มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2789 สถานแหล่งเต๋า
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2789 สถานแหล่งเต๋า
“ท่านชาย ท่านอยู่ที่ใดกันแน่?”
ฮู๋ชิงชิงออกมาจากจุดแบ่งภารกิจด้วยแววตาที่กังวลใจ แต่ทว่าทันทีที่นางเดินออกมาจากที่นี่ ก็มองเห็นเงาหลังหนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคย
เสี้ยววินาทีที่เห็นเงาหลังดังกล่าว ฮู๋ชิงชิงก็ตะโกนเรียกออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“เมิ่งเหยา!”
ฮู๋ชิงชิงพุ่งตรงเข้าไปอย่างแน่วแน่โดยไม่ต้องหยุดคิด ก่อนจะทำการสกัดกั้นเงาหลังที่นางมองเห็นทันที เมื่อเห็นใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม นางก็ยิ่งแน่ใจว่าตนจำไม่ผิดแน่นอน
วินาทีนี้ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฮู๋ชิงชิงก็คือลู่เมิ่งเหยานั่นเอง
แต่ทว่าเมื่อลู่เมิ่งเหยาเห็นฮู๋ชิงชิง บนใบหน้านางกลับไม่มีความดีใจและความแปลกใจปรากฏเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางยังคงดูเย็นชาอยู่เช่นเคย
“ข้าไม่รู้จักเจ้า เหตุใดจึงต้องมาขวางกั้นข้าด้วย?”ลู่เมิ่งเหยาขมวดคิ้วพลางถาม
“เมิ่งเหยา เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วหรือ? ข้าคือฮู๋ชิงชิงไง”ฮู๋ชิงชิงรีบพูด ในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกสงสัยในลักษณะท่าทีของลู่เมิ่งเหยามากเช่นกัน
“ฮู๋ชิงชิง?”
ลู่เมิ่งเหยาขมวดคิ้วลงเล็กน้อย หลังจากผ่านไปพักหนึ่งแววตานางก็เป็นประกายขึ้นมา “ข้าจำได้แล้ว……”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ ใบหน้าฮู๋ชิงชิงก็ดูมีความสุขขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ นางและหลัวซิวเดินทางมาโลกสวรรค์สิบกว่าปีแต่ก็ไม่เจอตัวนางเลย ไม่นึกเลยว่าจะเจอนางในตำหนักกิ่งโยงพลังได้ง่ายดายเช่นนี้
อย่างไรก็ตามใบหน้าของลู่เมิ่งเหยาก็ยังคงเย็นชาอยู่เช่นเคย ยิ่งกว่านั้นคือภายในดวงตาที่งดงามคู่นั้นของนาง ไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
“ฮู๋ชิงชิง เจ้ามาหาข้าเพราะเรื่องอันใดหรือ?”ลู่เมิ่งเหยาถามอย่างเย็นชา
“เมิ่งเหยา เจ้าเป็นอะไรน่ะ?”ฮู๋ชิงชิงรู้สึกว่าลู่เมิ่งเหยาผิดปกติมาก ๆ อีกทั้งนางก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าผลการฝึกตนของลู่เมิ่งเหยาก็เป็นเทพมารระดับเก้าช่วงปลายเหมือนกัน
“ข้าเป็นอะไร มันเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือ?”ลู่เมิ่งเหยาพูดอย่างเย็น
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ลู่เมิ่งเหยาก็มุ่งหน้าเดินไปข้างหน้าโดยตรง เดินผ่านฮู๋ชิงชิงที่สีหน้าเหม่อลอยเล็กน้อยไป
“เมิ่งเหยา เจ้าอย่าเพิ่งไป ข้ามีเรื่อง……”
ฮู๋ชิงชิงรีบยื่นมือออกไป หวังจะรั้งลู่เมิ่งเหยาไว้ นางต้องถามเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจนก่อนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดนางจึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้
“เตี๊ยงง!”
