากรองแก้วมรกตดั้งเดิมตั้งอยู่
ภายใต้การกดอัดจากพลังออร่านี้ ทำให้ทุกคนล้วนสามารถสัมผัสได้ถึงความต่ำต้อยของตนเอง เหมือนดั่งมดตัวจ้อยที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขต
“มีอะไรบางอย่างอยู่ด้านล่างเขากรองแก้วมรกตดั้งเดิม!”มีคนอุทานอย่างตะลึง ภายในเวลาชั่วขณะจึงมีตัวสำนึกที่นับไม่ถ้วนแผ่ขยายออกไป ก่อนจะพบว่ามีหลุมปรากฏบนตำแหน่งเดิมของเขากรองแก้วมรกตดั้งเดิมหนึ่งหลุม มีแสงสีเขียวที่แวววาวจับตาแย้มบานออกมาจากด้านใน ซึ่งพลังออร่าที่น่าสยดสยองนี้ก็พรั่งพรูออกมาจากแสงสีเขียวนั่นนั่นเอง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……
ทันใดนั้นเอง ไม่รู้เพราะเหตุใด ร่างกายของวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศสิบกว่าคนก็ระเบิดแตกกลายเป็นหมอกเลือดกะทันหัน ตายอย่างไม่เหลือซาก
ภายในเวลาชั่วขณะ ทำให้ทุกคนล้วนหวาดหวาดกระวนกระวายขึ้นมา ณ วินาทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ในตระกูลเทียนฮวงหรือพวกเจียนอันเหมิน ล้วนหลบหนีออกไปจากเขตพื้นที่ดังกล่าวด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามในจำนวนคนทั้งหมดนั้น กลับมีเพียงหลัวซิวคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้หลบหนี ขณะที่แสงสีเขียวนั่นปรากฏ เขาก็สัมผัสได้ถึงออร่าที่คุ้นเคย ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น เศษหยกทั้งสามชิ้นที่เขาเก็บไว้ในแหวนเก็บของก็เกิดความรู้สึกร่วมกับสีเขียวนั่นด้วย พวกมันกำลังสั่งเทิ้มอย่างไม่หยุดหย่อน
“พลังแห่งชิงเทียน!”
รูม่านตาของหลัวซิวหดลงกะทันหัน ในพลังแห่งสวรรค์ทั้ง 12 สิ่งที่เขาคุ้นเคยที่สุดก็คือพลังแห่งชิงเทียนแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือครั้นเมื่อเขาบรรลุสู่เทพมารระดับหก ยังเคยกลั่นแปรโลหิตแห่งเชิงเทียนหนึ่งหยดด้วย!
“ชัวะ!”
ร่างกายหลัวซิวเคลื่อนไหว พุ่งออกไปโดยตรง ทุกคนล้วนหลบหนีออกไปไกล ๆ แต่กลับมีเพียงเขาเท่านั้นที่พุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่ตั้งของสีเขียว
เขาโคจรวิถีไร้ลักษณ์เพื่อวิวัฒนาการออร่าพลังเต๋าของพลังแห่งชิงเทียน ถึงแม้จากแดนผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของเขายังไม่สามารถวิวัฒนาการพลังเต๋าที่แท้จริงของพลังแห่งชิงเทียนออกมาได้ แต่เขากลับเคยกลั่นแปรโลหิตแห่งชิงเทียนมาก่อน บนตัวยังมีเศษหยกที่มีพลังแห่งชิงเทียนแฝงซ่อนอยู่สามชิ้นด้วย เพราะฉะนั้นออร่าแรงกดอัดที่เกิดจากพลังแห่งชิงเทียนจึงส่งผลกระทบต่อเขาไม่มากเท่าไหร่
เพียงชั่วพริบตาเดียว หลัวซิวก็พุ่งเข้าไปในแสงสีเขียวแล้ว จากนั้นเขาก็มองเห็นเศษหยกหนึ่งชิ้นในแสงสีเขียว
ใช่แล้ว นี่ก็คือเศษหยกชิ้นที่สี่ที่เขาพบเจอ ซึ่งเป็นกุญแจที่ใช้เปิดหุบเขาผนึกปีศาจ!
