มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2820 พสุดารานอกนภา
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2820 พสุดารานอกนภา
แรงกดอัดที่มากมายมหาศาลยิ่งอยู่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จากการที่ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายยิ่งอยู่ยิ่งใกล้กัน ถึงขั้นมีเสียงแคว็กที่กระดูกกำลังจะแตกหักสะท้อนออกมาจากร่างกายหลัวซิว
นี่ก็คืออำนาจที่น่าเกรงขามของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า แม้นจะอยู่กันไกลมาก ๆ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาที่เป็นเทพมารระดับแปดสัมผัสได้ถึงความหวาดหวั่นที่มาจากสัญชาตญาณ หากเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนมาถึงตรงหน้าเขา เกรงว่าไม่ต้องใช้จิต แค่แรงกดดันที่น่ากลัวก็สามารถบดขยี้เขาให้ตายได้แล้ว
เรื่องดำเนินการมาถึงขั้นนี้ หลัวซิวก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ก่อนที่เขาจะบินไปยังพสุธาห้วงดาราที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกที่ขมุกขมัวตรงหน้าอย่างไม่ลังเลใจ
พสุธาห้วงดาราแห่งนี้อยู่ในส่วนลึกของห้วงดาราโลกสวรรค์ อย่างไรก็ตามหลัวซิวกลับสามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษของพสุธาห้วงดาราแห่งนี้ ดูเหมือนออร่าของเกณฑ์เทียนเต้าล้วนถูกพสุธาห้วงดาราแห่งนี้กีดกันอยู่ภายนอก ทำให้พสุธาห้วงดาราแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ที่เป็นหนึ่งไม่เป็นสองในห้วงดาราแห่งนี้
หลัวซิวไม่ทราบว่าความเป็นมาของพสุธาห้วงดาราแห่งนี้ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ทว่าสัญชาตญาณลาง ๆ กลับบอกกับเขาว่าถ้าเกิดเขาอยากมีชีวิตรอดต่อไปละก็ พสุธาห้วงดาราแห่งนี้ก็จะเป็นที่ไปเพียงหนึ่งเดียวของเขา
ยันต์ค่ายบนตัว บวกกับการปลุกเสกจากพลังเกณฑ์ปริภูมิและความเร็วสองประเภท ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของหลัวซิวอยู่เหนือขีดจำกัดบางอย่าง ถึงแม้ความเร็วของเขาจะรวดเร็วมาก ๆ แล้ว ทว่า ณ เสี้ยววินาทีที่เขาเข้าไปในพสุธาห้วงดารา มือใหญ่ข้างหนึ่งที่ผนึกมาจากอัสนีเทวสีทองก็ขยำมาทางเขาแล้ว
ในช่วงเวลาที่อันตรายมาก หลัวซิวเรียกเตากลั่นนภาจื่อเซียวออกมา มือใหญ่สีทองตบลงบนเตาเซียนอย่างไร้ความปราณี ก่อนจะมีเสียงดังลั่นที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินระเบิด
พลังอันน่ากลัวที่มากมายมหาศาลจนไม่อาจต้านทานได้เคลื่อนผ่านเตาเซียน ร่างกายของหลัวซิวจึงสูญเสียการควบคุมภายในพริบตา ก่อนจะร่วงหล่นลงบนพสุธาห้วงดาราดั่งอุกกาบาต
“ตู้ม!”
