มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2749 ร่างเทวที่ไร้มลทิน
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2749 ร่างเทวที่ไร้มลทิน
พลังชีวิตสามารถหลอมรวมอสูรจิตได้ และทำให้อสูรจิตทุกตัวกลายเป็นหุ่นเชิดที่ไร้สติสัมปชัญญะ ราวกับศพเดินได้
แต่กลิ่นอายของความตานั้นแฝงไปด้วยคุณสมบัติของการกัดกร่อน ทันทีที่ถูกกัดกร่อน ก็จะกลายเป็นญาณมรณะ
ถ้าหากที่นี่เป็นสุสานของจ้าววัฏสงสารรุ่นที่สองจริง จ้าววัฏสงสารรุ่นที่สองคงไม่มีทางปล่อยให้ผู้อื่น ค้นหาสุสานของเขาจนพบได้ง่าย ๆ ตลอดทางมานี้ จะต้องเต็มไปด้วยอุปสรรคนานับประการ
ทะเลสาบแห่งความตายที่ตั้งอยู่ตรงหน้าก็เช่นเดียวกัน ในน้ำมีญาณมรณะซ่อนตัวอยู่เป็นจำนวนมาก หากประมาทเพียงเล็กน้อย ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้า ก็อาจจบชีวิตลงที่นี่ได้ และถ้าหากตกลงไปในทะเลสาบ ก็ต้องกลายเป็นญาณมรณะ
ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่เดินทางมาถึงที่นี่ ล้วนหยุดอยู่ริมชายฝั่งทะเลสาบแห่งความตาย ไม่กล้าบุ่มบ่ามเหาะข้ามไป อย่างไรเสียหากร่วมมือกัน โอกาสที่จะข้ามทะเลสาบแห่งความตายไปได้ก็จะยิ่งมีมากขึ้น
“หลีกทางไปให้หมด !”
ทันใดนั้นเอง มีเสียงตะโกนด้วยความหยิ่งยโสดังขึ้น หลัวซิวหันมองไป เห็นกับเด็กหนุ่มเท้าเปล่าคนหนึ่ง รูปร่างสูงโปร่ง เหาะขึ้นไปบนฟ้า และมุ่งตรงไปยังทะเลสาบแห่งความตาย
“ผู้ที่มีร่างเทวไร้มลทินโดยกำเนิด คุณชายเท้าเปล่าผู้ไร้มลทินในตำนาน ?”
ในบรรดานักยุทธ์ที่รวมตัวกันอยู่ใกล้กับทะเลสาบแห่งความตาย มีคนส่งเสียงอุทานขึ้นมา แล้วอธิบายถึงความเป็นมาของเด็กหนุ่มเท้าเปล่าคนนี้
ในโลกร้าง ในบรรดาคนหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์ มีเพียงคุณชายไร้มลทินคนเดียวเท่านั้นที่เดินเท้าเปล่า เท้าเปล่าทั้งสองข้างของเขาจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเขา
ทว่า ชื่อเสียงที่แท้จริงของเขาไม่ใช่เท้าเปล่าคู่นั้น แต่เป็นร่างเทวไร้มลทิน ร่างเทวไร้มลทินในตำนานประเภทนี้ ร่างกายไม่แปดเปื้อน วิชา กระบวนท่าอมตะต่าง ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับร่างเทวลักษณะนี้ พลังอำนาจจะถูกลดทอนลงไปมาก
“ร่างเทวไร้มลทิน ?”
แม้แต่หลัวซิวเองยังต้องรู้สึกประหลาดใจ เพราะร่างเทวประเภทนี้ เรียกได้ว่าในบรรดาฐานร่างของร่างพรสวรรค์ที่มีชื่อเสียง ผู้ที่ครอบครองฐานร่างเช่นนี้ ล้วนไม่ต้องศึกษากฎเทียนเต้าทีละขั้นตอนเหมือนกับนักยุทธ์ทั่วไป แต่ค่อย ๆ ดำเนินไปตามการเปลี่ยนแปลงของเกณฑ์ได้
เพราะร่างเทวไร้มลทิน สร้างกฎเฉพาะตัวขึ้นมาโดยกำเนิด ถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นวิถี ! นั่นก็คือวิถีไร้มลทิน !
ทันทีที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนเทพมารระดับเจ็ด ก็จะกลายเป็นเกณฑ์ไร้มลทินเฉพาะตัว วิถีไร้มลทินของร่างเทวไร้มลทิน มีบางประเภทที่คล้ายกับสรรพวิถีล้วนว่างของเขา ขอแค่เป็นวิชาพลังอมตะทั้งหมดที่อยู่ในหมวดหมู่ของเทียนเต้า เพียงแค่เข้ามาใกล้ร่างเทวไร้มลทิน ก็จะถูกทำให้อ่อนแอลงเรื่อย ๆ เรียกว่าไม่มีอะไรกัดกร่อนได้ !
