มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2734 สมบัติเทพสงครามสามชิ้น
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2734 สมบัติเทพสงครามสามชิ้น
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่ในเมืองหยุนหลง ท่านชายเทพโลหิตได้กล่าวว่าในการเปิดสมบัติของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานของตระกูลเทพสงครามจำเป็นต้องมีสมบัติสามอย่าง ได้แก่ ยันต์เทพสงคราม เกราะเทพสงคราม หอกเทพสงคราม
สมบัติทั้งสามนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าสมบัติเทพสงครามสามชิ้น ซึ่งรวมเอาการโจมตีและการป้องกันไว้ด้วยกัน ในยุคแห่งความรุ่งโรจน์และความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลเทพสงคราม ผู้แข็งแกร่งตระกูลเทพสงครามทุกคนจะต้องมีสมบัติสามชิ้นที่แข็งแกร่งที่สุด
หลังจากได้รับเกราะเทพสงคราม แล้ว หลัวซิวก็เข้าใจว่าเหตุใดตู่กูเทียนหยาถึงมาที่นี่เพื่อแย่งชิงและฆ่าเขาทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีความแค้นกับเขาเลย เนื่องจากเขามีเกราะเทพสงคราม เขาจึงอยากแย่งชิงยันต์เทพสงครามไปจากเขา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึง หลูอิงเจี๋ยอีกครั้ง เขาและ หลูอิงเจี๋ยไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เห็นได้ชัดว่าคนนี้ไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดที่ได้รับเชิญจากท่านชายเทพโลหิต เหตุใดเขาถึงมาแย่งชิงและฆ่าเขา? หรือว่าก็เป็นเพราะยันต์เทพสงคราม?
หลัวซิวเงยหน้าขึ้นมองเตาเซียนในมือของฮู๋ชิงชิง ซึ่งแต่เดิมเป็นของ หลูอิงเจี๋ย สำหรับออร่าบนร่างกายของฮู๋ชิงชิงซึ่งเปรียบได้กับเทพมารระดับเก้า ขณะนี้ก็ถูกยับยั้งและซ่อนอยู่ในร่างกาย
เขาไม่ได้ถามว่าพลังในร่างกายของฮู๋ชิงชิงมาจากไหน อันที่จริงเขาเดาไว้แล้วว่าฮู๋ชิงชิงที่เขารู้มาก่อนน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่กลับชาติมาเกิด ตอนนี้ นางอาจฟื้นความทรงจำของชาติที่แล้ว ได้รับการสืบทอดพลังส่วนหนึ่งของชาติที่แล้วตามความทรงจำด้วย มีเพียงอย่างนี้เท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดผลการฝึกตนของนางจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันเขาก็กลับชาติมาเกิด หลัวซิวไม่ได้รับการสืบทอดพลังใด ๆ จากชาติก่อนของเขา เพราะหลังจากที่เขาทำลายกงล้อวัฏจักรธรรม วิญญาณที่เหลืออยู่ก็ถูกเมิ่งเชียนชางจับก่อนที่จะหลบหนีไป และผนึกไว้ในชิ้นส่วนของกงล้อวัฏจักรธรรม นั่นคือในลูกถ้วยความเป็นตาย
ต่อมาเมิ่งเชียนชางต้องการควบคุมเขา ดังนั้นเขาจึงจัดให้มีการกลับชาติมาเกิดหลายครั้ง แต่ไม่ว่าความคิดความปรารถนาของเมิ่งเชียนชางจะดีแค่ไหน ในที่สุดก็มีบางอย่างเกิดขึ้นและเขาก็ควบคุมไม่ได้
“อาจารย์อยากได้สิ่งนี้หรือ?”
