มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2754 อัจฉริยะในโลกหล้ารวมตัวกัน
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2754 อัจฉริยะในโลกหล้ารวมตัวกัน
ความเป็นมาของอัญสมบัติอัษฎโลกลึกลับ เก่าแก่เท่าครั้นเมื่อจักรวาลถูกบุกเบิกขึ้นมาใหม่ ๆ
ข่าวคราวหอคอยฮวงจะเปิดออกได้แพร่งพรายออกไปเร็วปานสายลม แพร่กระจายไปทั่วโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดภายในพริบตา ซึ่งจอมยุทธ์ทุกคนล้วนทราบเรื่องนี้
ไม่เพียงแค่จอมยุทธ์ในโลกร้างเท่านั้น จอมยุทธ์ในโลกมหาศักดิ์อีกเจ็ดโลกที่เหลือก็ต่างพากันย่างกรายมาเช่นกัน ถึงครานั้นภาพเหตุการณ์ที่ผู้แข็งกำลังอัจฉริยะที่นับไม่ถ้วนมารวมตัวกัน จักเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่งแน่นอน
กาลเวลาหนึ่งยุคตรีภพนั้นยาวนานมากเพียงใด ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่โบราณกาลมา มีอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งจำนวนมากไม่เคยมีโอกาสได้เห็นหอคอยฮวงเปิดออกเลย และจากการที่หอคอยฮวงถูกเปิดออกในยุคนี้ มันจะกลายเป็นยุคสมัยที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอย่างแน่นอน!
“ในที่สุดหอคอยฮวงก็จะเปิดออกในยุคนี้แล้วหรือ?”
เมิ่งเชียนชางก็ได้ยินข่าวเช่นกัน ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เขาถูกเด็กผู้หญิงที่มีศักยภาพน่าสยดสยองนั่นไล่ล่าตลอด ทำให้สภาพเขาดูจนตรอกเล็กน้อย ทว่าสีหน้าอารมณ์ของเขากลับยังคงเรียบนิ่งสุขุมอยู่เช่นเคย พลางพูดอย่างเย็นชา: “เมื่อหอคอยฮวงเปิดออก อัจฉริยะทั้งแปดโลกจักรวมตัวกัน ซึ่งข้าสามารถไปทักทายเหล่าผู้แข็งแกร่งในโลกหล้าในยุคปัจจุบันได้พอดี!”
ในยุคสมัยที่คงอยู่ร่วมกับไท่ซ่างฉิง โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเพิ่งประสบกับศึกแห่งการช่วงชิงชีวี ผู้แข็งแกร่งในโลกหล้าร่วงโรย ส่วนยุคสมัยในปัจจุบันกลับมีผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วน หากเมิ่งเชียนชางจะใช้เส้นทางแห่งวัฏสงสารปกครองโลกหล้า กลายเป็นจ้าววัฏสงสาร เช่นนั้นสิ่งแรกที่เขาต้องทำก็คือโค่นล้มเหล่าผู้แข็งแกร่งในโลกหล้า
……
เนื่องจากชนเผ่าฮวงคงอยู่ในเมืองต้าฮวงโบราณ จึงมีบทบาทที่สำคัญมาก มีความหมายลึกซึ้ง และข่าวคราวที่หอคอยฮวงกำลังจะเปิดออกก็แพร่งพรายออกไปจากที่นี่เช่นกัน
ตั้งแต่ผ่านศึกแห่งการช่วงชิงชีวีเป็นต้นมา ยุคมหาศักดิ์ก็เริ่มต้นขึ้น ตลอดกาลเวลาหนึ่งยุคตรีภพอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา มีผู้แข็งแกร่งผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ในทุกโลกล้วนมีผู้แข็งแกร่งที่ก้าวเข้าสู่ระดับผู้สูงส่งอุบัติขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ในบรรดาผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งเหล่านี้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทุก ๆ โลกก็คือมหาเทพยอดโลกา ยกตัวอย่างเช่นผู้สูงส่งที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกร้างก็คือผู้สูงส่งโลกร้างและถูกเรียกขานว่าฮวงจวินเช่นกัน
แดนของผู้สูงส่งแบ่งออกเป็นผู้สูงส่งชั้นล่าง ผู้สูงส่งชั้นกลางและผู้สูงส่งชั้นบน ผู้ที่อยู่สูงกว่าผู้สูงส่งชั้นบนคือผู้แกร่งเลิศ ซึ่งยังอยู่ในขอบข่ายของผู้สูงส่งอยู่ เทียบเท่าระดับผู้สูงส่งขั้นสูง
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทุกโลกก็คือระดับผู้แกร่งเลิศ
ฮวงจวินยกหอคอยฮวงจุติลงมาในเมืองต้าฮวงโบราณ และข่าวคราวก็แพร่งพรายออกไปเพราะเหตุนี้ ทำให้คนทั้งจักรวาลสั่นคลอน
ภายในตำหนักใหญ่แห่งหนึ่งที่เก่าแก่ในเมืองต้าฮวงโบราณ นายแห่งชนเผ่าฮวงมาถึงที่นี่ ก่อนจะยื่นสมุดรายชื่อให้ผู้อาวุโสที่อยู่ในชุดผ้าป่าน
ร่างกายของผู้อาวุโสคนดังกล่าวค่อนข้างผอม ทว่ากลับดูกระปรี้กระเปร่ามาก บนตัวสวมใส่ชุดผ้าป่านที่ดูธรรมดาเรียบง่าย ดูแล้วเหมือนคนแก่ที่ธรรมดามาก
อย่างไรก็ตามคนแก่ที่ดูธรรมดาประเภทนี้ ก็คือผู้แข็งแกร่งที่ตั้งตระหนักอยู่บนจุดสูงสุดของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดในยุคปัจจุบันนั่นเอง ฮวงจวิน!
