มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2762 ธรรมเวชกาลร้าง
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2762 ธรรมเวชกาลร้าง
ในใจชีชีก็ทราบเช่นกันว่า ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพียงแค่อาจารย์ตนรักอยู่ข้างเดียว แต่นั่นคืออาจารย์ของตนเองนะ นางจักพูดอะไรได้บ้างเล่า?
คำฝากฝังก่อนสิ้นลมของอาจารย์ การใส่ใจดูแลของอาจารย์ที่มีต่อนาง แล้วนางจักเลือกอย่างไรได้บ้างเล่า?
จากการที่เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป อัจฉริยะผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในโลกาจ่างจงก็ยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลง เมื่อมาถึงช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจ ระหว่างอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งก็เกิดความขัดแย้งกันน้อยมาก ๆ การปะทะกันในแต่ละครั้งก็เป็นเพียงการทดสอบหยั่งเชิงซึ่งกันและกัน พยายามลดโอกาสในการเข่นฆ่ากันอย่างสุดชีวิต
แม้นจะระมัดระวังเช่นนี้ แต่ก็มีคนตกรอบอย่างต่อเนื่องอยู่ดี สุดท้ายแล้วเมื่อจำนวนคนที่อยู่ในโลกาจ่างจงเหลือเพียงหนึ่งพันคน ฟ้าดินในโลกาจ่างจงก็สลายหายไปกะทันหัน ถัดจากนั้นก็มีพลังอันแข็งแกร่งที่ไม่สามารถต่อต้านม้วนพาหนึ่งพันคนนี้ขึ้นมา หายไปภายในพริบตา
โลกาจ่างจงผันกลับมาเป็นฝ่ามือข้างหนึ่งอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ หดกลับเข้าไปในตำหนักหลักเมือง
ในขณะเดียวกัน อัจฉริยะผู้แข็งแกร่งหนึ่งพันคนที่ได้รับโควต้าหอคอยฮวง ก็ถูกฮวงจวินใช้มหาอิทธิฤทธิ์ส่งเข้ามาในห้องโถงใหญ่ของตำหนักหลักเมืองโดยตรง
“ลำดับแรกต้องขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าทุกคนที่ได้รับโอกาสในการเข้าไปในหอคอยฮวง ให้เวลาพวกเจ้าฟื้นฟูผลการฝึกตนที่สูญเสียไปของแต่ละคนสองเดือน ทำให้ศักยภาพของตนแข็งแกร่งขึ้น สองเดือนภายหน้า บนสนามจัตุรัสกลางเมืองต้าฮวงโบราณ จักเป็นช่วงเวลาที่พวกเจ้าจะได้เข้าไปในหอคอยฮวง!”
ภายในน้ำเสียงของผู้สูงส่งโลกร้างมีพลานุภาพที่กว้างใหญ่มากมายมหาศาลปนอยู่ ดังก้องอยู่ในหูอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งหนึ่งพันคนนี้
“เวิ่ง!”