ตอนนี้เอง เด็กหนุ่มเท้าเปล่าเดินเข้าไปในทะเลสาบแห่งความตายแล้ว เท้าทั้งสองข้างของเขาเหยียบอยู่เหนือทะเลสาบ รอบตัวห้อมล้อมด้วยแสงเทวไร้มลทิน และเป็นแสดงเทวประเภทนี้เอง ที่สกัดกั้นกลิ่นอายของความตายเอาไว้ด้านนอก ทำให้ไม่สามารถกัดกร่อนร่างกายของเขาได้
สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มเท้าเปล่า หลัวซิวเองก็เดินตรงไปด้านหน้า และเดินเข้าไปในทะเลสาบแห่งความตาย
เขาต้องการข้ามผ่านทะเลสาบแห่งความตาย โดยไม่ได้คิดที่จะเปรียบเทียบกับคุณชายไร้มลทินผู้นี้แต่อย่างไร เพียงแต่ไม่ต้องการเสียเวลาอยู่ที่นี่ก็เท่านั้น หากสำรวจความลับของแดนสุขาวดีแห่งนี้ได้เร็วขึ้น เขาก็จะสามารถกลับไปยังหุบเขาสยบปีศาจได้เร็วขึ้น และจะได้พบกับซีโรว่และเยว่เอ๋อร์อีกครั้ง
หลัวซิวเลือกโอกาสที่จะข้ามทะเลสาบแห่งความตายได้อย่างพอเหมาะ เขาเดินตามอยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่มเท้าเปล่าพอดี กลิ่นอายของความตายในทะเลแห่งความตายคุกรุ่นขึ้นมา ญาณมรณะที่ดุร้ายและแข็งแกร่งสองตนพุ่งตรงออกมา และเปิดศึกใหญ่กับเด็กหนุ่มเท้าเปล่าที่มีแสงเทวห่อหุ้มอยู่รอบกาย เข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด
เมื่อมีเด็กหนุ่มเท้าเปล่าช่วยเปิดทางอยู่ด้านหน้า หลัวซิวก็สบายใจเป็นอย่างยิ่ง และไม่ได้คิดที่จะเข้าไปช่วยแม้แต่น้อย
เพราะเขามองเห็นความแข็งแกร่งของกำลังรบ ของเด็กหนุ่มเท้าเปล่าผู้นี้แล้ว การฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนเทพมารระดับแปด แต่จะให้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นช่วงกลาง หรือช่วงปลายนั้น หลัวซิวเองก็ยากจะตัดสินได้ แต่สิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คือ หากอาศัยความแข็งแกร่งของร่างเทวไร้มลทิน เขาก็จะมีกำลังรบที่เทียบเท่ากับเทพมารระดับเก้าจริง ๆ
ระหว่างที่ร่างเทวไร้มลทินลงมือ ก็จะมีประกายของแสงเทวล้อมรอบตัวอยู่ ถึงแม้จะเป็นกลิ่นอายความตายอันมืดมนที่รวมตัวขึ้นมาจากเกณฑ์มรณะ ก็ถูกแสงเทวไร้มลทินชำระล้าง ลดทอนพลังอำนาจ ด้านหลังของชายหนุ่มเท้าเปล่า ปรากฏเงาวิถียุทธ์ของเขา เป็นยักษ์ตนหนึ่งที่มีแสงเทวห่อหุ้มอยู่ ราวกับจักรพรรดิยุทธ์เลิศล้ำ เป็นจักรพรรดิที่เสด็จลงมาบนโลก !