“หอคอยฮวงมีต้นกำเนิดจากต้าเหยียน ผู้คนในโลกล้วนคิดว่ายุคสมัยที่เก่าแก่ที่สุดคือยุคไท่ชู แต่แท้จริงแล้วก่อนยุคไท่ชู ยังมียุคสมัยที่หายไปจากสายน้ำแห่งกาลเวลา นั่นก็คือสมัยต้าเหยียน”
ฮวงจวินถือสมุดรายชื่อในมือ พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย “สมัยต้าเหยียน บรรพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามได้ทิ้งการถ่ายทอดสืบสานของหนังสือยุทธภัณฑ์ คัมภีร์โอสถและฎีกาค่ายเอาไว้ อัญสมบัติอัษฎโลกที่บรรพจารย์อัษฎโลกทิ้งไว้ได้บุกเบิกโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด กดอัดดวงชะตาในดาราจักรวาล”
“แต่ในความเป็นจริงเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความเป็นมาของอัญสมบัติอัษฎโลกลึกลับกว่าความเป็นมาของอัษฎบรรพเสียอีก ซึ่งมันกำเนิดจากจักรวาลดั้งเดิม และมีธรรมที่ดั้งเดิมที่สุดในดาราจักรวาลนี้แฝงซ่อนอยู่”
“หอคอยฮวงจะเปิดออกทุก ๆ หนึ่งยุคตรีภพ หากสามารถเข้าไปฝึกฝนภายใน ก็จะสามารถสอดแนมความล้ำลึกของธรรมจักรวาลดั้งเดิมโดยตรง แม้แต่ตัวข้าเองก็รู้สึกหวั่นไหวมากเช่นกัน!”
เมื่อฮวงจวินพูดถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจพลางส่ายหน้า “น่าเสียดายที่เงื่อนไขแรกในการเข้าไปฝึกฝนในหอคอยฮวงคือ มีเพียงผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเทพมารระดับเก้าเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปได้!”
“โลกมหาศักดิ์ทั้งแปด สรรพโลกมีผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วน อสูรจิตจักมีเพียงหลักล้านล้านล้านหรือ? ทว่าโควต้าในการเข้าไปในหอคอยฮวงกลับมีเพียงหนึ่งพันที่!”
สายตาของฮวงจวินร่วงลงบนตัวนายแห่งชนเผ่าฮวง “ชูหยาง เจ้าส่งข่าวออกไป ให้เหล่าอัจฉริยะในโลกหล้ามารวมตัวกันที่เมืองต้าฮวงโบราณ เพื่อแข่งขันช่วงชิงโควต้าหนึ่งพันที่นี้เถิด”
“ขอรับ!”
นายแห่งชนเผ่าฮวงตอบกลับอย่างเคารพนอบน้อม ถึงแม้ความเป็นมาของชนเผ่าฮวงจะไม่ธรรมดา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้สูงส่งโลกร้างคนนี้ ก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นกัน
เนื่องจากในโลกของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ ไม่ว่าความเป็นมาของเจ้าจักแข็งแกร่งมากเพียงใด ท้ายที่สุดแล้วศักยภาพก็เป็นสิ่งเดียวที่ใช้ตัดสินทุกอย่าง ซึ่งนี่ก็คือกฎเกณฑ์ตายตัวที่ผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้านั่นเอง!