ม่านแสงที่แวววาวจับตาเลื่อนขึ้นมารอบเมืองต้าฮวงโบราณ ก่อนที่หอคอยฮวงจะเปิดออก ทั้งเมืองต้าฮวงโบราณล้วนอยู่ในสภาวะฉุกเฉิน ห้ามทุกคนในเมืองทะเลาะกัน มีฮวงจวินคอยบัญชาการด้วยตนเองอยู่ที่นี่ บวกกับที่นี่เป็นถิ่นฐานเก่าแก่ของชนเผ่าฮวง มาตรแม้นว่ามีผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งคนอื่น ๆ ย่างกรายมา ก็ไม่กล้าทำอะไรผลีผลามที่นี่
จากความสัมพันธ์มิตรสหายระหว่างฮวงหวูจี๋และหลัวซิว เขาต้องได้เข้าพักในตำหนักหลักเมืองโดยตรงอยู่แล้ว เดิมทีทั้งเมืองต้าฮวงโบราณก็เป็นของขลังยิ่งใหญ่ที่มีพลานุภาพเป็นหนึ่งไม่เป็นรองอยู่แล้ว ตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักหลักเมืองยิ่งเป็นกำแพงเมืองแข็งแกร่งมั่นคง ถูกขนานนามว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดโดยเฉพาะโลกร้าง มีตำนานเรื่องเล่าหลากหลายรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับหอคอยฮวงแพร่งพรายอยู่ในโลกร้าง หนึ่งในตำนานที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดก็คือหอคอยฮวงกำเนิดจากจักรวาลดั้งเดิม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายลึกซึ้งประเภทหนึ่งของจักรวาลดั้งเดิม
สวรรค์ ใต้ดิน เสวียน เหลือง จักรวาล จักรภพ ท่วมท้นและร้าง ทั้งแปดคำนี้ต่างเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ที่มีความหมายที่ลึกซึ้งที่สุดของจักรวาลดั้งเดิม
เริ่มมีอัษฎอัญสมบัติอย่างหอคอยฮวงเป็นต้นก่อน ต่อมาถึงจะมีผู้แข็งแกร่งเก่าแก่แปดท่านได้รับอัญสมบัติทั้งแปดชิ้นนี้ ซึ่งนี่ก็คือต้นกำเนิดโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด รวมไปถึงเผ่าตระกูลโบราณทั้งแปดนั่นเอง
เล่ากันว่าภายในอัญสมบัติอัษฎจักรวาลดั้งเดิมมีความเร้นลับที่อยู่เหนือเทียนเต้าแฝงซ่อนอยู่ หรือว่าแดนที่อยู่เหนือแดนประมุขเต๋านั่นเอง
ผู้คนต่างมีวิธีเรียกแดนประเภทนี้แตกต่างกัน บ้างก็บอกว่าคือแดนบรรพเทพ
แต่ก็มีคนบอกว่าคือแดนเซียน
บรรพเทพที่กล่าวถึงนั้นเป็นตัวแทนของบรรพบุรุษแห่งเหล่าเทพบนสรรพวิถีในโลกหล้า เป็นสัญลักษณ์ของขีดสูงสุดของการฝึกยุทธ์ การบรรลุเป็นบรรพแห่งเหล่าเทพ ก็คือการเดินไปถึงจุดสิ้นสุดของวิถีการฝึกเทพและมารนั่นเอง
ส่วนเซียนที่กล่าวถึงนั้น เป็นสัญลักษณ์ของความอิสระประเภทหนึ่ง อยู่เหนือเทียนเต้า อยู่เหนือวัฏสงสาร ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและเป็นอมตะ
เท่าที่หลัวซิวทราบ จี้หวูชวงก็เคยตระหนักวิชาอัญเต๋าแห่งโลกเสวียนในโลกเสวียนเช่นกัน เขาได้รับการตระหนักรู้ในสำนักเต๋า จนวิวัฒนาการมนตราทะยานเซียนที่ตระการตาอย่างยิ่ง และมีชื่อเสียงหลงทางไปชั่วกาลนานออกมา!
