มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2780 ปริศนาปริตรวัน
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2780 ปริศนาปริตรวัน
ในชาตินี้ จากในโลกแสงดาวที่เดินมาทีละก้าว หลัวซิวรู้สึกถึงคลื่นวังวนที่ซัดสาดในสรรพโลกมานานแล้ว และหายนะกำลังก่อตัวขึ้น
ย่อมมีภัยพิบัติในทุกยุคทุกสมัย ยุคไท่ชูมีภัยพิบัติ ยุควัฏสงสารก็มีภัยพิบัติ ดังนั้นยุคมหาศักดิ์ก็หนีไม่พ้น
และภัยพิบัติทุกครั้งก็หมายถึงการสิ้นสุดของยุคสมัยหนึ่ง เข้าสู่ยุคสมัยใหม่หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลัวซิวจะมีประสบการณ์และสติปัญญาในชาติก่อนของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าหายนะในยุคมหาศักดิ์นี้จะน่ากลัวเพียงใด
ผู้แข็งแกร่งที่เขาต้องเผชิญคือผู้แข็งแกร่งมากมายจากยุคสมัยโบราณที่ไม่สามารถตามหาต้นกำเนิดของกาลเวลาได้!
“เจ้าคือใคร?”
ในส่วนลึกของหุบเขามังกรไฟ ร่างศีรษะเปลวไฟมังกรที่กลายมาจากเปลวไฟมังกรได้โผล่ศีรษะขนาดใหญ่ออกมา จ้องมองไปยังชายหนุ่มแปลกหน้าในชุดคลุมสีแดงเพลิง
นี่คือศูนย์กลางของ หุบเขามังกรไฟ จักรพรรดิเทพมังกรแท้ได้เสียชีวิตที่นี่ในกาลเวลาสมัยโบราณ โดยทิ้งลำแสงของวิญญาณที่เหลืออยู่ไว้เพื่อรอการกลับชาติไปเกิดและโอกาสที่จะได้เห็นดวงอาทิตย์อีกครั้ง
เพียงแต่เขายังรอไม่ถึงวันนั้น ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาถึง
“เจ้าถามว่าข้าคือใคร? ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าพันธุ์มารหรือเผ่าพันธุ์อื่นๆ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในสรรพโลกที่ฝึกฝน ธรรมแห่งอัคคีกลับไม่รู้ว่าข้าคือใคร?”
ชายหนุ่มในชุดสีเพลิงพูดอย่างเฉยเมยว่า “เพื่อวิญญาณที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเจ้าจะกลายเป็นอาหารหล่อเลี้ยงแก่ข้า ข้าสามารถให้เจ้าตายอย่างเข้าใจเล็กน้อย ในกาลเวลาที่เนิ่นนาน ผู้คนโลกให้เกียรติและนับถือข้าในฐานะมกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคี!”
…
ในมิติสมรภูมิกู่ไท่ มีหลายสถานที่ที่เหมาะสำหรับการฝึก การเดินทางหุบเขามังกรไฟนี้ ร่างเทวเทพของหลัวซิวก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง ถึงร่างราชาเทพระดับเก้าขั้นสูงสุด
แต่ฮู๋ชิงชิงและหนิงหานหลิงไม่ได้รับอะไรเลย พวกนางไม่ใช่นักยุทธ์ที่ฝึกฝนวิถีแห่งอัคคีและไม่ใช่นักยุทธ์ที่กลั่นร่างเนื้อ
แม้ว่าม้วนหยกที่ซื้อจากตำหนักกิ่งโยงพลังจะไม่ได้บันทึกรายละเอียด แต่แผนที่ก็ระบุสถานที่ฝึกฝนที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ซึ่งก็มีสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับฮู๋ชิงชิงและหนิงหานหลิง
หลัวซิวพูดความคิดของเขาออกมา ฮู๋ชิงชิงและหนิงหานหลิงพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ลังเล ทั้งสามคนแยกจากกันไปยังสถานที่ฝึกฝนที่เหมาะกับตนเอง
“พวกเจ้าต้องระวังหน่อยนะ มีผู้แข็งแกร่งเทพมาระดับเก้าขึ้นไปไม่น้อยอยู่ในมิติสมรภูมิกู่ไท่” หลัวซิวเตือนก่อนแยกจากกัน
“ท่านชายเองก็ต้องระวัง” ฮู๋ชิงชิงและหนิงหานหลิงพยักหน้า จากนั้นทั้งสามคนก็กลายเป็นแสงสว่างแล้วมุ่งหน้าไปคนละทาง
จุดหมายต่อไปที่หลัวซิวเลือกคือสถานที่ที่เรียกว่าปริศนาปริตรวัน ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในมิติสมรภูมิกู่ไท่
ยุคที่หายนะครั้งใหญ่เกิดขึ้นในมิติสมรภูมิกู่ไท่ ยังไม่มีภูตสวรรค์สิบสอง แต่ในยุคนั้นมีอัญสมบัติและคัมภีร์สวรรค์ของโลกสวรรค์แล้ว!
