มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 290 หลงหมิงรังเกียจอสุรกาย
บทที่ 290 หลงหมิงรังเกียจอสุรกาย
ใบหน้าของหลัวซิวซีดเผือดเล็กน้อย ร่างของเขาแกว่งไปมา สิงห์ทิพย์อัคคีปรากฏตัวขึ้นใต้เท้าของเขา ดังนั้นเขาจึงนั่งลงบนหลังของสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามในทันที
ตอนนี้ร่างกายของเขาถูกทำลายจนสะบักสะบอม ไม่ต้องพูดถึงการบังคับพลังแปรเสวียนเทียนให้สูงขึ้นยี่สิบสี่เท่า โดยเฉพาะตราธรรมจุติมรณะนั้น ทุกครั้งที่สำแดงจะต้องใช้พลังจิตแท้ทั้งหมดที่มี จึงทำให้อ่อนแอถึงขีดสุด
เพียงแต่ว่า พลังความน่ากลัวของตราธรรมจุติมรณะ ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่สำแดง จะสามารถฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งได้
ในช่วงเวลาสั้น ๆ เงาลวงวัฏจักรก็สลายไป อากาศที่บิดเบี้ยวและถูกทำลายค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ส่วนร่างกายของจักรพรรดหลิงหยุนนั้น ได้ถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์ ถูกทำลายทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ
ส่วนแหวนเก็บของของจักรพรรดิหลิงหยุน หลงหมิงเป็นคนเก็บเอาไว้และนำมายื่นให้กับมือหลัวซิว
ห่างออกไปหลายร้อยลี้ ราชายุทธ์ทั้งสี่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ราชายุทธ์ของราชวงศ์ตระกูลฝานผู้นั้น ที่ตามมาเพื่อต่อสู้แทน ไม่รู้เลยว่าจักรพรรดิหลิงหยุนที่ตนเองพยายามปกป้องด้วยชีวิต จะถูกลอบฆ่าระหว่างทางเสียแล้ว
“ที่นี่ไม่เหมาะที่จะอยู่นาน พวกเราไปกันเถอะ” หลัวซิวออกคำสั่ง สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที และกลายร่างเป็นลำแสง และใช้วิชากลไกรีบเดินทางให้ห่างออกไปไกล
ส่วนหลงหมิงเองก็รวมตัวเข้ากับอากาศ และเคลื่อนที่ในอากาศเพื่อคอยติดตามไปใกล้ ๆ
ตั้งแต่ที่หลัวซิวขัดขวางจักรพรรดิหลิงหยุน จากนั้นก็ประหารเขา เหตุการณ์ทั้งหมดจบลงภายในระยะเวลาสิบห้านาที
ราชายุทธ์ตระกูลฝานที่เข้ามาสกัดกั้นศัตรู เพื่อยื้อเวลาให้กับจักรพรรดิหลิงหยุนผู้นั้น ใช้พละกำลังทั้งหมดในการหลีกหนีออกมาจากอีกฝ่าย และใช้วิชากลไกตามมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังจิตที่ยังคงแผ่ซ่านไปทั่วอากาศ ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที
“ออร่าของจักรพรรดิหลิงหยุนหายไปที่นี่ หรือว่ามีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ?” ราชายุทธ์ตระกูลฝานผู้นี้มีสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด
“กล้าแย่งชิงสิ่งของของราชวงศ์ตระกูลฝานเรา ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้ด้วยความเจ็บปวดทรมานมากกว่าเป็นหมื่นเท่า !”