ทว่าในเวลานี้เอง ก็มีแสงดาบดวงหนึ่งกระพริบขึ้นมา ฮู๋ชิงชิงก็ตอบสนองกลับมาได้เร็วมากเช่นกัน รีบชักมือกลับมา แสงดาบฟาดฟันผ่านไป อีกเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น มือที่นางจะยื่นออกไปในเมื่อครู่นี้ก็เกือบถูกตัดขาด
เห็นเพียงมีมีดขนาดเท่าฝ่ามือลอยอยู่ข้างกายลู่เมิ่งเหยา ทว่ากลับมีออร่าที่น่าทึ่งแพร่กระจายออกมาจากมีดขนาดเล็กที่ดูไม่โดดเด่นอะไรนั่น เต็มเปี่ยมไปด้วยห้วงดาบที่เยือกเย็น
“ชัวะ! ชัวะ! ชัวะ! ……”
ในขณะเดียวกัน ก็มีเงาดำหลายร่างมาถึงที่นี่ภายในพริบตา บนตัวทุกคนล้วนมีออร่าห้วงดาบที่เยือกเย็นเหมือนกันแพร่กระจายออกมา ยืนอยู่ข้างลู่เมิ่งเหยา
“นั่นมันคนของหอมกุฎดาบนี่!”
สีหน้าของฮู๋ชิงชิงเปลี่ยนไป ได้ยินคนในตำหนักกิ่งโยงพลังพูดถึงความเป็นมาของคนเหล่านี้
หอมกุฎดาบเป็นสำนักที่ฝึกแค่วิถีดาบ เล่ากันว่าอาจารย์ปู่ของหอมกุฎดาบคือผู้แข็งแกร่งวิถีดาบคนหนึ่งที่แทบจะใกล้เคียงกับผู้แกร่งเลิศแล้ว และยิ่งมีข่าวลือเล่ากันว่าอดีตอาจารย์ปู่ของหอมกุฎดาบเคยต่อสู้กับเจ้าศักดิ์สิทธิ์วังชิงเทียน พลานุภาพของดาบเดียว ก็ทำให้เจ้าศักดิ์สิทธิ์ชิงเทียนถดถอย และข่าวคราวดังกล่าวก็สั่นสะเทือนไปทั้งโลกหล้า
ผู้คนในหอมกุฎดาบฝากฝังความรู้สึกไว้กับดาบ นำอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดถ่ายเทเข้าไปในดาบ และคนคนนั้นก็จะเหมือนดังภูเขาน้ำแข็ง ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ศิษย์ทุกคนในหอมกุฎดาบล้วนมีกำลังรบที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง
……
“แซ่หลัว?”
หนิงหานหลิง ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนและฮู๋ชิงชิงต่างเคลื่อนไหวอยู่ในตำหนักกิ่งโยงพลัง แม้นหลัวซิวจะอำพรางได้ดีมาโดยตลอด ทว่าอย่างไรเสียนี่ก็เป็นอาณานิคมของวังชิงเทียน
นักพรตชิงชานมาถึงมิติสมรภูมิกู่ไท่ ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดในหมู่อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศแห่งวังชิงเทียน เขาย่อมต้องไปฝึกฝนขัดเกลาที่สนามรบของแดนเทวบรรพอัคคีอยู่แล้ว
แต่ทว่าสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือเขาจะทราบเบาะแสร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิวในตำหนักกิ่งโยงพลัง
“ยามตั้งใจหาไม่เจอ ยามไม่หากลับเจอโดยบังเอิญ หงบูเอ๊ยหงบู เจ้าก็คงคาดไม่ถึงเช่นกันสินะว่าหลัวซิวจักมาตกหลุมพรางเองที่โลกสวรรค์? อีกทั้งมันยังมามิติสมรภูมิกู่ไท่ที่ถูกควบคุมโดยวังชิงเทียนของข้าด้วย!”
ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดยุคปัจจุบันของวังชิงเทียน แม้นผลการฝึกตนของนักพรตชิงชานเพิ่งจะบรรลุสู่แดนเทพมารระดับเก้า แต่กลับมีอำนาจที่ไม่ธรรมดา เขาตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วเลยว่าหลัวซิวทำการเช่าห้องลับห้องหนึ่งในตำหนักกิ่งโยงพลัง บัดนี้ยังคงปิดขังอยู่ภายในห้องลับ
อ้างอิงจากข่าวคราวที่เขายึดกุม ผลการฝึกตนของหลัวซิวยังบรรลุไม่ถึงแดนเทพมารระดับเก้า ก่อนหน้านี้ครั้นเมื่อผลการฝึกตนของทั้งสองยังอยู่แดนเทพมารระดับแปด นักพรตชิงชานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิว แต่ปัจจุบันเขาบรรลุเป็นเทพมารระดับเก้าแล้ว หากหลัวซิวยังเป็นเทพมารระดับแปด เช่นนั้นเขาก็มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมเลยว่าสามารถกำจัดหลัวซิวได้!
“ดูท่าเจ้าแห่งหอคอยฮวงในยุคนี้คงต้องเป็นข้าอย่างไร้ข้อสงสัยแล้วล่ะ!”สภาพจิตใจของนักพรตชิงชานดีมาก ๆ ทันทีที่สามารถกลายเป็นเจ้าแห่งหอคอยฮวง เช่นนั้นแม้นอนาคตมหันตภัยจักมาเยือน เขาก็ต้องเป็นหนึ่งในตัวเอกของอนาคตแน่นอน!
……
“โลกสวรรค์เป็นสถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสับสนวุ่นวายแล้ว มกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคีและมหาบรรพตรีภพอุบัติขึ้นมาพร้อมกัน ในเมื่อผู้แข็งแกร่งโบราณทั้งสองคนนั้นเปิดตัวสู่โลกกภายนอกแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน โลกสวรรค์ต้องวุ่นวายในอีกไม่ช้าแน่ ๆ!”
อ้างอิงจากพลังอมตะอย่างผนังเทพปกปักษ์มังกร หลัวซิวได้ริเริ่มอนุมานวิญญาณอมตะที่เป็นของตัวเองออกมา
เขาไม่ได้ลืมความปรารถนาดั้งเดิมที่ตนเดินทางมาโลกสวรรค์ แต่หลัวซิวก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตัวลู่เมิ่งเหยากันแน่
ในมุมมองของหลัวซิว บัดนี้ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือออกจากโลกสวรรค์ ย้อนกลับไปยังหุบเขาสยบปีศาจในโลกร้าง ทว่าหากจะไปโดยที่ยังจัดการเรื่องราวของลู่เมิ่งเหยาไม่เสร็จละก็ เขาก็รู้สึกทุกข์ใจเช่นกัน
เดินออกมาจากห้องลับที่เช่ามา หลัวซิวมาถึงตำหนักกิ่งโยงพลังอีกครั้ง ที่นี่ยังคงคึกคักอยู่เช่นเคย เนื่องจากศึกสงครามในแดนเทวบรรพอัคคี ทำให้วังชิงเทียนประกาศภารกิจอยู่ที่นี่มายาวนานมาก อีกทั้งยังมีผู้แข็งแกร่งที่ถูกส่งมาจากกองกำลังใหญ่อื่น ๆ เข้าร่วมสงครามด้วย
ศึกสงครามในครั้งนี้ยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้น ในทุก ๆ วันจะมีจอมยุทธ์ตายดับสลายสูญสิ้นเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่โผล่พรวดพราดขึ้นมาในการเข่นฆ่าและการขัดเกลา กลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