สำนักเต๋าและหอคอยฮวงต่างเป็นหนึ่งในอัญสมบัติอัษฎจักรวาลดั้งเดิม ต่างมีความเร้นลับในการบรรลุเป็นเซียนหรือบรรพเทพแฝงซ่อนอยู่
แต่ทว่าอัษฎอัญสมบัตินี้คงอยู่มายาวนานมาก ๆ แล้ว ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีคนกลายเป็นเซียน หรือบรรลุเป็นบรรพเทพ ถึงแม้คนยุคหลังจะเรียกขานบรรพบุรุษเผ่าตระกูลโบราณทั้งแปดท่านที่บุกเบิกโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดว่าบรรพเทพ เรียกขานผู้แข็งแกร่งทั้งสามท่านที่ริเริ่มหนังสือยุทธภัณฑ์ คัมภีร์โอสถและฎีกาค่ายว่าบรรพศักดิ์สิทธิ์ แต่ในสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์กาลเวลาก็ไม่ได้บันทึกเช่นกันว่าพวกเขาอยู่เหนือเทียนเต้าหรือยัง
อ้างอิงจากการคาดเดาของตัวหลัวซิวเอง บรรพศักดิ์สิทธิ์ก็ดี บรรพบุรุษเผ่าตระกูลโบราณก็ช่าง พวกเขาน่าจะยังไม่บรรลุถึงแดนที่อยู่เหนือประมุขเต๋า บางทีพวกเขาล้วนเป็นประมุขเต๋าที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่น่าจะยังก้าวก้าวสุดท้ายไม่ออก มิเช่นนั้นละก็ พวกเขาไม่มีทางสลายหายไปจากสายน้ำแห่งกาลเวลาแน่นอน น่าจะคงอยู่ในโลกชั่วนิรันดร์ เล่าสืบต่อกันมาตลอดกาล!
สำหรับอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่ผลการฝึกตนบรรลุไม่ถึงเทพมารระดับแปดแล้ว ระยะเวลาสองเดือนมันช้าเกินไป ภายในระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้ ไม่สามารถทำให้ผลการฝึกตนของตัวเองมีการพัฒนาได้เลยด้วยซ้ำ อย่างมากสุดก็แค่สามารถฟื้นฟูให้ผลการฝึกตนที่สูญเสียไปในการแข่งขันชิงโควต้าหอคอยฮวงในโลกาจ่างจงก่อนหน้านี้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
วันนี้มีเงามืดที่ใหญ่โตมโหฬารอย่างยิ่งปรากฏเหนือนภาเมืองต้าฮวงโบราณหนึ่งร่าง เงามืดดังกล่าวได้ทำการแผ่คลุมรัศมีหนึ่งหมื่นไมล์ของเมืองโบราณเอาไว้โดยสิ้นเชิง สายตาที่นับไม่ถ้วนแหงนมองขึ้นไป ก่อนจะมองเห็นส่วนฐานของหอคอยเทวหนึ่งหลัง!
ใช่แล้ว นี่ก็คือหอคอยฮวง มีพลังออร่าที่เก่าแก่แผ่กระจายออกมาจากภายใน แค่ส่วนฐานเท่านั้น ก็กว้างใหญ่ยิ่งกว่าเมืองต้าฮวงโบราณเสียอีก!
“ช่างเป็นหอคอยเทวที่ใหญ่โตยิ่งนัก หากหอคอยเทวหลังนี้ตกลงมา เกรงว่าทั้งเมืองต้าฮวงโบราณคงได้กลายเป็นพื้นที่เรียบแน่!”
หลัวซิวเขม็งตามองไป สิ่งที่มองเห็นคือหอคอยเทวสีทองหนึ่งหลัง รอบ ๆ หอคอยเทวหลังนี้มีออร่าสีทองที่นับไม่ถ้วนลอยวนเป็นเกลียวขึ้นไป พลังเต๋าที่แฝงซ่อนอยู่ภายในออร่าดังกล่าว ถึงขั้นทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ว่าร่างเนื้อร่างเทวของตัวเองเตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก!
“นี่ก็คือวิถีอันลึกซึ้งที่เป็นขั้นสุดท้ายของจักรวาลดั้งเดิมหรือ?”รูม่านตาของหลัวซิวหดลงกะทันหัน วิถีไร้ลักษณ์ของเขาไม่สามารถอนุมานความลึกซึ้งของพลังเต๋าที่แฝงซ่อนอยู่ในหอคอยฮวงออกมาได้เลยด้วยซ้ำ แต่กลับสัมผัสได้อยู่ว่าความเร้นลับของหอคอยฮวงต้องมีความเกี่ยวข้องกับร่างเนื้อร่างเทวแน่นอน บางทีธรรมจักรวาลดั้งเดิมที่แฝงซ่อนอยู่ในคำว่าร้าง อาจจะเป็นสัญลักษณ์ของวิถีกลั่นร่างก็เป็นได้!
เบญจธาตุทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน หยินหยาง ลมอัสนี ตรีภพ ตลอดจนวิถีแห่งทวยมรณะอย่างการเวียนว่ายตายเกิดห้วงเวลา จากกฎแปรเปลี่ยนเป็นเกณฑ์ สูงสุดสามารถฝึกถึงแดนผู้สูงส่ง ตลอดจนแดนผู้แกร่งเลิศ
ซึ่งวิถีประเภทนี้ถูกเรียกว่าวิถีแห่งทวยมรณะ
แต่ทว่าหากอยากก้าวข้ามขีดจำกัดของผู้แกร่งเลิศ บรรลุสู่แดนประมุขเต๋าที่สูงที่สุดในตำนาน เช่นนั้นกระทั่งบัดนี้ก็มีเพียงสองเส้นทางให้เดินเท่านั้น หนึ่งคือวิถีแห่งสวรรค์ทั้ง 12 ในยุคไท่ชู บรรลุเป็นประมุขเต๋าสวรรค์! ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งก็คือเส้นทางแห่งวัฏสงสาร บรรลุเป็นประมุขเต๋าวัฏสงสาร!
ปัจจุบันเมื่อหลัวซิวสัมผัสได้ถึงออร่าพลังเต๋าของหอคอยฮวง เขาก็รู้แล้วว่าเหนือวิถีสวรรค์และวิถีวัฏสงสารยังมีธรรมจักรวาลดั้งเดิม!
ซึ่งธรรมประเภทนี้อยู่เหนือเทียนเต้า เนื่องจากแม้แต่เทียนเต้าก็ถูกวิวัฒนาการออกมาจากจักรวาลดั้งเดิมเช่นกัน ส่วนธรรมจักรวาลดั้งเดิมก็มีทั้งหมดแปดประเภท ซึ่งสอดคล้องกับคำว่าสวรรค์ ใต้ดิน เสวียน เหลือง จักรวาล จักรภพ ท่วมท้นและร้าง
“เวิ่งง!”
สุดท้ายหอคอยฮวงก็ลอยอยู่บนท้องฟ้าเมืองต้าฮวงโบราณ ออร่าที่เก่าแก่กว้างใหญ่นั่น ทำให้ทุกคนในเมืองต้าฮวงโบราณล้วนสัมผัสได้ถึงความต่ำต้อยและเล็กน้อยของตัวเอง
“ร่างเนื้อของฮวงจวินต้องน่าทึ่งอย่างยิ่งแน่นอน!”
หลัวซิวคาดคะเนในใจ มีสิ่งล้ำค่าอย่างหอคอยฮวง และมีการตระหนักรู้ความล้ำลึกของธรรมเวชกาลร้าง ร่างเนื้อของฮวงจวินย่อมต้องแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว อย่างไรเสียเขาก็สามารถฝึกถึงแดนผู้แกร่งเลิศ ซึ่งแสดงว่าฮวงจวินท่านนี้มีความสามารถในการตระหนักรู้ที่น่าทึ่งอย่างยิ่งแน่นอน
อ้างอิงจากเค้าลางต่าง ๆ หลัวซิวพอจะสามารถอนุมานวิถียุทธ์ที่ฮวงจวินท่านนี้เลือกได้โดยคร่าว ๆ ฮวงจวินท่านนี้อยากเริ่มจากวิถีสวรรค์ บรรลุเป็นประมุขเต๋าก่อน จากนั้นค่อยตระหนักรู้ในธรรมเวชกาลร้างต่อ ใช้วิธีนี้ให้ตนอยู่เหนือประมุขเต๋า จนบรรลุสู่แดนบรรพเทพ แดนเซียนในตำนาน!