ภายในเวลาสั้น ๆ ญาณมรณะที่แข็งแกร่งสองตนก็ถูกเด็กหนุ่มเท้าเปล่าสยบลงในคราวเดียว เขาหันมองหลัวซิวที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลทางด้านหลัง และส่งเสียงฟึดฟัดออกมาเบา ๆ อย่างไม่พอใจ จากนั้นก็เดินหน้าต่อไปโดยไม่ได้สนใจ
หลัวซิวลูบจมูกอย่างไม่ได้แยแส เห็นได้ชัดว่า เด็กหนุ่มเท้าเปล่าคิดว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะข้ามแม่น้ำไปได้ด้วยตนเอง ดังนั้นจึงได้ฉวยโอกาสเดินตามหลังเขามา
“คนผู้นี้มีความสามารถต่างจากข้าไม่มาก แต่หกาข้าใช้สรรพวิถีล้วนว่าง ร่วมกับวิชาทะยานเซียน เด็กหนุ่มเท้าเปล่าคนนี้คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอย่างแน่นอน”
หลัวซิวสังเกตการลงมือของเด็กหนุ่มเท้าเปล่า และประเมินความสามารถของคนผู้นี้ในใจ
ถึงแม้ร่างไร้มลทินจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรกัดกร่อนได้ แต่ก็โจมตีเฉพาะวิชาและพลังอมตะที่อยู่ในหมวดหมู่ของเทียนเต้าเท่านั้น
แต่วิชาไร้ลักษณ์ของเขา กลับไม่ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของเทียนเต้า ถึงขั้นว่า เขาสามารถเปลี่ยนแปลงพลังสวรรค์และพลังแห่งวัฏสงสารทั้งสองอย่าง ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์พลังเต๋าของเทียนเต้าขั้นสุดได้
“วิถีไร้มลทิน หากสามารถฝึกถึงขั้นสุดได้ ก็จะไม่ด้อยไปกว่าวิถีสิบสองสวรรค์และวิถีวัฏสงสาร”
ความแข็งแกร่งของร่างเทวไร้มลทิน เรียกได้ว่าหลัวซิวเองได้เห็นกับตา ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้ยินเรื่องฐานร่างประเภทนี้มาก่อน แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างไรเสีย ร่างเทวที่เยี่ยมยอดเช่นนี้ก็หาได้ยากยิ่ง
แต่ในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ร่างเทวที่แข็งแกร่งล้วนปรากฏขึ้นมาเป็นครั้งคราว มีผู้ที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่กลับไม่เคยมีใครบรรลุถึงระดับสวรรค์และจ้าววัฏสงสารมาก่อน
ยิ่งเดินตรงไปด้านหน้า ญาณมรณะที่พุ่งขึ้นมาจากในทะเลสาบแห่งความตายก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ญาณมรณะเหล่านี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่ตายอยู่ในทะลสาบแห่งนี้ และมีญาณมรณะบางตนที่เกิดจากกลิ่นอายของความตายที่ควบแน่นเป็นเวลานาน ญาณมรณะประเภทนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า และยากที่จะรับมือ
เวลาล่วงเลยผ่านไป เด็กหนุ่มเท้าเปล่าถูกญาณมรณะจำนวนมากรุมโจมตีจนเริ่มอ่อนกำลังขึ้นมา แสงเทวไร้มลทินที่ห่อหุ้มอยู่ ก็เริ่มมีวี่แวว่าจะถูกโจมตีจนแตก
แสงเทวไร้มลทินเรียกได้ว่าไม่มีอะไรกัดกร่อนได้ แต่ก็มีขีดจำกัด ใช่ว่าจะไม่มีขีดจำกัด
“เปรี้ยง !”
เด็กหนุ่มเท้าเปล่าเงยหน้าแล้วคำรามออกมาเสียงดัง แสงเทวรอบตัวแผ่ขยาย แขนทั้งสองข้างสั่น ปัดจนญาณมรณะที่แข็งแกร่งหลายตนลอยกระเด็นออกไป ด้วยพลังเทวที่ยิ่งใหญ่
“อ้อ ? ร่างเนื้อก็ฝึกจนแข็งแกร่งเช่นนี้เชียวหรือ ?”