กระทั่งบัดนี้ ไฟสงครามยังคงถูกจำกัดอยู่แค่ในเขตพื้นที่ส่วนหนึ่งของมิติสมรภูมิกู่ไท่ ยังไม่แผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง มหาบรรพตรีภพที่บุกเบิกหุบเขาตรีภพก็ไม่มีท่าทางที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน กองกำลังใหญ่ทั้งหลายในโลกสวรรค์ก็ไม่ได้ทำอะไรผลีผลาม แต่เป็นการส่งผู้แข็งแกร่งไปสอดแนมอยู่ละแวกใกล้เคียงของหุบเขาตรีภพ
หลัวซิวตระหนักได้แล้วว่าตัวตนของตัวเองมีโอกาสถูกเปิดเผย ดังนั้นเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องลับ เขาก็โคจรเคล็ดวิชาเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าออร่าของตัวเองอีกครั้งแล้ว
ภายในตำหนักกิ่งโยงพลัง หลัวซิวได้ยินคนจำนวนมากกำลังพูดถึงเรื่องราวของสถานแหล่งเต๋า
หลัวซิวเมื่อชาติปางก่อนก็เคยได้ยินสถานแหล่งเต๋าเช่นกัน สถานแหล่งเต๋าที่กล่าวถึงนั้น ก็คือแหล่งกำเนิดธรรมทั้งปวงในหมื่นจักรวาล เล่ากันว่าคัมภีร์สวรรค์ก็ถูกหล่อเลี้ยงออกมาจากสถานที่แห่งนั้นนั่นแหละ ต่อมาบรรพบุรุษเก่าแก่ของเผ่าฟ้าก็อาศัยพลังของคัมภีร์สวรรค์ ยึดสถานแหล่งเต๋าเป็นใจกลาง แล้ววิวัฒนาการตรีภพโกลาหลและธรรมกฎที่ไร้ขอบเขต ถึงจะบุกเบิกโลกสวรรค์ออกมาได้
สถานแหล่งเต๋าตั้งอยู่เขตพื้นที่ที่เป็นใจกลางของโลกสวรรค์ ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา มันถูกเผ่าฟ้ามองว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ เขตต้องห้ามมาโดยตลอด มองเป็นสถานกำเนิดเผ่าฟ้า
แดนการฝึกตนของเทพมาร เริ่มตั้งแต่เทพมารระดับหกถึงเทพมารระดับเจ็ดคือหลุมแรก ซึ่งเป็นความล้ำลึกของกฎที่แปรเปลี่ยนเป็นเกณฑ์พลังเต๋า
และจากเทพมารระดับแปดถึงเทพมารระดับเก้านั้น คือหลุมที่สอง เนื่องจากทันทีที่ฝึกถึงเทพมารระดับเก้า ก็จะผนึกรวมกงล้อเทพออกมา ซึ่งกงล้อเทพเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่จอมยุทธ์ผนึกรวมออกมาได้
เล่ากันว่ากงล้อเทพวงแรกที่ผนึกได้ในแดนเทพมารระดับเก้า คือคุณลักษณะของกงล้อเทพและความสูงต่ำของคุณภาพ ซึ่งมีผลเกี่ยวเนื่องถึงผลสำเร็จในอนาคตของจอมยุทธ์
ในโลกสวรรค์ สถานแหล่งเต๋าก็คือสถานที่ที่ผนึกรวมกงล้อเทพได้ดีเลิศที่สุด เนื่องจากที่นี่เป็นบ่อกำเนิดของธรรมทั้งปวงในหมื่นจักรวาล หากสามารถผนึกรวมกงล้อเทพวงแรกออกมาได้ในสถานที่แห่งนี้ อย่างน้อยคุณภาพของมันก็จะอยู่ที่ระดับสูง ยิ่งกว่านั้นคือมีคนผนึกรวมกงล้อเทพที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ในสถานแหล่งเต๋าด้วย ซึ่งคนดังกล่าวก็คือเจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งวังชิงเทียนในยุคปัจจุบัน เป็นการคงอยู่ระดับผู้แกร่งเลิศ!