แผ่นดินใหญ่ดังสะเทือนเลื่อนลั่น ร่างกายของหลัวซิวตกเข้าไปในปราณหมอกที่ขมุกขมัว กระแทกเข้ากับพื้นดินจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
มีเลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปากเขาอย่างต่อเนื่อง แม้นจะมีเกราะป้องกันจากเตากลั่นนภาจื่อเซียว แต่ผลการฝึกตนของเขาและเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนแตกต่างกันมากเกินไป ฝ่ามือนี้ก็ยังคงทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี ร่างเนื้อร่างเทวแทบจะแตกสลายแล้ว
กระโดดขึ้นมาจากหลุมลึก หลัวซิวหยิบยาออกมาหนึ่งเม็ดแล้วโยนเข้าปาก ก่อนจะหลบหนีต่ออย่างไม่ลังเลใจ เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าทันทีที่ตกเข้าไปในเงื้อมมือเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน ผลลัพธ์ที่ตามมาต้องไม่ดีแน่นอน
“พสุดารานอกนภา?”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็เข้ามาในพสุธาห้วงดาราเช่นกัน เมื่อเขาเห็นหลุมลึกบนพื้นดินที่มีฝุ่นตลบฟุ้งไปทั่ว สีหน้าเขาก็หม่นหมองลงไปภายในพริบตา
จากผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าของเขา ไม่นึกเลยว่าจะไม่สามารถสังหารผู้น้อยเทพมารระดับแปดคนหนึ่งภายในกระบวนท่าเดียวได้อย่างนั้นหรือ สำหรับเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนแล้ว นี่ไม่ต่างอะไรจากเรื่องอับอายเรื่องหนึ่งเลย หากเรื่องประเภทนี้แพร่งพรายถึงหูเจ้าศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ต้องมีคนหัวเราะเยาะว่าเขาไร้ความสามารถแน่นอน
เมื่อพูดตามหลักแล้ว จากตัวตนของเขายังไม่ถึงขั้นต้องลงมือต่อหลัวซิวด้วยตนเอง สาเหตุที่เขาลงมือด้วยตนเองนั้น เป็นเพราะเขาทราบความลับอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นความลับที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้สืบทอดหอคอยฮวง!
ครั้นเมื่ออยู่ในการฝึกฝนในหอคอยฮวง มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ทราบเรื่องนี้ คนหนึ่งคือผู้สืบทอดแห่งวังชิงเทียน นักพรตชิงชาน ส่วนอีกคนหนึ่งคือผู้สืบทอดของตระกูลหงแห่งโลกท่วมท้น หงหู
นักพรตชิงชานถูกหลัวซิวกำจัดทิ้งในหอคอยนภากาศตั้งนานแล้ว สาเหตุที่ความลับดังกล่าวตกอยู่ในเงื้อมมือเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนย่อมต้องมาจากหงบูอยู่แล้ว ในส่วนของเรื่องที่ว่าเหตุใดหงบูจึงต้องนำความลับที่สำคัญเช่นนี้บอกเล่าให้เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนฟังนั้น เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้แล้วล่ะ
ตอนแรกเริ่มตัวตนของหลัวซิวยังไม่ถูกเปิดเผย เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนย่อมไม่มีเหตุผลในการลงมืออยู่แล้ว ทว่าหลังจากออกมาจากสถานแหล่งเต๋า ก็มีคนบอกความเป็นมาของเขาออกมา บวกกับสิงเทียนก็เสียเปรียบอยู่ในเงื้อมมือหลัวซิวเช่นกัน ดังนั้นเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนจึงมีข้ออ้างในการลงมือ
ความเร็วในการวิ่งของหลัวซิวรวดเร็วมาก และสาเหตุที่เป็นการวิ่งแต่ไม่ใช่การบินหนีนั้น เป็นเพราะหลังจากเข้ามาในพสุธาห้วงดาราแห่งนี้แล้ว หลัวซิวก็พบว่าตัวเองสูญเสียการสัมผัสและกระแสสัมผัสที่มีต่อเกณฑ์เทียนเต้า
ซึ่งเป็นเฉกเช่นเดียวกันกับครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ พสุธาห้วงดาราแห่งนี้กีดกันกฎเกณฑ์ทั้งปวงของเทียนเต้า ดูเหมือนในฟ้าดินของพสุธาห้วงดาราแห่งนี้จะมีกฎเกณฑ์พิเศษประเภทหนึ่ง นอกเหนือจากกฎเกณฑ์พิเศษประเภทนี้แล้ว พลังทั้งปวงที่อยู่ในนี้ล้วนจะถูกกดอัดและกีดกัน