แต่ทว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้พูดง่าย แต่กลับทำยากมาก เท่าที่เขาทราบมา ฮวงจวินบรรลุถึงแดนผู้แกร่งเลิศมาหลักร้อยล้านปีแล้ว กาลเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ ทว่าเขากลับยังคงหยุดอยู่ในแดนนี้ จึงเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าการบรรลุเป็นประมุขเต๋านั้นยากลำบากมากเพียงใด แล้วยังต้องพูดถึงบรรพเทพและแดนเซียนอีกหรือ?
เดินออกมาจากตำหนักหลักเมือง หลัวซิวมาถึงกลางสนามจัตุรัส สิ่งที่อยู่เหนือศีรษะคือหอคอยฮวงที่มีแสงทองเปล่งปลั่ง แทบจะบดบังทั้งท้องฟ้า ทำให้เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นไป สิ่งที่ปรากฏในสายตาก็มีเพียงหอคอยฮวง ฟ้าดินไม่คงอยู่!
“ไท่ซ่างฉิง!”
หลัวซิวได้พบเมิ่งเชียนชางที่นี่อีกครั้ง เห็นเพียงเมิ่งเชียนชางกำลังเขม็งมองมาทางเขาพลางพูดอย่างเย็นชา: “ครั้งก่อนการแพ้อยู่ในเงื้อมมือเจ้า ทำให้ข้าได้กลับไปทบทวนความพ่ายแพ้ของตน แม้นจักผ่านไปเพียงสองเดือน ทว่าศักยภาพของข้ากลับแข็งแกร่งมากกว่าเดิมแล้ว แม้เจ้าจักปลดปล่อยพลังอมตะตราสรรพสิทธิ์อย่างครั้งก่อนอีกครั้ง ข้าก็มั่นใจว่าสามารถต้านรับได้ อีกทั้งสามารถโค่นล้มเจ้า!”
“จริงหรือ?”
หลัวซิวยิ้มอ่อน ไม่ได้ปฏิเสธอะไร : “ชาตินี้ข้าไม่ใช่ไท่ซ่างฉิง เจ้าอย่าเข้าใจผิดเป็นอันขาดล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็มีรัศมีดวงหนึ่งกระพริบผ่านไปในแววตาเมิ่งเชียนชาง “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นไท่ซ่างฉิงก็ดี หลัวซิวก็ช่าง ชาตินี้เจ้าก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องพ่ายแพ้และตายอยู่ในเงื้อมมือข้า กลายเป็นหินรองตีนบนเส้นทางที่ข้าจักมุ่งไปสู่จุดสูงสุดบนวิถียุทธ์!”
“เจ้าคิดผิดแล้ว หากในยุคสมัยนี้ มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถเดินขึ้นไปถึงจุดสูงสุดบนวิถียุทธ์ เช่นนั้นคนคนนั้นก็ต้องเป็นข้าแน่นอน!”
หงบูเดินอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่าย่างกราบมาทางนี้ แววตาที่มีปณิธานรบลุกโชนกวาดมองหลัวซิวและเมิ่งเชียนชางทั้งสองคน
“สหายหลัว!”
“ท่านชาย!”