สถานแหล่งเต๋าจะเปิดออกในทุก ๆ หนึ่งหมื่นปี ถึงครานั้นจะดึงดูดจอมยุทธ์ที่อยู่ในแดนเทพมารระดับแปดขั้นสูงจำนวนมากย่างกรายไป โชคโอกาสที่อยู่ในสถานแหล่งเต๋านั้น อดีตล้วนถูกยึดกุมอยู่ในเผ่าฟ้า ซึ่งจะเปิดให้ผู้คนภายนอกเข้ามาน้อยมาก ๆ
แต่ทว่าช่วงนี้ดูเหมือนสถานแหล่งเต๋าใกล้จะเปิดออกอีกครั้งแล้ว ส่วนครั้งนี้วังชิงเทียนที่เป็นผู้นำของวังนภาสิบสองจะมอบโควต้าจำนวนมาก เพื่อจัดเสนอให้แก่จอมยุทธ์ที่ไม่ได้อยู่ในเผ่าฟ้า
เมื่อข่าวคราวดังกล่าวแพร่งพรายออกไป ทั้งโลกสวรรค์ก็ฮือฮาขึ้นมาทันที และหลังจากหลัวซิวได้ยินข่าวคราวดังกล่าวแล้ว เขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน
จากความใจแคบของเผ่าฟ้า ย่อมไม่มีทางใจกว้างขนาดนี้อยู่แล้ว และสาเหตุที่เผ่าฟ้าทำเช่นนี้นั้น แสดงให้เห็นเลยว่าเหล่ายักษ์ใหญ่ของเผ่าฟ้าก็สัมผัสได้แล้วเช่นกันว่ามหันตภัยกำลังจะมาเยือน ภายใต้มหันตภัยในครั้งนี้ ต่อให้เป็นการถ่ายทอดสืบสานที่แข็งแกร่งมากเพียงใด ก็มีโอกาสล่มสลายได้ เมื่อทำเช่นนี้เผ่าฟ้าก็จะสามารถดึงจอมยุทธ์จำนวนมากเข้ามาเป็นพวก ในบรรดาจอมยุทธ์ทั้งหมดนี้ หากมีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานอุบัติขึ้นมาสามสี่คน อนาคตเมื่อรับมือกับมหันตภัย บางทีก็จะสร้างประโยชน์ได้สูงมาก
นอกเหนือจากศิษย์แห่งเผ่าฟ้าแล้ว หากจอมยุทธ์ที่ไม่ได้อยู่ในเผ่าฟ้าต้องการโอกาสในการเข้าไปในสถานแหล่งเต๋า ทางลัดเพียงหนึ่งเดียวก็คือผ่านการคัดเลือกธรรมเวชเมื่อลงทะเบียนเข้าร่วมการคัดเลือกธรรมเวชก็จำเป็นต้องผ่านหนึ่งในวังนภาสิบสอง เพื่อให้ได้รับโควต้าในการลงทะเบียน
วินาทีนี้ ณ ห้องโถงใหญ่ของตำหนักกิ่งโยงพลัง มีหน้าต่างเล็ก ๆ ปรากฏหลายบาน เหนือหน้าต่างทุกบานล้วนมีหน้าจอเงาสะท้อนค่ายกล และมีชื่อของวังนภาทั้งสิบสองเขียนติดอยู่ด้วย
จอมยุทธ์แดนเทพมารระดับแปดขั้นสูงส่วนมากล้วนรวมตัวกันฝั่งมิติสมรภูมิกู่ไท่ ดังนั้นผู้ที่ลงทะเบียนจึงมีเยอะมาก
หลัวซิวมองไปทางจุดลงทะเบียนของวังชิงเทียน จากนั้นรูมาตาเขาก็หดลงกะทันหัน เนื่องจากเขามองเห็นคนคุ้นเคยคนหนึ่ง หากพูดให้แม่นยำหน่อยควรจะบอกว่าเป็นศัตรู นั่นก็คือผู้สืบทอดในยุคปัจจุบันของวังชิงเทียน นักพรตชิงชาน
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น หลัวซิวยังค้นพบอีกด้วยว่าตัวสำนึกของนักพรตชิงชานกำลังแผ่สำรวจเหล่าจอมยุทธ์ที่มาลงทะเบียน ราวกับกำลังตามหาใครบางคนอยู่
นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าบางทีนักพรตชิงชานอาจจะได้รับข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับตนมาจากที่ใดที่หนึ่ง และคนที่นักพรตชิงชานกำลังตามหามีโอกาสเป็นเขาสูงมาก!