หลัวซิวเป็นเช่นนี้ เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่แข็งแกร่งก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน เขาที่อยู่ในนี้ก็ไม่สามารถใช้พลังแห่งสิงเทียนของตัวเองได้เช่นกัน
แต่ว่าหลัวซิวยังไม่ทันได้รู้สึกดีใจเพราะเรื่องนี้ เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ไล่ตามมาด้วยความเร็วที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
หลัวซิวหันหน้ากลับไปมอง มีเสียงแผ่นดินที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นสะท้อนมา ความเร็วในการวิ่งของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเร็วปานสายฟ้า เกิดเป็นร่องลึกที่มองไม่เห็นสุดขอบปลายทางอยู่ด้านหลังเขา
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า และเป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งวังสิงเทียนอีก เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนย่อมต้องเป็นผู้แข็งแกร่งฝึกคู่ร่างเวทย์อยู่แล้ว เขาไม่เพียงมีผลการฝึกตนที่บรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า ร่างเนื้อร่างเทวของเขาก็บรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าเช่นกัน
อย่างไรเสียผู้แข็งแกร่งที่สามารถฝึกถึงระดับขั้นของมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าได้นั้น ทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทาน ซึ่งไม่มีทางแค่ยกระดับผลการฝึกตนแล้วมองข้ามการชุบร่างเนื้อ สามารถพูดได้เลยว่ารากฐานของทุกคนล้วนแข็งขันมากถึงมากที่สุด
เมื่อพูดถึงร่างเนื้อ ระหว่างหลัวซิวและเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ยังแตกต่างกันมากอยู่ดี อ้างอิงจากสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาที เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็จะไล่ตามทันแล้ว
แต่หลัวซิวก็ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว ใช้จิตนึกคิดทีหนึ่ง กงล้อเทพไร้ลักษณ์ก็ปรากฏหลังศีรษะเขา วิถีทั้งปวงในหมื่นจักรวาลล้วนถูกกีดกันไม่สามารถใช้สอยเมื่ออยู่ในพสุธาห้วงดาราแห่งนี้ แต่วิถีไร้ลักษณ์กลับไม่ถูกจำกัดที่นี่
ทว่าวิถีไร้ลักษณ์ของเขาสามารถโคจรได้ก็จริง แต่กลับไม่สามารถปลดปล่อยเกณฑ์พลังเต๋าของสรรพวิชาออกมาได้
สำหรับเรื่องนี้หลัวซิวก็สังเกตเห็นตั้งนานแล้วเหมือนกัน อย่างไรก็ตามจุดประสงค์ที่เขาแสดงกงล้อเทพไร้ลักษณ์ออกมาไม่ได้เป็นเพราะจะวิวัฒนาการเกณฑ์พลังเต๋าของธรรมหมื่นจักรวาล แต่จะวิวัฒนาการเกณฑ์พิเศษที่แฝงซ่อนอยู่ในฟ้าดินแห่งนี้ออกมา
ภายใต้การแผ่ขยายและสัมผัสของวิถีไร้ลักษณ์ แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็รู้สึกช็อกอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากเขาค้นพบว่าเกณฑ์ฟ้าดินของพสุธาห้วงดาราแห่งนี้สมบูรณ์มาก ๆ สามารถพูดได้เลยว่าที่นี่ก็มีเกณฑ์พลังเต๋าทั้งปวงที่มีอยู่ในสรรพโลกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นวิถีเบญจธาตุ วิถีหยินหยาง วิถีตรีภพหรือวิถีการเวียนว่ายตายเกิดและห้วงเวลา
ทว่าเกณฑ์เหมือนกัน แต่พลังเต๋ากลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เกณฑ์พลังเต๋าของพสุธาห้วงดาราแห่งนี้เหมือนดังเกณฑ์ทวยเทพธรรมที่ถูกแก้ไขปรับปรุงยังไงอย่างนั้น
“ผู้ใดกันนะถึงน่าสยดสยองเช่นนี้ ถึงขั้นสามารถแก้ไขปรับปรุงเกณฑ์พลังเต๋าของกฎทวยเทพธรรม แล้วบุกเบิกสถานที่ที่มหัศจรรย์เช่นนี้ออกมา?”