วินาทีนี้ทุกคนล้วนหลบหนีไปแล้ว ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นกิริยาท่าทางของหลัวซิว เขาทำการเก็บเศษหยกชิ้นนี้ขึ้นมาด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด ก่อนจะโคจรเกณฑ์ปริภูมิและความเร็วพร้อมกัน จึงหายวับไปกับที่ภายในพริบตา
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง แรงกดอัดจากพลังแห่งชิงเทียนก็ค่อย ๆ สลายหายไป เมื่อพวกเจียนอันเหมินย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้ง กลับไม่พบอะไรเลย
ณ สถานที่ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง หลัวซิวทำการจัดวางค่ายกลซ่อนงำ จากนั้นเขาที่อยู่ในค่ายกลก็หยิบเศษหยกชิ้นที่สี่ออกมา
เมื่อนำเศษหยกทั้งสี่ชิ้นรวมเข้าด้วยกัน ก็มีแสงสีเขียวที่แวววาวจับตาแย้มบานออกมาจากเศษหยกทุกชิ้น ต่อมาแสงสีเขียวพวกนี้ก็เหมือนด้ายไหมเชื่อมต่อกันและกัน จากนั้นก็เหมือนน้ำและนมที่ผสมรวมตัวกันได้อย่างกลมกลืน เศษหยกทั้งสี่ชิ้นก็หลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว
หลังจากหลอมรวมเสร็จ ก็ประกอบเป็นหยกสีเขียวหนึ่งชิ้น ซึ่งมีออร่าพลังเต๋าที่ล้ำลึกอย่างยิ่งไหลเวียนอยู่ด้านบน แต่ทว่าหยกชิ้นนี้ก็ยังคงขาดอีกหนึ่งมุมอยู่เช่นเคย หากสามารถเจอเศษหยกชิ้นที่ห้า มันก็จะประกอบกันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
หลัวซิวรู้อยู่ว่าหากฟื้นฟูหยกชิ้นนี้ให้กลับมาสมบูรณ์แบบเหมือนเดิม มันจะเป็นสมบัติที่มีนามว่าหยกเทวชิงเทียน ซึ่งนี่เป็นข้อมูลที่เขาได้รับมาจากตัวหยกหลังจากรวบรวมเศษหยกชิ้นที่สี่ได้
อันที่จริงหยกเทวชิงเทียน ไฟเทวชิงเทียน รวมไปถึงศิลาผนึกปีศาจยังมีอีกชื่อหนึ่ง นั่นก็คือศิลาเทวชิงเทียน
ซึ่งภัณฑ์เซียนชิงเทียนทั้งสามชิ้นนี้ เป็นสมบัติที่ชิงเทียนสวรรค์องค์แรกแห่งยุคไท่ชูทิ้งไว้นั่นเอง
ชิงเทียนมีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์เมื่อชาติปางก่อนของเขา เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาติปัจจุบัน หลัวซิวก็ล้วนแสวงหาเบาะแสทุกอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับชิงเทียน
เขาอยากทราบว่าตกลงอาจารย์ของตนยังมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่ อาจารย์เมื่อชาติปางก่อนของเขาน่าจะเคยทำสงครามกับใครบางคนในสถานที่ที่เขาได้รับโลหิตแห่งชิงเทียน หากสิ่งที่เขาคาดเดาไม่ผิดละก็ ผู้ที่สามารถทำสงครามกับท่านได้นั้น ต้องเป็นชิงเทียนอย่างแน่นอน
ชิงเทียนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์อันดับหนึ่งยังนองเลือดดับสิ้น แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าสงครามในครั้งนั้นมันดุเดือดมากเพียงใดกันแน่
ถอนหายใจในใจเบา ๆ หลัวซิวเก็บหยกเทวชิงเทียนเข้าไปในแหวนเก็บของ จากนั้นเขาก็โบกมือครั้งหนึ่ง กรองแก้วมรกตดั้งเดิมที่มีขนาดเท่าภูเขาลูกเล็ก ๆ ก็ถูกเขายกออกมา
หากแบ่งเขากรองแก้วมรกตดั้งเดิมที่สมบูรณ์แบบออกเป็นก้อน ๆ ละก็ อย่างน้อยก็ต้องมีกรองแก้วมรกตดั้งเดิมหลักสิบล้านก้อน เขาเอามาประมาณสี่ส่วน ซึ่งเทียบเท่ากรองแก้วมรกตดั้งเดิมสิบล้านกว่าก้อน!
เมื่อมีกรองแก้วมรกตเหล่านี้ หลัวซิววางแผนที่จะยกระดับผลการฝึกตนของตัวเองก่อน ตั้งแต่ที่เขามีลางสังหรณ์ใจว่ามหันตภัยแห่งยุคมหาศักดิ์อาจจะใกล้มาเยือนแล้ว เขาก็อยากยกระดับผลการฝึกตนของตัวเองให้สูงขึ้นอย่างอดใจรอไม่ไหว