การค้นพบนี้ทำให้หลัวซิวลบล้างความคิดที่จะไปลงทะเบียนที่วังชิงเทียนภายในพริบตา เผ่าฟ้ามีแขนงย่อยทั้งหมด 12 แขนง ซึ่งสอดคล้องกับวังนภาสิบสอง นอกเหนือจากวังชิงเทียนแล้ว เขายังมีตัวเลือกอื่น ๆ ให้เลือกอีกเยอะมาก
หลัวซิวก็ไม่ได้รีบไปต่อแถวลงทะเบียนเช่นกัน แต่เป็นการเงยหน้ามองขึ้นไป มองเห็นหน้าจอเงาสะท้อนค่ายกลที่ลอยอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของห้องโถงใหญ่
หน้าจอค่ายกลดังกล่าวเป็นหน้าจอที่ใหญ่ที่สุดในตำหนักกิ่งโยงพลัง วินาทีนี้เนื้อหาที่กำลังบรรยายคือเรื่องราวบางอย่างที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถานแหล่งเต๋า
จำนวนจอมยุทธ์ที่ไม่ได้อยู่ในเผ่าฟ้าที่อยากเข้าไปในสถานแหล่งเต๋ามีเยอะเกินไป ด้วยเหตุนี้จึงต้องผ่านการคัดเลือกหลายด่าน ซึ่งจุดการคัดเลือกดังกล่าวก็อยู่ที่หอคอยนภากาศ
หอคอยนภากาศเป็นสถานที่ที่ลึกลับที่สุดในโลกสวรรค์ หอคอยเทวหลังหนึ่งสูงเสียดเมฆ ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าหอคอยหลังนี้สูงเท่าไหร่กันแน่ ต่อให้ลอยตัวขึ้นฟ้าพุ่งขยายขึ้นสู่ห้วงดารา อย่างมากสุดก็สามารถมองเห็นเพียง 12 ชั้น ส่วนชั้นที่สูงกว่านั้นกลับหายเข้าไปในอนัตตาแล้ว มาตรแม้นว่าเป็นประมุขเต๋าสวรรค์ที่ปกครองหมื่นจักรวาลในอดีต ก็ไม่สามารถมองเห็นส่วนที่อำพรางอยู่ในอนัตตา
เล่ากันว่าภายในหอคอยนภากาศมีฟ้าดินผืนหนึ่งที่กำเนิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นทำนองเดียวกันกับปริศนาปริตรวันทว่ากลับลึกลับและมหัศจรรย์มากกว่าปริศนาปริตรวันมีโชคโอกาสต่าง ๆ คงอยู่เยอะมากเช่นกัน อีกทั้งภายในหอคอยนภากาศยังมีสมบัติพิเศษประเภทหนึ่งถูกหล่อเลี้ยงออกมาด้วย ซึ่งในนามว่าหินนภาพลังเต๋า
หินนภาพลังเต๋าประเภทนี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาโดยพลังเต๋า มันลึกลับและมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ถึงครานั้นจะจัดอันดับโดยการอ้างอิงจากจำนวนหินนภาพลังเต๋ามากน้อยที่ได้รับ ผู้ที่ได้อันดับสูง ถึงจะมีโอกาสได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปในสถานแหล่งเต๋า