“เหล่าอัจฉริยะทั้งปวงในโลกหล้า มีโควต้าเพียงหนึ่งพันที่อย่างนั้นหรือ?”
แม้นหุบเขาสยบปีศาจจะลอยอยู่กลางอนัตตาที่ไร้ขอบเขต ทว่าตั้งแต่หลัวซิวกลับมาปกครองบัญชาการด้วยตนเอง เขาก็ได้ส่งคนออกไปสืบเสาะข่าวคราวต่าง ๆ นอกโลกาเช่นกัน และหลัวซิวก็ทราบข่าวคราวอันน่าทึ่งที่แพร่งพรายมาจากเมืองต้าฮวงโบราณเป็นเวลาแรกเช่นกัน
“โควต้าหนึ่งพันที่ จะว่าเยอะก็ไม่เยอะ จะว่าน้อยก็ไม่น้อย ผลการฝึกตนจำกัดอยู่ที่ต้องต่ำกว่าเทพมารระดับเก้า หนึ่งในนั้นต้องมีโควต้าของข้าหนึ่งที่แน่นอน!”
ศักยภาพของทุกคนในหุบเขาสยบปีศาจล้วนมีการยกระดับ หลัวซิวจึงมุ่งหน้าออกจากหุบเขาสยบปีศาจอย่างไม่ลังเลใจ แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองต้าฮวงโบราณโดยตรง
หนึ่งยุคตรีภพหรือสามแสนสามหมื่นสามพันสามร้อยล้านปี หอคอยฮวงถึงจะเปิดออกหนึ่งครั้ง เขาย่อมไม่มีทางพลาดยุคที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนี้อยู่แล้ว
แต่ระหว่างทางที่มุ่งหน้าตรงไปยังเมืองต้าฮวงโบราณ หลัวซิวเจอผู้แข็งแกร่งที่มาจากทั่วทุกสารทิศมารวมตัวกันในโลกร้างเยอะมาก ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้มีทั้งผู้ที่มาจากดินแดนต่าง ๆ แห่งโลกร้าง และมีบางส่วนที่มาจากโลกมหาศักดิ์อื่น ๆ เช่นกัน ทุกคนล้วนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ต่างกำลังเร่งมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองต้าฮวงโบราณ
“โฮกก!”
มังกรแท้ตัวหนึ่งที่มีรัศมีเทวเจ็ดสีลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบกายคำรามแล้วพุ่งผ่านท้องฟ้าไป มังกรแท้ตัวนี้ไม่ใช่มังกรห้าอุ้งเท้าทั่วไป แต่มีอุ้งเท้าเจ็ดข้าง มีสายเลือดของเผ่ามังกรแท้ที่ระดับขั้นสูงมาก ๆ ร่างกายยาวนับพันไมล์ ใหญ่โตมากจนเหลือเชื่อ
ถัดจากนั้นหลัวซิวก็มองเห็นชายที่ลักษณะดูเป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง เงาร่างของเขาเลือนราง ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ราวกับหลอมรวมเข้ากับท้องฟ้าอนัตตา ตระหนักรู้แดนปริภูมิถึงขั้นที่สูงส่งอย่างยิ่ง
เขายังเห็นสตรีนางหนึ่งด้วย เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแดนของนางคือเทพมารระดับแปดขั้นสูง ทว่ากลับมีกงล้อเทพลอยอยู่หลังศีรษะหนึ่งวง!
ต้องท้าวความก่อนว่ากงล้อเทพเป็นสัญลักษณ์ของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้า การที่สามารถผนึกรวมกงล้อเทพออกมาตั้งแต่ยังอยู่แดนเทพมารระดับแปดนั้น แสดงให้เห็นเลยว่าวรยุทธ์ที่สตรีนางนี้ฝึกหรือพรสวรรค์ของนาง ต่างปราดเปรื่องยอดเยี่ยมเป็นหนึ่ง!