หลัวซิวแววตาเป็นประกายเล็กน้อย ข้อได้เปรียบของร่างไร้มลทินอยู่ที่พลังอมตะและวิชา พลังอมตะของผู้อื่น เมื่อโจมตีเข้ามาก็จะถูกลดทอนให้อ่อนแอลงเรื่อย ๆ และพลังอมตะของตนเองนั้นกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ และสามารถแสดงพลังอำนาจออกมาได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นหากครอบครองฐานร่างประเภทนี้ ก็เพียงแค่ฝึกตนพลังอมตะสักสองสามวิชา ก็จะบดขยี้ผู้ที่อยู่ในแดนระดับเดียวกันได้ และถึงขั้นต่อสู้ข้ามระดับได้
โดยปกติแล้ว ร่างไร้มลทินเทวล้วนเดินบนเส้นทางสายนี้ แต่เด็กหนุ่มเท้าเปล่าผู้นี้กลับต่างออกไป เขายังฝึกฝนร่างเนื้ออีกด้วย อีกทั้งยังฝึกฝนร่างเนื้อจนถึงระดับที่แข็งแกร่ง
ร่างไร้มลทินเทว เมื่อมองในด้านของวิชาพลังอมตะ นับว่ามีข้อได้เปรียบอย่างยิ่ง หากประกอบกับร่างเนื้อที่มีความแข็งแกร่ง ก็แทบจะเป็นระบบการฝึกตนที่สมบูรณ์แบบแล้ว
แน่นอนว่า ร่างเนื้อของเด็กหนุ่มเท้าเปล่าผู้นี้ ถูกฝึกฝนจนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่หากเทียบกับร่างเนื้อของหลัวซิวแล้ว ยังนับว่าห่างไกลนัก อย่างไรเสีย วิชากลั่นร่างของหลัวซิว ก็เรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใครในแดนผู้สูงส่งแปดทิศ มีที่มาจากหนังสือกำเนิดยุทธภัณฑ์ ถึงแม้จะเกิดจากหนังสือยุทธภัณฑ์ แต่ก็มีการสร้างวิชากลั่นร่างที่มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตัวเขาเองขึ้นมา
ต่อให้คนอื่นจะได้หนังสือยุทธภัณฑ์ไปครอบครอง วิชากลั่นร่างที่อยู่ในหนังสือยุทธภัณฑ์ ก็ไม่มีทางเทียบกับวิชากลั่นร่างของหลัวซิวได้ เพราะคนอื่นไม่มีวิถีไร้ลักษณ์ การฝึกตนทั้งหมดของพวกเขา สุดท้ายแล้วก็จะสร้างหนังสือยุทธภัณฑ์วิถีกลั่นร่างของคนผู้นั้นขึ้นมา
“หึ !”
เด็กหนุ่มเท้าเปล่าหันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าเจ้าหมอนั่นที่เดินตามมาทางด้านหลัง มองดูตนเองรับมือกับญาณมรณะโดยไม่คิดจะลงมือช่วยเหลือแม้แต่น้อย ก็รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา
แต่เขาคิดเช่นนี้ ดูเหมือนจะเข้าใจหลัวซิวผิดไปแล้ว ด้วยสายตาของหลัวซิว ย่อมมองออกถึงความสามารถที่เด็กหนุ่มเท้าเปล่าเดชก็บซ่อนเอาไว้ แม้จะดูเหมือนอ่อนล้าจากการรับมือการโจมตีของญาณมรณะ แต่อันที่จริงแล้วกลับไม่เป็นอันตรายเลยสักนิด
“โฮก !”
ตอนนี้เอง จู่ ๆ ก็มีญาณมรณะตนหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากทะเลสาบที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นก็มีญาณมรณะอีกสองตนพุ่งตามมา ทั้งสามตนพุ่งตรงเข้ามาหาหลัวซิวจากสามทิศทาง
เมื่อเห็นภาพนี้ เด็กหนุ่มเท้าเปล่าก็ยิ้มเยาะออกมา แล้วแอบพูดในใจว่า ในเมื่อเจ้าอยากจะข้ามทะเลสาบแต่ไม่ยอมออกแรง ข้าจะรอดูซิว่าเจ้าจะทำอย่างไร !
หลัวซิวไม่ได้แยแสกับสิ่งนี้เลยสักนิด เขาตวัดมือออกไป ตราประทับปรปักษ์สวรรค์ก็ฟาดออกไปทันที เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ญาณมรณะทั้งสามตนที่พุ่งเข้ามาโจมตี ลอยกระเด็นออกไป และตกลงสู่ทะเลสาบแห่งความตาย
ทันใดนั้นเอง มีญาณมรณะพุ่งโจมตีเข้ามาจำนวนมากยิ่งขึ้น หลัวซิวก้าวไปด้านหน้า หมัดทั้งสองข้างราวกับลม ปล่อยหมัดจ้านเทียนออกไป จากนั้น ญาณมรณะที่พุ่งออกมาก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้จะเป็นหลัวซิวก็ยากจะรับมือไหว
“ความสามารถแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ ?”
ม่านตาของเด็กหนุ่มเท้าเปล่าหดลง เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีความสามารถ ถึงได้ข้ามทะเลสาบตามตนเองมาทางด้านหลัง เพื่อหวังให้ตนเองช่วยเปิดทางให้ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ถึงได้รู้ว่า เจ้าหมอนี่แสร้งทำเป็นไร้น้ำยา แต่อันที่จริงแล้วความสามารถไม่ได้ด้อยไปกว่าตนเองเลย
“คนผู้นี้ดูไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า ในโลกร้างมีเด็กหนุ่มเช่นนี้อยู่ด้วย เขาเป็นใครกันแน่ ?”