ดึงสายตากลับมาจากหน้าจอค่ายกล หลัวซิวไตร่ตรองในใจ แม้นวังนภาสิบสองของเผ่าฟ้าจะเป็นการถ่ายทอดสืบสานที่ประมุขเต๋าสวรรค์ตกทอดมา แต่หลังจากกาลเวลาผ่านพ้นมาอย่างยาวนาน วังนภาบางวังก็เสื่อมทรุดลงไปตั้งนานแล้ว ในจำนวนวังนภาทั้งหมด การถ่ายทอดสืบสานของวังชิงเทียน วังสิงเทียนและตำหนักเวหายังคงเจริญรุ่งเรืองอยู่เช่นเคย ซึ่งเป็นสามวังนภาที่เข้มแข็งเกรียงไกรที่สุดของเผ่าฟ้า
การลงทะเบียนก็คือการเข้าร่วมการคัดเลือกในชั้นแรก และใช่ว่าเทพมารระดับแปดขั้นสูงทุกคนจะสามารถลงทะเบียนได้เสมอไป หากศักยภาพย่ำแย่มากเกินไปก็จะถูกปฏิเสธเช่นกัน ส่วนวิธีการทดสอบนั้นก็ง่ายมาก มีลูกแก้วที่มีขนาดเท่าศีรษะมนุษย์วางอยู่บนเคาน์เตอร์หนึ่งลูก ขอแค่ระเบิดผลการฝึกตน ตัวสำนึกรวมไปถึงพลังร่างเนื้อร่างเทวของเจ้าแล้วปลดปล่อยเข้าไปในลูกแก้ว มันก็จะสามารถทำการพิจารณาตัดสินศักยภาพของจอมยุทธ์คนหนึ่ง
มาตรฐานในการพิจารณาตัดสินก็คือสีสันที่แย้มบานออกมาจากลูกแก้ว โดยอ้างอิงจากสีของรุ้งเจ็ดสี โดยเรียงกันเป็นแดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน ม่วง สีแดงต่ำสุด สีม่วงสูงสุด
โดยทั่วไปแล้วขอแค่มีผลการฝึกตนเป็นเทพมารระดับแปดขั้นสูงก็จะไม่ใช่สีม่วง ต่ำสุดก็เป็นสีเขียว แต่สีเขียวกลับแทบจะไม่มีโอกาสเข้ารอบเลย อย่างน้อยก็ต้องทำให้ลูกแก้วเปล่งแสงสีฟ้า ถึงจะมีโอกาสผ่านการคัดเลือก
หลัวซิวเดินผ่านวังนภาทั้งสิบสองวัง เมื่อเห็นจุดลงทะเบียนของตำหนักปีศาจนภา เขาก็กระตุกยิ้มมุมปากอ่อน ๆ เนื่องจากเขามองเห็นฮู๋ชิงชิงที่นี่
ฮู๋ชิงชิงก็โคจรเคล็ดวิชาเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าออร่าเช่นกัน ดูเหมือนนางจะถูกตำหนักปีศาจนภาเลือกแล้ว กำลังยืนอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสคนหนึ่งของตำหนักปีศาจนภา
วิถีอสูรฟ้าก็เปลี่ยนแปลงได้หลากหลายรูปแบบเช่นกัน อสูรฟ้าที่กล่าวถึงนั้น ก็คือสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างหลากหลายโดยไม่มีหลักเกณฑ์ หากฮู๋ชิงชิงจงใจปิดบังตัวตน ก็ถูกผู้อื่นสังเกตเห็นได้ยากมาก
แต่สายตาของหลัวซิวกลับไม่ธรรมดา ต่อให้ฮู๋ชิงชิงจะอำพรางได้แนบเนียนมากเพียงใด ก็หนีไม่พ้นสายตาคู่นี้ของเขา เนื่องจากหากพูดถึงการเปลี่ยนแปลงแล้วละก็ ไม่มีสิ่งใดที่สามารถอยู่เหนือวิถีไร้ลักษณ์ของเขาได้แล้ว