คนเหล่านี้ล้วนทราบข่าวหอคอยฮวงจะเปิดออก จึงต่างพากันเดินทางมาอย่างไม่ขาดสาย มารวมตัวกันในเมืองต้าฮวงโบราณ เพื่อช่วงชิงโควต้าที่จะได้เข้าไปในหอคอยฮวงหนึ่งพันที่
“สหายหลัว!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเสียงหนึ่งสะท้อนมา หลัวซิวมองไปทางต้นตอของเสียง ก่อนจะเห็นคนคุ้นเคยคนหนึ่งกำลังบินตรงมาทางนี้
“ฮ่าฮ่า จากกันไปแล้วก็ย่อมมีวันกลับมาเจอกันได้อีก ไม่นึกเลยว่าจะได้พบหน้าสหายหลัวอีกครั้งแล้ว”
ผู้ที่พูดคำพูดดังกล่าวไม่ใช่คนอื่นใด ซึ่งเขาก็คือลิ่งฮู๋จื่อเซวียนที่มาจากโลกจักรภพนั่นเอง
ตอนนั้นหลังจากจากกันในแดนเทียนฮวง ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนได้รับทรัพยากรการฝึกตนจำนวนมาก เวลาล่วงเลยไปหลายปี ผลการฝึกตนของเขาก็บรรลุถึงแดนเทพมารระดับแปดขั้นสูงแล้ว ภายในร่างกายมีพลังอันมากมายมหาศาลที่ไม่ด้อยกว่าเทพมารระดับเก้าทั่วไป
ในมือเขายังมีมารดาเตาผืนทองอีก ซึ่งเป็นอาวุธจักรวรรดิระดับเก้า ทันทีที่เรียกออกมา เกรงว่าเทพมารระดับเก้าทั่วไปก็คงจะถูกเขาสยบสังหาร
“สหายลิ่งฮู๋ไม่ได้มาพร้อมแม่นางชีชีหรือ?”หลัวซิวยิ้มอ่อน
ครั้นเมื่อเจอโอกาสที่ตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่ง ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนนี่ก็ได้ทำการเรียกชีชีมาโดยเฉพาะ เมื่อนั้นหลัวซิวก็ดูออกแล้วว่าลิ่งฮู๋จื่อเซวียนชอบชีชี แต่ทว่าหลังจากจากกันในครั้งนั้น เขาก็ไม่เคยเห็นสตรีที่มีพรสวรรค์ปราดเปรื่องคนนั้นอีกเลย
เมื่อพูดถึงชีชี ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็เกาหัวอย่างรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “หอคอยฮวงเปิดออกแล้ว ชีชีต้องมาแน่นอน”
หลัวซิวทราบมาจากปากลิ่งฮู๋จื่อเซวียนว่าชีชีบรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้าแล้ว ระดับความเร็วในการฝึกตนประเภทนี้เรียกได้เลยว่าน่าทึ่งอย่างยิ่ง แต่จากการที่ข่าวคราวของหอคอยฮวงจะเปิดแพร่งพรายออกไป ชีชีถึงกับตัดผลการฝึกตนของตัวเองทิ้งอย่างเด็ดเดี่ยว ทำให้ผลการฝึกตนของตัวเองร่วงหล่นลงมาที่เทพมารระดับแปดขั้นสูง!
จิตใจที่เด็ดเดี่ยวประเภทนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปมีแน่นอน นี่จึงทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเลื่อมใสในตัวสตรีอย่างชีชี ชื่นชมว่านางมีความเด็ดเดี่ยวที่กล้าหาญ
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเดินทางมาพร้อมกับเขา ก่อนที่ทั้งสองจะมาถึงเมืองต้าฮวงโบราณ
เมืองโบราณแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลัวซิวมาที่นี่แล้ว ทว่าทุกครั้งที่มองเห็นเมืองโบราณนี้ เขาก็ต้องรู้สึกทึ่งต่อเมืองเทพโบราณที่คงอยู่มาอย่างยาวนานนี่
มีตำนานโบราณเล่ากันว่าโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเป็นโลกที่ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานแปดท่านบุกเบิกขึ้นมา สายเลือดของพวกเขาแพร่ขยายอยู่ในโลกทั้งแปด จนวิวัฒนาการเป็นแปดตระกูล
และเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง แปดตระกูลใหญ่นี้จึงแทบจะเป็นปณิธานของโลกทั้งแปด มีตำแหน่งพิเศษ ซึ่งไม่ธรรมดามาก
เข้าไปในเมืองโบราณแห่งนี้ หลัวซิวไม่ได้ไปตามหาฮวงหวูจี๋แต่อย่างใด เขาเชื่อว่าทันทีที่การแข่งขันชิงโควต้าหอคอยฮวงได้เริ่มต้นขึ้น ฮวงหวูจี๋ก็ต้องปรากฏตัวอย่างแน่นอน ถึงครานั้นก็จักได้พบกันเอง