ตำนานเล่าว่าคัมภีร์สวรรค์มีทั้งหมดสิบสองหน้า หนึ่งหน้าคือหนึ่งโลก หนึ่งจักรวาล ซึ่งมีพลังวิชามหาอิทธิฤทธิ์สิบสองอย่าง
มีตำนานมานานแล้วว่าภูตสวรรค์สิบสองต่างเข้าใจและเชี่ยวชาญคัมภีร์สวรรค์หนึ่งหน้า ดังนั้นจึงสร้างการสืบทอดวิถีแห่งสวรรค์ขึ้นมา เชี่ยวชาญวิชาทวยเทพ ควบคุมเทียนเต้าวัฏสงสาร และ ปกครองยุคสมัยหนึ่ง
มิติสมรภูมิกู่ไท่เป็นสนามรบของยุคต้าเหยียน ในยุคสมัยนั้นมีประมุขแห่งโลกสวรรค์ที่ควบคุมคัมภีร์สวรรค์ โดยใช้คัมภีร์สวรรค์เพื่อแสดงวิชามหาอิทธิฤทธิ์แล้วทิ้งปริศนาปริตรวันไว้
ว่ากันว่าปริศนาปริตรวันนั้นมีวิชามหาอิทธิฤทธิ์สิบสองอย่างของคัมภีร์สวรรค์ หากใครก็ตามที่สามารถเข้าใจได้จะสามารถเป็นผู้แข็งแกร่งที่เทียบได้กับการมีอยู่ของภูตสวรรค์สิบสองยุคไท่ชู
ในช่วงแรกสุดที่มิติสมรภูมิกู่ไท่ปรากฏขึ้น ปริศนาปริตรวันดึงดูดผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนมา และแม้แต่ผู้แข็งแกร่งอื่น ๆ อีกมากมายจากโลกมหาศักดิ์เจ็ดทิศที่ได้ยินเกี่ยวกับสถานที่นี้ ต่างก็ใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อมาสำรวจโลกสวรรค์
แต่ในปริศนาปริตรวัน มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากเสียชีวิตอยู่ที่นี่ แม้ว่าวิชามหาอิทธิฤทธิ์ของคัมภีร์สวรรค์จะทำให้ผู้คนอยากครอบครองโหยหา แต่นี่ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่อันตรายที่สุดในมิติสมรภูมิกู่ไท่
ตามสถิติของ ตำหนักกิ่งโยงพลังหากมีผู้แข็งแกร่งสิบคนที่ได้เข้าสู่ ปริศนาปริตรวัน ท้ายที่สุดมีชีวิตรอดกลับมาได้หนึ่งหรือสองคนก็ถือว่าถือมากแล้ว ส่วนมากเข้าไปสิบคนแต่ไม่มีใครมีชีวิตรอดกลับมาสักคนด้วยซ้ำ เรื่องที่ตายหมดสิบคนก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
แม้ว่ามีคนโชคดีพอที่มีชีวิตรอดกลับมา แต่ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับความลับและการสืบทอดวิชามหาอิทธิฤทธิ์ของคัมภีร์สวรรค์
เพราะหากวิชามหาอิทธิฤทธิ์ของคัมภีร์สวรรค์เข้าใจได้ง่ายดาย ตั้งแต่สิ้นสุดยุควัฏสงสารก็จะไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าอีกต่อไป
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้แข็งแกร่งที่มาปริศนาปริตรวันก็น้อยลงเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีคนมาที่นี่ไม่หยุด เพราะไม่มีใครที่ไม่โหยหาพลังอันยิ่งใหญ่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเข้าใจความมหัศจรรย์วิชามหาอิทธิฤทธิ์ของคัมภีร์สวรรค์ได้ แม้ว่าพวกเขาเข้าใจเพียงผิวเผิน นั่นก็เป็นวิธีการที่ทรงพลังเกินกว่าวิชามหาอิทธิฤทธิ์ทั่วไป
ปริศนาปริตรวันนั้นแท้จริงแล้วคือแดนปริศนาสิบสองแห่ง แดนปริศนาสิบสองแห่งนี้ทับซ้อนกัน เพียงผ่านแดนปริศนาแห่งหนึ่งเท่านั้นจึงจะเข้าสู่แดนปริศนาต่อไปได้