สีหน้าอารมณ์ของหลัวซิวดูแปลกใจอย่างยิ่ง เพราะเกณฑ์พลังเต๋าของฟ้าดินแห่งนี้มีร่องรอยที่ถูกแก้ไขปรับปรุงชัดเจนมาก ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นฝีมือมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
วิถีไร้ลักษณ์เชี่ยวชาญการอนุมานและวิวัฒนาการ ขอแค่เป็นเกณฑ์พลังเต๋าที่หลัวซิวเคยสัมผัส แม้นตัวเขาเองจะไม่เคยมีการตระหนักรู้และการอนุมานใด ๆ มาก่อน ก็สามารถอาศัยวิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการออกมาได้อยู่ดี หากตระหนักรู้ได้ยิ่งลึกซึ้งมากเท่าไหร่ ความล้ำลึกที่วิวัฒนาการออกมาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น
การไล่ล่าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนทำให้หลัวซิวไม่มีเวลาไปตระหนักรู้เกณฑ์พลังเต๋าของที่นี่ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงอาศัยความล้ำลึกของวิถีไร้ลักษณ์ ฝืนปลดปล่อยพลังออกมา!
“เวิ่ง!”
เพียงพริบตาเดียว ก็มีคลื่นเกณฑ์พลังเต๋าของปริภูมิและความเร็วแย้มบานออกมาจากกงล้อเทพไร้ลักษณ์ที่อยู่หลังศีรษะหลัวซิว จากนั้นความเร็วของเขาก็พุ่งสูงขึ้นกะทันหัน
ณ เสี้ยววินาทีที่ความเร็วของหลัวซิวพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่ตะบึงไล่ล่าอยู่ด้านหลังก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้ว เพราะเดิมทีหลัวซิวที่ยิ่งอยู่ยิ่งใกล้สายตาเขา ถึงขั้นเริ่มค่อย ๆ ห่างไกลจากเขาอย่างช้า ๆ
เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเบิกตากว้างอย่างควบคุมไม่ได้ เจ้าหมอนั่นสามารถปลดปล่อยพลังแห่งเกณฑ์พลังเต๋าบนพสุธาห้วงดาราได้อย่างนั้นหรือ?
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนต้องคิดไม่ตกอยู่แล้ว แม้เขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า วิถีไร้ลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความเป็นจริงและหลักการทั่วไปเช่นกัน
“รอดแล้ว”
หลัวซิวถอนหายใจเฮือกยาว หากไม่ใช่เพราะเขาพุ่งเข้ามาในพสุธาห้วงดาราแห่งนี้อย่างไม่ลังเลใจ เกรงว่าเวลานี้เขาคงถูกเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนจับกุมตัวไปตั้งนานแล้ว
อาศัยความสามารถในการวิวัฒนาการของวิถีไร้ลักษณ์ หลัวซิวสามารถโคจรปลดปล่อยเกณฑ์พิเศษที่แฝงซ่อนอยู่ในฟ้าดินแห่งนี้ได้ ความเร็วของเขายิ่งอยู่ยิ่งเร็ว ส่วนเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนกลับทำได้เพียงอาศัยความเร็วในการวิ่งของร่างเนื้อร่างเทว ช่วงระยะความต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ค่อย ๆ ห่างไกลกัน
ในเมื่อหลุดพ้นจากวิกฤตการณ์แล้ว หลัวซิวถึงจะนำความสนใจเพ่งเล็งไปบนเกณฑ์พิเศษของฟ้าดินแห่งนี้ เขาสงสัยมาก ๆ ว่าต้องเป็นบุคคลอย่างไรกันแน่ถึงสามารถเปลี่ยนแปลงกฎทวยเทพธรรม แล้วบุกเบิกสถานที่เช่นนี้ออกมาได้
สิ่งแรกที่เขาทำคือแผ่ขยายตัวสำนึกของตัวเองออกไป พลังตัวสำนึกมีบ่อเกิดมาจากวิญญาณดั้งเดิม และในความเป็นจริงวิถีแห่งวิญญาณก็เป็นหนึ่งในกฎทวยเทพธรรมเช่นกัน ดูเหมือนวิถีแห่งวิญญาณในฟ้าดินแห่งนี้จะถูกปรับปรุงแก้ไขไปแล้ว ดังนั้นหลังจากเขาแผ่ขยายตัวสำนึกออกไปแล้ว เดิมทีสามารถแผ่คลุมพื้นที่นับร้อยไมล์ได้อย่างง่ายดาย ปัจจุบันกลับแผ่คลุมได้เพียงหลักร้อยเมตร
ซึ่งนี่ก็หมายความว่าพลังวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็ถูกกีดกันที่นี่เช่นกัน นอกซะจากเขาสามารถตระหนักรู้และยึดกุมเกณฑ์ที่เคยปรับปรุงแก้ไขของที่นี่