ฮู๋ชิงชิงหยิบแหวนเก็บของออกจากเซียนแล้วหยิบหอกเทพสีดำทองออกมาจากแหวนเก็บของ
หอกเทพนั้นเหมือนมังกร มันถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตมาก มีรอยเปื้อนเลือดบนหัวหอก แสดงถึงเจตนาสังหารโหดเหี้ยม
นี่คือหอกเทพสงคราม อาวุธที่ตระกูลเทพสงครามใช้นั้นจะเป็นหอก ในยุคที่ห่างไกลนั้น หอกเทพสงครามยังเป็นอาวุธศัสตราวุธที่รู้จักกันดีในโลกมหาศักดิ์แปดทิศ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าอาจารย์” หลัวซิวพูดเรียบ ๆ เมื่อก่อน เขาช่วยฮู๋ชิงชิงเพียงเพราะความสงสารและเขาไม่ได้การตอบแทนจากฮู๋ชิงชิง
“อื้อ จากนี้ไปข้าขอเรียกเจ้าว่าพี่ชายได้ไหม?” ฮู๋ชิงชิงผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้ม
แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าของนางอย่างชัดเจนเพราะผ้าคลุมหน้า แต่ใบหน้าที่สวยงามของฮู๋ชิงชิงยังคงปรากฏอยู่ในสมองของหลัวซิว รอยยิ้มของนางงดงามยิ่งนัก ไม่รู้ว่ามีผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์มากแค่ไหนที่หลงใหลนาง
“แล้วแต่เจ้า แต่ข้าต้องการหอกเทพสงครามนี้มาก” หลัวซิวพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
“ในเมื่อพี่ชายต้องการมัน น้องก็จะมอบให้พี่ชายแน่นอน” ฮู๋ชิงชิงยิ้มแล้วยื่นหอกเทพสงครามให้กับหลัวซิว
หลัวซิวไม่ปฏิเสธเช่นกัน เขาต้องการที่จะสำรวจสมบัติของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานของตระกูลเทพสงคราม เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะบรรลุเทพมารระดับเจ็ดด้วยสมบัติโอกาสธรรมดา
“พี่ชาย เจ้าได้รวบรวมสมบัติเทพสงครามทั้งสามแล้ว เราจะไปหาสมบัติที่ผู้แข็งแกร่งผู้นั้นทิ้งไว้เลยดีหรือไม่?” ฮู๋ชิงชิงถาม
“เจ้าก็อยากไปกับข้าด้วยเหรอ?” หลัวซิวเหลือบมองนาง
“แน่นอน ไม่ว่าพี่ชายจะไปที่ไหน ข้าก็จะตามไปที่นั่นด้วย” ฮู๋ชิงชิงกล่าว
บูม!
ลาร์ก้าวไปข้างหน้าและเดินอยู่บนดินแดนอันกว้างใหญ่ หลัวซิวยืนอยู่บนไหล่ของลาร์ ด้วยความช่วยเหลือจากพลังเต๋าที่เล็ดลอดออกมาจากสมบัติเทพสงครามทั้งสาม เขาสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของสมบัติ
ฮู๋ชิงชิงยืนอยู่ข้างๆ เขา ดวงตาที่สวยงามของนางจ้องมองทใบหน้าด้านข้างของเขาอย่างตั้งใจ
แม้ว่านางจะปลุกความทรงจำของชาติก่อนหน้านี้มาได้ แต่ความทรงจำของชาตินี้มีอิทธิพลต่อนางอย่างมาก ในความทรงจำของนางเกี่ยวกับชาตินี้ หลัวซิวมีส่วนที่สำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย
ในชาติที่แล้ว นางคือผู้บำเพ็ญปรปักษ์ นางอสูรฟ้าที่ติดตามบรรพศักดิ์นี่โหมวเพื่อต่อสู้กับภูตสวรรค์ นางในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นบำเพ็ญปรปักษ์ หรือนักยุทธ์อื่น ๆ นับไม่ถ้วนต่างก็ตกหลุมรักนาง
แต่หลัวซิวเป็นผู้ชายคนเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบจากรูปร่างหน้าตาที่สวยงามของนาง ในเวลานั้น นางก็รู้ว่าชายคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะคนที่มีตัวธรรมแน่วแน่เช่นนี้จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต
นางยังคงอยากเกลี้ยกล่อมให้หลัวซิวมอบชิ้นส่วนของกงล้อวัฏจักรธรรมออกมา แล้วนางจะนำกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีมารเพื่อผนึก แต่หลังจากเกิดความเข้าใจผิดในเมืองหยุนหลง นางรู้ว่าหลัวซิวเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตนเอง ซึ่งทำให้นางลังเลครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่พูดออกมา
นางรู้ว่าถ้านางยังคงโน้มน้าวต่อไป เรื่องราวจะเดินไปทางที่ไม่ดีและอาจทำให้หลัวซิวเกลียดชังตนเองและไม่เข้าใกล้นาง ทั้งหมดนี้เป็นผลที่นางไม่ต้องการเห็น
ตามการรับรู้ของสมบัติเทพสงครามทั้งสามชิ้น หลัวซิวใช้เวลาสิบวันในการเดินทางแล้วมาถึงพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง
ที่นี่แห้งแล้งไม่มีหญ้าขึ้น ขณะที่ที่อื่น ๆ รอบ ๆ เต็มไปด้วยพืชพันธุ์และความมีชีวิตชีวา
ทันทีที่เขามาถึงที่นี่ หลัวซิวสัมผัสได้ถึงออร่าของเคล็ดเทพสงครามโดยเฉพา ะซึ่งทำให้คิ้วของเขาขมวดทันที ออร่าชัดเจนขนาดนี้ คนอื่นจะค้นพบได้อย่างชัดเจนน่ะสิ?
ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลัวซิวก็ปล่อยตัวสำนึกณของเขา จากนั้นใบหน้าของเขาก็ขรึมลง เพราะตัวสำนึกของเขาสัมผัสได้ว่ามีผู้แข็งแกร่งหลายคนเข้ามาใกล้บริเวณนี้
ผลการฝึกฝนของคนเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอ มีมากกว่าสองร้อยคน
“สหายหลัว!”
ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นที่หูของหลัวซิว เขามองตามเสียงและเห็นเรือลำสูงบินอยู่บนท้องฟ้าในระยะไกล บนดาดฟ้าเรือสูง หยุนยี่เทียนและฮวงหวูจี๋ยืนเคียงข้างกัน ฮวงหวูจี๋เรียกเขา
หลัวซิวไม่คาดคิดว่าสองคนนี้จะมาด้วย เขาจึงกระโดดขึ้นเรือทันที
“เหอะเหอะ สหายหลัว เจ้ามาที่นี่โดยไม่บอกลา หรือว่าเจ้าได้ยินว่าถ้ำของผู้แข็งแกร่งกำลังจะถูกเปิด?” หยุนยี่เทียนถามด้วยรอยยิ้ม
คำถามนี้ค่อนข้างน่าอาย ราวกับว่าหลัวซิวรู้อะไรดีๆ และอยากเก็บไว้คนเดียว เขาจึงไม่ได้แจ้งให้ทั้งสองคนทราบ
อย่างไรก็ตาม หลัวซิวไม่ได้อธิบายเรื่องเล็กน้อยแบบนี้โดยเฉพาะ และพูดเรียบ ๆ “ข้าเพิ่งรู้เรื่องนี้เอง”
คำพูดนี้เขาไม่ได้โกหก เขาได้รับสมบัติเทพสงครามสามชิ้นและรู้สึกถึงสถานที่แห่งนี้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน
เพียงแต่เขาไม่คาดคิดว่าสถานที่ที่เขาค้นพบด้วยความพยายามอย่างมากจะมีผู้คนมากมายรู้จัก
“ในเมื่อมาแล้ว สหายหลัวก็ร่วมสำรวจถ้ำของผู้แข็งแกร่งร่วมกับเราเถอะ!” ฮวงหวูจี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับหลัวซิวที่จากไปโดยไม่บอกลา
ในเวลาเดียวกัน ฮวงหวูจี๋และหยุนยี่เทียนก็สังเกตเห็นนางอสูรฟ้าที่มาพร้อมกับหลัวซิว พวกเขาประหลาดใจเล็กน้อยที่พวกเขามาพร้อมกัน แต่พวกเขาไม่สามารถถามได้โดยตรงได้ พวกเขาเพียงแค่คำนับทักทายฮู๋ชิงชิง
“สหายหวูจี๋และสหายหยุนรู้หรือไม่ว่าถ้ำของผู้แข็งแกร่งจะปรากฏขึ้น?” หลัวซิวถาม
“ตอนนี้ยังไม่ชัดเจน ข้าและสหายหวูจี๋นั่งเรือมาที่นี่ทันทีเมื่อเราได้ข่าว สหายหลัวเจ้าดูสิ”
หยุนยี่เทียนส่ายหัวและโบกมือโยนกระจกเทพออกมา ผิวกระจกเรียบ ฉายลำแสงเทวออกมาส่องกลางอากาศ และทางเข้าปริภูมิรูปทรงวังวนหักเหอยู่ในพื้นผิวกระจก
เห็นได้ชัดว่านี่คือทางเข้าถ้ำของผู้แข็งแกร่ง แต่ฮวงหวูจี๋และหยุนยี่เทียนไม่รู้ว่านี่คือสถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งของตระกูลเทพสงครามเก็บสมบัติของเขาไว้
สำหรับออร่าเทพสงครามที่แผ่กระจายอยู่ที่นี่ เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะรับรู้ได้ ยกเว้นบางผู้แข็งแกร่งชรา
หลัวซิวพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก มีเพียงสมบัติสามชิ้นของผู้แข็งแกร่งตระกูลเทพสงครามเท่านั้นที่สามารถเปิดสมบัติที่ซ่อนอยู่ได้ มิฉะนั้น เว้นแต่ผู้แข็งแกร่งราชาเทพระดับเก้าจะมาด้วยตนเอง จึงจะสามารถเปิดออกได้ด้วยตามความแข็งแกร่งของพวกเขา
โอกาสระดับนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้แข็งแกร่งราชาเทพระดับเก้าจะสนใจ ดังนั้น ตามการประมาณของหลัวซิวอย่างมากก็จะมีเทพมารระดับเก้าธรรมดามาที่นี่ เขามีสมบัติสามชิ้นในการเปิดขุมสมบัติ มีสมบัติสำคัญอยู่ในมือเขาจะได้เปรียบกว่า
“คนของชนเผ่าเฉว่ซ่ามาแล้ว!”