ฮวงหวูจี๋ หยุนยี่เทียนและฮู๋ชิงชิงก็เร่งเดินทางมาเช่นกัน มายืนเคียงข้างหลัวซิว
ครั้นเมื่ออยู่ในโลกาจ่างจง เพราะโลกาที่ฮวงจวินวิวัฒนาการออกมากว้างใหญ่มากเกินไป หลัวซิวก็ไม่ได้พบเห็นรู้จักกับอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งทุกคนเช่นกัน ซึ่งในจำนวนที่เขาไม่รู้จักก็มีผู้แข็งแกร่งอยู่เยอะมาก
ในตำแหน่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนท้องฟ้า ด้านหลังเขามีแสงทองปรากฏขึ้น ๆ ลง ๆ ภายในแสงทองมีกระบี่เทพลอยอยู่หนึ่งเล่ม และมีออร่าพลังเต๋าประเภทหนึ่งที่เฉียบคมมากจนไม่อาจต้านทานได้แผ่กระจายออกมา
หลัวซิวคุ้นเคยต่อออร่าพลังเต๋าประเภทนี้อยู่ ซึ่งมันก็คือพลังเทวเวหา หนึ่งใน 12 วิถีสวรรค์!
ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าคนดังกล่าวคือผู้แข็งแกร่งที่มาจากโลกสวรรค์ กำเนิดจากตำหนักเวหา ซึ่งไม่ค่อยต่างอะไรจากเทพธิดาเยว่เทียนที่หลัวซิวประสบพบเจอในโลกาจ่างจง
แม้นโควต้าของหอคอยฮวงจะมีเพียงหนึ่งพันที่ ทว่าเมื่อแบ่งให้โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดโดยเฉลี่ย แดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดทั้งหลายก็ได้รับโควต้าไม่น้อยเช่นกัน ผู้แข็งแกร่งในวังนภาสิบสองแห่งโลกสวรรค์ที่ลึกลับมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วก็ปรากฏที่นี่ด้วย
วังนภาสิบสองแห่งโลกสวรรค์ แท้จริงแล้วก็เป็นหนึ่งในเผ่าตระกูลโบราณใหญ่ทั้งแปดเช่นกัน เป็นการถ่ายทอดสืบสานของเผ่าฟ้า!
อีกทั้งอัจฉริยะจากเผ่าดิน เผ่าดำ เผ่าเหลือง เผ่าวาลและเผ่าภพก็ล้วนมาถึงที่นี่เช่นกัน มาแสวงหาความลึกซึ้งของหอคอยฮวง
หลัวซิวเห็นผู้แข็งแกร่งจากเผ่าดิน ด้านหลังของพวกเขามีปรากฏการณ์แปลกประหลาดวิวัฒนาการออกมาเป็นวงกว้าง เป็นดารา 36 ดวงที่แวววาวจับตา ซึ่งต่างสอดคล้องกับอัญสมบัติโลกใต้ดิน ดาราปฐววีสามสิบหก!
ยังมีอัจฉริยะจากเผ่าดำด้วย เหนือศีรษะทุกคนล้วนมีสำนักเต๋าลอยอยู่หนึ่งหลัง ล้วนเป็นของเลียนแบบอัญโลกะเสวียน อดีตหลัวซิวเคยได้รับสำนักเต๋าหนึ่งมาจากโลกเสวียนเทียน เล่ากันว่ามันก็เป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาจากวิชาอัญเต๋าเช่นกัน กาลเวลาผ่านมายาวนานเช่นนี้ มันถูกจีเสี่ยวจื่อดูแลจนวิวัฒนาการถึงอาวุธเทพระดับเจ็ดแล้ว
หลัวซิวดึงสายตากลับมา แล้วหันไปเพ่งมองหอคอยฮวงที่ใหญ่โตมโหฬารนั่น เขาก็รู้สึกสงสัยมาก ๆ เหมือนกันว่าในเมื่อผู้สูงส่งโลกร้างยึดกุมหอคอยฮวง เหตุใดหอคอยฮวงเปิดออกแล้ว ตัวเขาจึงเข้าไปไม่ได้ มีเพียงผู้ที่มีผลการฝึกตนต่ำกว่าเทพมารระดับเก้าเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปได้?
เขาไม่ได้ถามข้อสงสัยนี้ออกมาแต่อย่างใด เขาเชื่อว่ารอตัวเองเข้าไปในหอคอยฮวงแล้ว ก็จะทราบเหตุผลแน่นอน