“วิชาภูตผีเซินหลัว ทักษะยุทธ์ชั้น 9 เป็นผลที่ได้มาจากวิวัฒนาการของภูตอเวจีเซินหลัว และการโจมตีวิญญาณ”
ในสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง หลัวซิวหยิบม้วนหยกที่บันทึกวิชาภูตผีเซินหลัวเอาไว้ ออกมาจากแหวนเก็บของของจักรพรรดิหลิงหยุน
คำแนะนำของทักษะยุทธ์ชั้น 9 วิชานี้นั้นง่ายมาก แต่คำพูดที่ว่า ผลของการโจมตีด้วยวิญญาณ ก็เพียงพอที่จะทำให้นักยุทธ์คนหนึ่งใจเต้นระส่ำได้
เป็นที่ทราบกันดี วรยุทธ์กลั่นวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่หายากมาก และถึงแม้จะมีอยู่ ก็ถือว่าจำนวนไม่สูงนัก หลังจากฝึกตนไปถึงแดนแดนหนึ่ง ก็จะไม่สามารถไปต่อได้ จำเป็นจะต้องมุ่งเน้นความสนใจไปที่การฝึกตน หรือมุ่งเน้นไปที่แก่นแท้ของพลังจิตแท้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นักยุทธ์กลั่นวิญญาณก็ถือว่าน่ากลัวที่สุดในบรรดานักยุทธ์ระดับเดียวกัน ทำให้รู้สึกมีความยาก เพราะการโจมตีของวิญญาณนั้นไร้รูปร่างและไร้เงา ทำให้ไม่สามารถป้องกันได้
ด้วยเหตุนี้ จะเห็นได้ว่าทักษะยุทธ์ที่มีผลของการโจมตีด้วยวิญญาณ ถือว่าเป็นของล้ำค่าอย่างมาก นี่แสดงให้เห็นว่า ไม่จำเป็นจะต้องฝึกตนวรยุทธ์กลั่นวิญญาณ ขอแค่ฝึกทักษะยุทธ์วิชานี้สำเร็จ ก็จะมีความสามารถด้านวิญญาณโจมตีที่พร้อมสรรพได้เช่นกัน
ตามรายละเอียดที่บันทึกไว้เกี่ยวกับวิชาภูตเซินหลัว ทักษะยุทธ์วิชานี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกตนที่ฝึกตนพลังความตาย ส่วนนักยุทธ์ที่ฝึกตนพลังจิตแท้ในด้านอื่น ๆ ถึงแม้จะสามารถฝึกได้สำเร็จเช่นกัน แต่พลังและผลลัพธ์อาจจะลดลงอย่างมาก
นักยุทธ์ที่ฝึกตนพลังความตาย เมื่อฝึกวิชาภูตผีเซินหลัวได้สำเร็จ พลังที่สำแดงออกมา จะอยู่ในระดับสูงสุดของทักษะยุทธ์ชั้น 9
ส่วนนักยุทธ์ที่ฝึกตนในพลังด้านอื่น พลังที่สำแดงออกมา จะเทียบเท่ากับทักษะยุทธ์ชั้น 9ธรรมดาเท่านั้น
“เป็นเช่นนี้นี่เอง”
หลัวซิวยิ้มออกมา เป็นเหมือนที่เขาคาดเดาเอาไว้ในตอนต้น เมื่อดูจากชื่อก็รู้แล้วว่า นี่เป็นวิชาที่เหมาะสำหรับการสำแดงทักษะยุทธ์พลังความตาย
หลัวซิวเก็บม้วนหยกและไม่คิดที่จะรีบร้อนฝึกตน แต่กลับนำเตากลั่นยาที่ประมูลมาได้จากเมืองร้างออกมา
ดูเหมือนว่าเตากลั่นยาใบนี้จะมีขนาดพอ ๆ กับกำปั้น ด้านบนเคลือบไปด้วยสนิม ซึ่งสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศโบราณที่ผ่านไปได้อย่างชัดเจน
บนฝาของเตากลั่นยา มีลายเส้นที่ดูคลุมเครือ และเป็นที่ที่ตราผนึกเตาปิดอยู่ หากไม่สามารถเปิดตราผนึกเตานี้ได้ ก็ไม่สามารถใช้เตากลั่นยาได้ และคงทำได้เพียงแค่เก็บไว้เป็นของสะสมโบราณที่เต็มไปด้วยสนิมชิ้นหนึ่ง
“ข้าต้องการปิดขังสักระยะ ช่วงนี้ให้พวกเจ้าทั้งสองคอยคุ้มกันด้านนอกเอาไว้ ห้ามใครข้าถูกรบกวนโดยเด็ดขาด”
หลัวซิวหยิบธงขลังสรรพสิ่งออกมา ยกมือขึ้นโบก สัญลักษณ์ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเป็นลำแสงและบินวนไปรอบ ๆ ปรากฏเป็นรูปแบบผังค่ายซ่อนงำ ซึ่งถือเป็นค่ายกลป้องกัน
การเปิดตราผนึกเตาด้วยภูตอัคคีกลืนกิน กระบวนการเช่นนี้จะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นไม่ได้โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นก็จะเป็นเรื่องน่าเสียดาย ตราผนึกเตาจะระเบิดและทำลายเตากลั่นยา
“เด็กหนุ่มคนนี้ช่างประหลาดจริง ๆ คนในสมัยโบราณมีน้อยคนนักที่สามารถเปิดตราผนึกเตานี้ได้ แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าทำได้อย่างนั้นหรือ ?”