ใช้จิตนึกคิด วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการ ตัวสำนึกของหลัวซิวจึงค่อย ๆ เข้ากับออร่าเกณฑ์พลังเต๋าของฟ้าดินแห่งนี้ ขอบข่ายที่ตัวสำนึกของเขาสามารถแผ่คลุมก็ยิ่งอยู่ยิ่งกว้าง จากหลักร้อยเมตรค่อย ๆ เพิ่มเป็นหลักร้อยไมล์
การที่ตัวสำนึกสามารถแผ่คลุมหลักร้อยไมล์นั้น แทบจะเป็นขีดจำกัดแล้ว อย่างไรเสียนี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่ฝืนใช้วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการออกมา นอกเสียจากเขาสามารถตระหนักรู้เกณฑ์ฟ้าดินของที่นี่ได้ลึกถึงมากยิ่งขึ้น
หากอยู่ด้านนอกพสุธาห้วงดาราแห่งนี้ ศักยภาพในทุก ๆ ด้านของหลัวซิวล้วนอยู่ที่ระดับราชาเทพระดับเก้าแน่นอน ทว่าเมื่ออยู่ในพสุธาห้วงดาราแห่งนี้ ศักยภาพของเขาก็เป็นเพียงเทพมารระดับแปดขั้นสูงธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น เพราะเกณฑ์พลังเต๋าที่เขาใช้วิถีไร้ลักษณ์ฝืนวิวัฒนาการออกมาอยู่ในระดับเดียวกันกับผลการฝึกตนของเขา
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาก็ถูกกดอัดอย่างมากเช่นกัน ร่างราชาเทพระดับเก้าขั้นสูงแค่สามารถปลดปล่อยพลังที่เทียบเท่าร่างเทวระดับเก้าขั้นปฐมภูมิทั่วไปออกมา
ในขณะเดียวกันหลัวซิวก็ค้นพบเช่นกันว่า ผลการฝึกตนศักยภาพยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เมื่ออยู่ที่นี่ก็จะยิ่งถูกกดอัดมากเท่านั้น เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนคือมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า เช่นนั้นศักยภาพของเขาที่เข้ามาในพสุธาห้วงดาราแห่งนี้ก็จะถูกกดอัดมากกว่า
ในเมื่อไม่สามารถใช้พลังแห่งเกณฑ์ ก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังอมตะออกมาได้เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคือศักยภาพโดยรวมของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนอาจถูกกดอัดจนเหลือศักยภาพที่เทียบทัดราชาเทพระดับเก้า
นี่คือผลลัพธ์ที่หลัวซิวผ่านการอนุมาน มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ เขาก็ต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกับเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนโดยตรง เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ศักยภาพต่างถูกกดอัดเช่นกัน ต่อให้เขาสามารถฝืนปลดปล่อยเกณฑ์พลังเต๋าออกมาได้เล็กน้อย แต่ก็สู้เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนไม่ไหวแน่นอน
อย่างไรก็ตามหลัวซิวกลับไม่กังวลแต่อย่างใด เขามีวิถีไร้ลักษณ์ แต่เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนไม่มี เขาแค่ต้องใช้วิถีไร้ลักษณ์อนุมานเกณฑ์พลังเต๋าของที่นี่อย่างต่อเนื่อง ศักยภาพของเขาก็จะยิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ศักยภาพที่ถูกกดอัดก็จะค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับคืนมา กระทั่งฟื้นฟูกลับไปถึงสภาวะที่เฟื่องฟูที่สุด บรรลุถึงระดับที่สามารถเทียบทัดราชาเทพระดับเก้าขั้นสูง
ส่วนศักยภาพของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนกลับฟื้นฟูยากมาก ถ้าเกิดศักยภาพของเขาที่อยู่ในนี้อยู่ที่ราชาเทพระดับเก้าตลอดละก็ เช่นนั้นหลังจากศักยภาพของหลัวซิวฟื้นฟูกลับคืนมา ก็ถึงช่วงเวลาที่เขาจะเอาคืนแล้วล่ะ!