ดวงจันทร์กลมโตสว่างไสวแขวนอยู่ที่ทางของแดนปริศนาลำดับหนึ่ง แสงจันทร์ส่องสว่าง สวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดูเหมือนสงบสุข แต่จริง ๆ แล้วแสงจันทร์เหล่านี้มีอันตรายนัก
แดนปริศนาแรกคือแดนปริศนาเยว่เทียน แสงจันทร์ที่เกิดขึ้นจากพลังแห่งเยว่เทียนจะละลายตัวสำนึก ซ่อนเจตนาฆ่าไว้ในความสงบ หลายคนเข้าไปแล้วยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างกายและ วิญญาณก็หายสาบสูญไป
หลัวซิวรู้อย่างชัดเจนมากว่าถ้าเขาต้องการบรรลุผลวิถีไร้ลักษณ์ของตนเอง เขาทำความเข้าใจความมหัศจรรย์ของวิถีใหญ่อื่น ๆ จากนั้นนำแก่นแท้มาหลอมรวมเข้ากับไร้ลักษณ์ ด้วยวิธีนี้ วิถีไร้ลักษณ์ของเขาสามารถรองรับได้ทุกสิ่งทุกอย่าง จึงจะสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้เรื่อย ๆ จนถึงการบรรลุผลสุดท้าย กระทั่งบริบูรณ์ลุล่วงถึงที่สุด!
ภายในขอบเขตของเทียนเต้า ในคัมภีร์สวรรค์ วิถีแห่งสวรรค์สิบสองและวิถีแห่งวัฏสงสาร อาจกล่าวได้ว่าเป็นขั้นสูงสุดของเทียนเต้า เทียนเต้าเป็นวิถียุทธ์ชั้นนำสูงที่สุด เป็นสถานที่ที่สามารถทำความเข้าใจความลึกลับของวิถียุทธ์ แน่นอนว่าหลัวซิวไม่พลาดแน่นอน
หลัวซิวไม่พบใครที่ทางเข้าของแดนปริศนาเยว่เทียน เขาบินเข้าไปในพริบตาอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล
เมื่อเขามาถึงทางเข้าแดนปริศนา ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยแสงจันทร์ที่แผ่กระจาย เขารู้สึกว่าตัวสำนึกที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นถูกหลอมละลายอย่างต่อเนื่อง แม้จะได้รับพรจากพลังแห่งญาณเทวทำให้ความเร็วของการหลอมละลายตัวสำนึกค่อนข้าง แต่ก็ยังถูกละลายลงอย่างต่อเนื่อง
ในเวลาเดียวกัน เมื่อร่างกายของหลัวซิวถูกปกคลุมด้วยแสงจันทร์ เขารู้สึกว่าพลังชีวิตในเนื้อและเลือดของเขากำลังหลอมละลาย แม้ว่าเขาจะเอาเตากลั่นนภาจื่อเซียวออกมาแล้วก็ตาม การหลอมละลายนี้ก็ยังไม่สามารถชดเชยได้
“ช่างเป็นพลังแห่งเยว่เทียนที่แผ่ซ่านไปทั่วเสียจริง” หลัวซิวค่อยๆ เข้าใจหลักการของพลังแห่งเยว่เทียน พลังระเบิดของวิถีแห่งสวรรค์แบบนี้ไม่แข็งแกร่งนัก แต่กลับแข็งแกร่งอยู่ที่การแผ่ซ่านไปทั่วจนแทบไม่มีอะไรคุ้มกันได้เลย
หลัวซิวจินตนาการในใจว่าถ้าผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่ฝึกฝนพลังแห่งเยว่เทียน ในขณะเดียวกันก็มีความชำนาญวิถีค่ายกลด้วย เมื่อเขาต่อสู้กับคู่ต่อสู้ เขาแค่ใช้วิธีวิถีค่ายกลผนึกคู่ต่อสู้ไว้ เมื่อนั้น ด้วยพลังแห่งเยว่เทียน ไม่ว่าวิธีป้องกันของคู่ต่อสู้จะทรงพลังเพียงใดก็ตาม ไม่ช้าก็เร็วก็จะซัดอีกฝ่ายให้ตาย!