หลงหมิงเบะปาก ถึงแม้ในใจไม่อยากยอมรับ แต่เด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบกว่าปี ก็เพียงพอที่จะทำให้มันรู้สึกตกใจและประหลาดใจได้จริง ๆ
ฝึกตนปราณเป็นตาย 2 ระดับ ความสามารถในการต่อสู้ที่ข้ามขั้นเหมือนกับสัตว์ประหลาด อีกทั้งยังสามารถพิชิตภูตอัคคีตนหนึ่งได้ มิหนำซ้ำยังเป็นภูตอัคคีลำดับที่ 9 ในบรรดา 10 ภูตอัคคีใหญ่อีกด้วย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่าภูตอัคคีกลืนกินที่พิชิตได้ยากที่สุด
บนร่างกายของเขา เกิดเรื่องที่น่าเหลือเชื่อขึ้นมากมาย หลงหมิงแทบจะมึนงง ถึงแม้ปากจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่สัญชาตญาณกลับบอกมันว่า เด็กหนุ่มคนนี้จะหาวิธีเปิดตราผนึกเตาออกได้
เมื่อค่ายกลเริ่มทำงาน ร่างของหลัวซิวก็หายไป บนดินแดนที่ว่างเปล่าและแห้งแล้ง สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามเงยหน้าขึ้น และใช้ดวงตาขนาดใหญ่คอยสอดส่องดูรอบ ๆ ตามหน้าที่
“นี่พ่อหนุ่ม เจ้าน่าจะเป็นทายาทของจักรพรรดิอสูรสิงห์ทิพย์สมัยโบราณนะ หรือเพราะถูกฝังวิชาสยบวิญญาณ จึงยอมสยบให้กับเจ้าหนูนั่นเสียแล้ว ?”
ร่างของหลงหมิงปรากฏขึ้น เขาชี้นิ้วไปที่สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามแล้วพูดพล่ามไม่หยุด เกล็ดที่อยู่บนกรงเล็กของเขาส่องแสงประกายสีเงินภายใต้แสงแดด
สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามบรรลุถึงขั้นสูงระดับ 4 จึงหยั่งรู้มานานแล้ว จึงสามารถเข้าใจในสิ่งที่หลงหมิงพูด เพียงแต่ไม่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้เช่นเดียวกับมันเท่านั้น
“โฮกโฮก……”
มันทำเสียงพึมพำไม่รู้จะพูดอะไร ในหัวกลับปรากฏแต่ภาพตอนที่หลัวซิวพิชิตภูตอัคคีกลืนกิน
สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามเชี่ยวชาญในการกลืนกินเปลวไฟและนำมาพัฒนาความแข็งแกร่งของมันให้สูงขึ้น แต่ภูตอัคคีพวกนั้น ถึงแม้ตัวมันเองก็ยังรู้สึกกลัว ทว่ากลับถูกคนผู้นี้พิชิต ทุกครั้งที่นึกขึ้นมา ทำให้เขารู้สึกใจสั่นด้วยความหวาดกลัวจริง ๆ
ในความคิดของมัน คนผู้นี้แม้แต่ภูตอัคคีกลืนกินก็ยังสามารถพิชิตได้ หากต้องการจัดการกับเขาคงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ถึงแม้จะไม่ถูกฝังวิชาสยบวิญญาณ แต่ตนเองก็คงไม่กล้าล่วงเกินเขาเด็ดขาด
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มันก็เหลือบมองหลงเหมิน ขยับกรงเล็บของมัน และส่งเสียงพึมพำขึ้นมา
“อะไรนะ ? เจ้าคิดจะให้มังกรอย่างข้าอยู่ต่อไปอย่างเชื่อฟังงั้นหรือ ?”
หลงหมิงสามารถฟังภาษาของอสุรายด้วยกันออก มันถลนตา และอดไม่ได้ที่จะใช้กรงเล็บจัดการกับทายาทของจักรพรรดิอสูรสิงห์ทิพย์ให้ตายไปเสีย ด้วยเหตุที่ทำให้ต้องอับอายขายหน้า
########################