เด็กหนุ่มเท้าเปล่าไม่มีเวลาให้คิดมาก เพราะญาณมรณะที่รุมโจมตีเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงไม่อาจปกปิดความสามารถที่แท้จริงของตนเองได้อีก หนึ่งดาบและหนึ่งกระบี่ ศัสตราวุธทั้งสองลอยออกมาจากร่างในของเขา แสงดาบและปราณกระบี่กวาดออกไป ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ อย่างน้อยก็เป็นสมบัติระดับอาวุธราชาเทพระดับเก้า
และในตอนนี้ ทั้งสามเพิ่งจะเดินมาถึงจุดกึ่งกลางของทะเลสาบแห่งความตาย ยังมีหนทางอีกครึ่งหนึ่งที่ต้องฝ่าฟัน
แน่นอนว่า ยิ่งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของทะเลสาบ อันตรายก็ยิ่งมีมากขึ้น แต่หากฝ่าฟันจุดนี้ไปได้ จากนั้นก็ค่อย ๆ เข้าใกล้ฝั่ง อันตรายก็จะยิ่งน้อยลง
โดยปกติแล้ว สามารถฝ่าฟันมาได้ถึงจุดนี้ การที่จะข้ามไปให้ถึงฝั่งก็คงไม่ใช่ปัญหา
เด็กหนุ่มเท้าเปล่าเองก็รู้สึกโล่งใจ ปกติแล้ว ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้า คิดจะข้ามทะเลสาบแห่งความตาย ยังต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง และต้องพยายามอย่างสุดกำลัง แต่เขาสามารถใช้การฝึกตนเทพมารระดับเก้าฝ่าฟันมาได้ ก็เพียงพอที่จะภาคภูมิใจได้แล้ว
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะรู้สึกโล่งใจ”
ตอนนี้เอง มีเสียงหนึ่งดังเข้าไปในหูของเด็กหนุ่มเท้าเปล่า
เด็กหนุ่มเท้าเปล่าหันมองตามเสียง เห็นว่าคนที่พูดก็คือเด็กหนุ่มที่เดินตามตนเองมาตลอดทางคนนั้น ก็หรี่ตาลง และยกมือขึ้นคารวะพลางพูดว่า : “ความสามารถของท่านผู้นี้ไม่ธรรมดา ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรหรือ ?”
คนหนุ่มสาวทั่วทั้งโลกร้าง มีเพียงไม่กี่คนที่เขาจะแสดงความเคารพเช่นนี้ เด็กหนุ่มเท้าเปล่าพูดเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่า ความสามารถในการต่อสู้กับญาณมรณะที่หลัวซิวแสดงออกมาเมื่อครู่ ได้รับการยอมรับจากเขาแล้ว
ชาติก่อนหลัวซิวเองก็มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง จึงย่อมเข้าใจถึงความหยิ่งทะนงในใจของผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงยกมือขึ้นคารวะแล้วพูดว่า “ข้ามีนามว่าหลัวซิว”
“หลัวซิว ?” เด็กหนุ่มเท้าเปล่าทบทวนชื่อนี้ในความทรงจำที่อยู่ในสมอง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคุ้นหู ทันใดนั้นเอง แววตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา “เจ้าก็คือหลัวซิว ผู้ชนะในการคัดเลือกผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลเทียนฮวงอย่างนั้นหรือ ?”
หลัวซิวพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร ตระกูลเทียนฮวงนับว่ามีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกร้าง อีกทั้งเขายังเคยรู้จักมักจี่กับฮวงหวูจี๋ เจ้าเมืองน้อยของเมืองต้าฮวงโบราณอีกด้วย ในบรรดาคนหนุ่มสาวในโลกร้าง ก็นับว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งแล้ว
“ข้ามีนามว่าสวีเซิ่งเจี๋ย !” เด็กหนุ่มเท้าเปล่าพูดด้วยเสียงอันดังก้อง คนอื่นล้วนเรียกเขาว่าคุณชายไร้มลทิน แต่สวีเซิ่งเจี๋ยต่างหาก ที่เป็นชื่อที่แท้จริงของเขา มีเพียงคนรุ่นเดียวกันที่ได้รับการยอมรับจากเขาเท่านั้น เขาจึงจะบอกให้รู้
“เหอะ ๆ ข้าว่านะสหายสวี ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะดีใจ เจ้าลองดูทางโน้นสิ”
ขณะที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็ชี้นิ้วไปที่ด้านหลังของสวีเซิ่งเจี๋ย มีแท่นบูชาโบราณผุดขึ้นมาจากกลางทะเลสาบแห่งความตาย บนแท่นบูชามีเงาดำทมิฬ ถูกครอบครองพื้นที่ด้วยญาณมรณะที่แข็งแกร่งจำนวนมากจนน่าตกใจ !