เดินเข้าไปในทางเข้าของแดนปริศนาเยว่เทียน ออร่าพลังเต๋าลึกลับไหลเวียนในโลก โลกในแดนปริศนาเยว่เทียนนั้นมืดมน ดวงจันทร์สว่างไสวดวงใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
อมื่อยู่ในแดนปริศนาแห่งนี้ ไม่มีประโยชน์ใดๆ ที่เอาของขลังคุ้มกันออกมา ไม่ว่าจะเป็นตัวสำนึก ผลการฝึกตนหรือพลังชีวิตของร่างเนื้อ ก็จะถูกหลอมละลายและสูญหายอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความแข็งแกร่งของหลัวซิว เขาสามารถข้ามผ่านแดนปริศนานี้ไปถึงแดนปริศนาถัดไปก่อนที่ตัวเขาจะถูกหลอมละลายจนหมดไป ผู้แข็งแกร่งอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่มาที่ ปริศนาปริตรวันก็ทำเช่นนี้เช่นกัน แต่หลัวซิวไม่ได้ทำเช่นนั้น
เพราะเขามาที่นี่เพื่อทำความเข้าใจคัมภีร์สวรรค์สิบสองวิชา ถ้าเขาข้ามผ่านไปทั้งแบบนี้ เขาจะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของวิถีแห่งเยว่เทียนด้วยตนเองได้อย่างไร?
หาสถานที่หนึ่งได้แล้วหลัวซิวนั่งขัดสมาธิ กระตุ้นวิถีไร้ลักษณ์ทำงานและอนุมาน เมื่อใดก็ตามที่เขาเข้าใจถึงความลึกลับเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาจะโบกมืออย่างไม่สม่ำเสมอ โจมตีวิชาพลังตราประทับออกไปบ่อยครั้ง
…
หลัวซิว ไปที่ ปริศนาปริตรวัน ในขณะที่ฮู๋ชิงชิงเลือกสถานที่ที่เรียกว่าปราสาทอสูรฟ้า
ในยุคที่ปกครองโดยไท่ชูเลี่ยเทียน ฮู๋ชิงชิงเคยเป็นศิษย์ของปราสาทอสูรฟ้า ยังฝึกฝนวิถีอสูรฟ้าในวิถีแห่งบำเพ็ญปรปักษ์
ต้นกำเนิดของปราสาทอสูรฟ้านั้นเก่าแก่มาก สามารถย้อนกลับไปได้ถึงยุคต้าหยานหรือนานก่อนหน้านั้น
เห็นได้ชัดว่าในหายนะของยุคต้าเหยียนก็มีผู้แข็งแกร่งที่ฝึกฝนวิถีอสูรฟ้าเสียชีวิตยู่ที่นี่ ดังนั้น เมื่อฮู๋ชิงชิงได้ยินชื่อของปราสาทอสูรฟ้า นางก็รู้ว่านางต้องไปที่แห่งนี้
การไปยังปราสาทอสูรฟ้านี้ ราบรื่นกว่าที่คาดไว้ ฮู๋ชิงชิงได้รับการสืบทอดผู้แข็งแกร่งวิถีอสูรฟ้าที่ฝึกฝนจนเกือบจะถึงแดนประมุขเต๋าครึ่งก้าว
ในอีกด้านหนึ่ง หนิงหานหลิงไปที่สมุทรตรีภพ แล้วถูกขังอยู่ในสถานที่ที่วุ่นวายและรุนแรง
เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ยิ่งอยู่ในแดนปริศนาเยว่เทียนนานเท่าไหร่ ร่างเนื้อก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ และในขณะเดียวกันก็ต้องทำความเข้าใจความลึกลับพลังเต๋าของวิถีแห่งเยว่เทียนสามารถพูดได้ว่าเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ไม่กี่วันต่อมา แม้แต่หลัวซิวก็ต้องล่าถอยออกมาจากแดนปริศนาเยว่เทียน นอกแดนปริศนา ร่างเนื้อของตนเองฟื้นฟูแล้วก็เข้าไปอีกครั้ง ทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ผลการฝึกตนของข้ายังต่ำเกินไป ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาของข้า”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน หลัวซิวค่อยๆ ลืมตาขึ้นในแดนปริศนาเยว่เทียน เขาทำความเข้าใจความลึกลับของวิถีแห่งเยว่เทียนจนถึงขีดสุด เว้นแต่ว่าผลการฝึกตนของเขาจะบรรลุผล มิฉะนั้นเขาไม่สามารถทำความเข้าใจระดับความลับวิถียุทธ์ได้มากกว่านี้
ว่าแล้วก็เป็นเพราะผลการฝึกตนของเขา ผลการฝึกตนชาตินี้ของเขาพึ่งถึงแดนเทพมารระดับแปด แต่ทัศนะและความสามารถของเขานั้นคือขั้นผู้สูงส่งหรือสูงกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าผลการฝึกฝนและความสามารถของเขาไม่เข้ากันมาก
ความสามารถสูงแต่ผลการฝึกตนต่ำ จะขัดขวางการพัฒนาของตนเอง ความสามารถต่ำแต่ผลการฝึกตนสูง จะทำให้ยากต่อการบรรลุผลเช่นกัน นี่คือปัญหาของความสมดุลในตนเอง
แม้ว่าหลัวซิวจะเข้าใจเหตุผลนี้ และรู้ว่าเอาแต่เพิ่มและไล่ตามความแข็งแกร่งแต่ผลการฝึกตนไม่เพิ่มขึ้นเป็นวิธีการที่ผิดอย่างหนึ่ง แต่เขามีเวลาน้อยเกินไป
นักยุทธ์อื่น ๆ ต้องใช้เวลาหลายพันปีหรือกระทั่งหลายร้อยล้านปีในการสะสม แต่ในชาตินี้เวลาที่เขาฝึกฝนเพียงแค่หนึ่งพันกว่าปี ผลการฝึกตนสามารถถึงแดนนี้ได้ถือว่ายอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
สิ่งที่ขาดมากที่สุดก็ยังเป็นเวลา… หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ
ต้องหยุดการทำความเข้าใจในวิถีแห่งเยว่เทียนสิ้นสุดลงที่นี่แล้ว หลัวซิวกระตุ้นไร้รูปกลายเป็นดวงจันทร์ ดวงจันทร์สว่างไสวปรากฏขึ้นที่ด้านหลังศีรษะของเขา ความรู้สึกที่ผลการฝึกตนและร่างเนื้อถูกหลอมละลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เขาก้าวไปข้างหน้าเตรียมที่จะข้ามผ่านแดนปริศนาเยว่เทียน เข้าสู่แดนปริศนาต่อไป
และในขณะนี้ เหตุการณ์หนึ่งก่อให้เกิดความปั่นป่วนในมิติสมรภูมิกู่ไท่ สถานที่ต่างๆที่เหมาะสมสำหรับนักยุทธ์ที่ฝึกฝนธาตุไฟล้วนหายไปอย่างแปลกประหลาด เรื่องแปลกประหลาดนี้ได้แพร่กระจายออกไปนอกมิติสมรภูมิกู่ไท่อย่างรวดเร็ว ถูกผู้แข็งแกร่งจากวังชิงเทียนที่อยู่ในตำหนักกิ่งโยงพลังรู้เข้า