คลื่นของจิตสังหารสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า มารที่ดุร้ายคำรามพร้อมพุ่งมาทางนี้ บนร่างมารตัวนี้ มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่มีจิตสังหารที่สวมชุดสีเลือดยืนอยู่
บนหัวของมาร มีชายวัยกลางคนชุดสีเลือดหนึ่งยืนอยู่
“คนผู้นี้คือเทียนซ่าเจินจวินแห่งชนเผ่าเฉว่ซ่า เขาเป็นเทพมารระดับเก้าที่มีชื่อเสียงมาก สหายหลัวกับท่านชายเทพโลหิต ไม่ถูกกัน ดังนั้นอย่ายั่วยุคนผู้นี้ง่ายๆ” ฮวงหวูจี๋เตือนหลัวซิวเสียงเบาอยู่ข้างๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวก็ยิ้มจางๆ “เหตุใดถึงไม่เห็นท่านชายเทพโลหิต”
เขาถามอย่างรู้เท่าทัน แต่ฮวงหวูจี๋ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็รู้สึกงงงวยเล็กน้อย “ข้าก็สงสัยเช่นกัน ตามหลักแล้วเมื่อมีโอกาสแบบนี้เกิดขึ้น ท่านชายเทพโลหิตคนนั้นจะมาแน่นอน”
ฮู๋ชิงชิงที่สวมผ้าคลุมหน้ายิ้ม หลัวซิวไม่พูด แน่นอนว่านางจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน เพราะนี่เป็นเรื่องของการดึงความเกลียดชัง
“ผู้คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีมารก็มาแล้วเช่นกัน!”
ในขณะนี้ เมฆอสูรสีดำขนาดใหญ่บินลงมาจากท้องฟ้า มังกรดำตัวใหญ่โผล่หัวออกมาจากเมฆสีดำ ซึ่งมีพลังและน่ากลัวกว่ามารตัวนั้นของชนเผ่าเฉว่ซ่า
มังกรดำตัวนี้เป็นสายพันธุ์แปลกไป มีปีกเนื้อหนาสองคู่ ภายใต้แรงสั่นสะเทือน ลมแรงพัดผ่าน น่าเกรงขามและทรงพลัง
ที่แผ่นหลังของมังกรดำ มีผู้เก่งกาจหลายคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีมารยืนอยู่ และเหนือศีรษะของทุกคน มีตำหนักที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของอสูรลอยอยู่
“พี่ชาย ข้าขอตัวสักครู่ เจ้าจะไปไหม?” ฮู๋ชิงชิงกล่าว
“เจ้าไปเถอะ ข้าไม่ไป” หลัวซิวส่ายหัว
ฮู๋ชิงชิงไม่พูดอะไรอีก กระโดดขึ้น กลายเป็นแสงพร้อมบินไปหามังกรดำนั้น
“ยินดีต้อนรับเทพธิดา!”
ผู้เก่งกาจหลายคนที่อยู่บนหลังมังกรดำเห็นฮู๋ชิงชิงก็ทำความเคารพ
“พี่ชาย? ข้าไม่ได้ยินผิดนะ? เมื่อครู่นี้นางอสูรฟ้าเรียกเจ้าว่าพี่ชายรึ?” ฮวงหวูจี๋และหยุนยี่เทียนต่างเบิกตากว้าง มองไปที่หลัวซิวด้วยความไม่เชื่อ
“ชิงชิงและข้าเป็นสหายเก่า เรารู้จักกันมาก่อน” หลัวซิวพูดเรียบ ๆ
“ให้ตายสิ! เรียกชิงชิงแล้วด้วย สหายหลัว ขนลุกเกินไปแล้ว!” ฮวงหวูจี๋ตะโกนเสียงดัง แต่เขาจำได้ว่าตอนที่เขาอยู่ในเมืองหยุนหลง นางอสูรฟ้าเคยให้คนมาเชิญหลัวซิวไปพบ
“นางเป็นเทพธิดาแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีมาร ผลการฝึกตนของนางยังแข็งแกร่งอย่างน่าภาคภูมิใจอีกด้วย นางสามารถเรียกว่าพี่ชายได้ สหายหลัวเจ้าช่างมีเสน่ห์เสียจริง!” หยุนยี่เทียนยังกล่าวอย่างอิจฉา