มีฮวงจวินคุ้มครองบัญชาการเมืองโบราณแห่งนี้ด้วยตนเอง มาตรแม้นว่ามีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานจำนวนมากย่างกรายมาเมืองโบราณ ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นกัน ต่างทำตัวซื่อสัตย์ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์
แต่ทว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งที่อยู่สูงกว่าเทพมารระดับเก้าไม่กล้าลงมือ คนที่มาแข่งขันช่วงชิงโควต้าในการเข้าไปในหอคอยฮวงกลับแข่งขันและปะทะกันแล้ว
ภายในจำนวนคนทั้งหมด ก็มีจำนวนคนไม่น้อยที่แอบใช้อุบายอย่างลับ ๆ เช่นกัน เพื่อที่จะทำให้คนตกรอบมากยิ่งขึ้น ทำให้ตัวเองมีโอกาสได้รับโควต้าในการเข้าไปในหอคอยฮวงมากขึ้น
สำหรับเรื่องประเภทนี้นั้น ทุกคนล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ ทว่าแค่ไม่มีคนไปสนใจ เนื่องจากวิธีการประเภทนี้มันก็เป็นการแข่งขันอย่างหนึ่งอยู่แล้ว มีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานคนใดที่ไม่ได้เจริญเติบโตขึ้นมาผ่านการประสบกับความทุกข์ยากลำบากที่ไร้ที่สิ้นสุดบ้าง? หากความทุกข์ยากลำบากแค่นี้ยังผ่านไปไม่ได้ เช่นนั้นการที่เสียสิทธิ์ในการเข้าไปในหอคอยฮวง ก็เป็นผลของโชคชะตาแล้วล่ะ
“มีเด็กเกเรมาเพิ่มอีกสองคนแล้วหรือ?”
ทันทีที่หลัวซิวและลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเดินเข้าไปในเมือง ชายหนุ่มที่หน้าตาเย็นชาพร้อมกับผู้อาวุโสอีกสองคนก็ขวางอยู่ตรงหน้าพวกเขา
ศักยภาพของชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา มีรัศมีเทวตลบฟุ้งอยู่ในจุดตันเถียนลาง ๆ ผู้อาวุโสทั้งสองคนที่เดินตามอยู่ด้านหลังเขาก็ต่างอยู่ในแดนเทพมารระดับแปดขั้นสูงเช่นกัน ซึ่งไม่ได้อยู่ในขอบข่ายของเทพมารระดับเก้าเป็นต้นไป ดังนั้นถึงแม้จะลงมือ ก็ไม่ผิดกฎ
“ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถมุ่งหวังโควต้าของหอคอยฮวง หากไม่อยากตายละก็ รีบไสหัวกลับไปซะ มิเช่นนั้นก็รับผิดชอบกับผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วยตนเองก็แล้วกัน!”
ลักษณะท่าทีของชายหนุ่มคนนี้จองหองมาก แต่คำพูดที่พูดออกมากลับทำให้หลัวซิวหลุดหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ หรือเจ้าหมอนี่คิดว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ตนเองตกใจกลัวอย่างนั้นหรือ?
แต่หลัวซิวก็เข้าใจดีเช่นกันว่าสาเหตุที่เจ้าหมอนี่หมายตาตนและลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเอาไว้นั้น คาดว่าน่าจะเป็นเพราะไม่คุ้นหน้าพวกเขาทั้งสอง บวกกับเดินทางมาด้วยตนเอง คิดว่าพวกเขาทั้งสองเป็นผู้บำเพ็ญตนอิสระที่ไม่มีกองกำลังใหญ่เป็นที่พึ่งพิง เพราะฉะนั้นถึงกล้าเดินมาข่มเหงรังแก
“สหายหลัว ในโลกหล้านี้คนโง่นี่มันมีเยอะจริง ๆ เลยนะ”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็หลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน ก่อนจะกวาดตามองทั้งสามคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเย็นชา “ตาหมา ๆ ของพวกมึงบอดไปแล้วรึ รู้หรือไม่ว่าท่านชายข้าคือผู้ใด?”
“ฮ่าฮ่า พูดได้ดีมาก หวงฟางเทียน ตาหมา ๆ ของมึงบอดแล้วรึ ไม่นึกเลยว่าจะกล้ามาหาเรื่องสหายหลัว!”
เสียงหัวเราะที่ดังลั่นสะท้อนมา ถัดจากนั้นหลัวซิวก็เห็นฮวงหวูจี๋เดินตรงมาทางนี้ “หวงฟางเทียน มึงเชื่อหรือไม่ว่าจากศักยภาพของสหายหลัว สามารถตบมึงให้ตายภายในฝ่ามือเดียวเลย?”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ฮวงหวูจี๋ก็มองลิ่งฮู๋จื่อเซวียนรอบหนึ่ง “สหายหลัว ท่านนี้คือสหายเจ้าหรือ?”