มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 302 ลงมือโจมตี
หลัวซิวใช้ห้วงยุทธ์อยู่สองประเภท ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารที่วิวัฒนาการมาจากการสังหารผู้แข็งแกร่งแล้วผนึกรวมสารจากไอสังหาร
ยิ่งประหารผู้แข็งแกร่งที่ฝึกตนระดับสูงขึ้น จำนวนมากขึ้น ไอสังหารของเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น พลังของห้วงยุทธ์กระบี่สังหารก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามไปด้วย
ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารสามารถใช้การสังหารมาหล่อเลี้ยงได้ แต่มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อคือจะต้องสังหารฝ่ายที่มีการฝึกตนในระดับเท่าเทียมกันหรือไม่ก็มีผู้ที่ระดับความสามารถที่เหนือกว่าตนเท่านั้น
ตอนนี้หลัวซิวอยู่ในขั้นแดนฝึกจิต หลังจากสังหารราชายุทธ์มาได้ทั้งหมดสามคน เขาก็เริ่มสัมผัสได้ว่าห้วงยุทธ์กระบี่สังหารของตนแข็งแกร่งขึ้นมาก ระหว่างใช้ทักษะยุทธ์แล้วใช้ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารเป็นตัวเสริม พลังการโจมตีจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองการต่อสู้ระหว่างเย่ซวนกับเหยียนซูซิว ไอสังหารรอบกายของหลัวซิวไม่ได้ระบายออกมาเพราะการสังหารกงซุนเชียนจี แต่กลับหนาวสะท้านมากขึ้น
เมื่อนึกย้อนไปถึงเย่หยุนในแดนปริศนาที่ปรากฏขึ้นในใจของเขาอยู่เรื่อยๆ ในใจของหลัวซิวมักจะปรากฏความรู้สึกมากมายหลากหลาย
สำหรับคนอย่างเหยียนชูซิว ในใจของหลัวซิวบังเกิดความรังเกียจและเกลียดชังที่ก่อเกิดมาจากในใจลึกๆ เพราะหากวันหนึ่งเขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์คล้ายกันนี้ เขาจะต้องรับมืออย่างไร
เปรี้ยง!
ไอสังหารแผ่ซ่านออกมา ไอสังหารสีแดงเลือดผนึกรวมเข้ากับกระบี่อาถรรพ์ฟันเสือ ร่างของหลัวซิวกลายเป็นแสงโลหิตสีแดงสด พุ่งทะยานเข้าสู่เหยียนชูซิว
“ตายซะ ไสหัวไป!”
เหยียนชูซิวยื่นมือออกไปผนึกรวมพลังฟ้าดินให้เป็นเปลวไฟ และกลายเป็นหอกรบอัคคีสามสาย
หลัวซิวใช้ดาบดับสิ้นทำลายหอกรบอัคคีแตกสลายไปเพียงสองสาย และไม่สามารถที่จะทำอะไรต่อได้อีก
เพราะการฝึกตนของเขานั้นต่ำเกินไป ต่อให้ใช้พลังทั้งหมดแล้ว อย่างมากก็มีพลังเพียงเทียบเท่ากับราชายุทธ์ขั้น 2 เท่านั้น และยิ่งพลังแปรเสวียนเทียน 24 เท่าที่เพิ่มขึ้นซึ่งสามารถเทียบเท่ากับราชายุทธ์ขั้น 4
ทว่าเหยียนชูซิวกลับเป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชายุทธ์ขั้น 5 แม้ว่าดูเหมือนจะต่างกันเพียงเล็กน้อย ทว่าก็ยังเหนือกว่าระดับสูงสุดของหลัวซิว
เกิดเสียงดังฉึก หอกรบอัคคีสายที่สามแทงเข้าไปที่ไหล่ด้านซ้ายของหลัวซิว พลังการเผาไหม้อันน่าหวาดกลัวทำให้เกิดเสียงฟู่ๆ เนื้อหนังของเขากลายเป็นสีดำไหม้เกรียม
หลัวซิวพยายามฝืนความเจ็บปวดและกัดฟันต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ แล้วมุ่งหน้าเข้าไปหาเหยียนชูซิว
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เย่ซวนก็บุกเข้ามาด้วยเช่นกัน รอบกายของเขาปรากฏแสงชีวิตสุดท้าย เลือดไหลทะลักออกมาจากปากของเขา พลังรอบกายของเขาคล้ายจะระเบิดออกมาในทันที
“บ้าเอ๊ย เย่ซวนแกบ้าไปแล้วหรือไง”
“ผู้อาวุโส……”
เหยียนชูซิวกับหลัวซิวเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ อารมณ์ของพวกเขาก็ชะงัก เพราะจากท่าทางของเย่ซวนในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเตรียมจะระเบิดตัวเอง
ผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ พลังจิตแท้ที่จุดตันเถียนชี่ไห่ผนึกรวมเข้าด้วยกันในระดับสูงจะกลายเป็นยา โดยมีชื่อว่ายาเทพจิต
ยาเทพจิตที่อยู่ในจุดตันเถียนชี่ไห่หมุนวนอย่างรวดเร็ว ด้วยช่องทางลึกลับบางประการ ทำให้ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์สามารถควบคุมพลังฟ้าดินที่อยู่ในบริเวณรอบตัวได้ ทำให้พลังในการต่อสู้เข้มแข็งขึ้นและเอาชนะผู้ที่อยู่ในระดับล่างกว่าได้
และเมื่อผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ทำลายยาเทพจิตของตน ชี่ไห่จะแตกสลาย ซึ่งจะเท่ากับเป็นการเหนี่ยวนำพลังฟ้าดินบริเวณรอบๆ ทำให้เกิดเป็นอานุภาพที่น่าสยดสยองได้
เดิมทีเย่ซวนฝึกตนอยู่ในแดนราชายุทธ์ขั้น 3 อานุภาพในการทำลายยาเทพจิตของตัวเอง แม้แต่เหยียนซูซิวที่อยู่ในแดนราชายุทธ์ขั้น 5 ก็ยังไม่กล้าดูถูกเขา
หลัวซิวเองก็คิดไม่ถึงว่าเย่ซวนจะลงมืออย่างเด็ดขาดเช่นนี้
“ไอสารเลวเหยียนชูซิว คนอย่างเย่ซวนต่อให้ตายแล้วก็จะลากแกลงไปตายด้วยกัน ข้าจะคืนความเป็นธรรมให้กับดวงวิญญาณที่ถูกใส่ร้ายของตระกูลเย่ที่ล่วงลับไปแล้ว”
เย่ซวนตวาดลั่น ตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและความเกลียดชังที่ล้นทะลัก
“เฮอะ แกคิดว่าทำลายยาเทพจิตแล้วจะทำร้ายข้าได้งั้นหรือ”
แม้ว่าสีหน้าของเหยียนชูซิวจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าเขาก็กลับมาอยู่ในอาการสงบได้อย่างรวดเร็ว แล้วหัวเราะด้วยเสียงแข็งกระด้าง พร้อมหยิบฮู้ สีน้ำเงินออกมาหนึ่งอัน
สีแดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า ม่วง ดำและสีทอง สีทั้งเก้านี้เท่ากับระดับทั้งเก้าของฮู้ และหมายความถึงอัญมณีที่ใช้หลอมมีระดับที่แตกต่างกัน
หยกน้ำเงิน คือสมบัติขั้น 6 ที่ใช้ในการหลอมฮู้ โดยจะหลอมฮู้ที่มีสีฟ้าออกมา และนั่นจะกลายเป็นฮู้ขั้น6
ด้านบนของฮู้หยกน้ำเงินจะมีรูปคล้ายโล่สลักเอาไว้ เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เห็นว่านี่คือยันต์คุ้มกันขั้น 6 ต่อให้ผู้เป็นมกุฎยุทธ์ลงมือก็ไม่สามารถทำลายมันได้
ขอเพียงใช้ยันต์คุ้มกันขั้น 6อันล้ำค่านี้ชิ้นนี้ ต่อให้เย่ซวนทำลายยาเทพจิตก็ไม่มีทางที่จะทำอันตรายเหยียนชูซิวได้แม้แต่น้อย
ทว่าเหยียนชูซิวจะได้ใจตอนนี้ก็ยังถือว่าเร็วเกินไป เพราะในตอนที่เขากำลังจะบีบยันต์คุ้มกันขั้น 6 อยู่นั้น เขาก็เริ่มสัมผัสได้ว่าตัวหยั่งรู้ของเขาถูกตัวสำนึกรูปกระบี่แทง
“แย่แล้ว นี่คือวิญญาณโจมตี!”
ในหัวของเหยียนชูซิวเพิ่งจะเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมา ก็สัมผัสได้ถึงตัวสำนึกรูปกระบี่สีดำได้แทงเข้ามายังตัวหยั่งรู้จนระเบิด ทำให้วิญญาณหยั่งรู้ของเขาเจ็บปวดจากแรงฉีกขาด
ผลจากวิญญาณโจมตี ทำให้เหยียนชูซิวไม่กล้าที่จะใช้ยันต์คุ้มกันขั้น6 ต่ออีก และพยายามรวบรวมตัวสำนึกเพื่อรับมือกับวิญญาณโจมตี ไม่เช่นนั้นแล้วเมื่ออีกฝ่ายทำลายวิญญาณหยั่งรู้ของตนได้แล้ว เขาคงไม่สามารถหลีกหนีความตายพ้น
เมื่อตัวสำนึกของผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้น 5 ผนึกรวมเข้าด้วยกัน ตัวหยั่งรู้ก็สามารถแทงเข้าไปที่ตัวสำนึกรูปกระบี่สีดำจนดับสลายมันลงไปได้
ในตอนนั้นเอง เปลวไฟชีวิตที่ลุกโชนอยู่รอบตัวของเย่ซวนก็พุ่งเข้ามา ตอนนั้นสีหน้าของเขาราวกับเขากำลังกรีดร้องด้วยความบ้าคลั่ง
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดอันน่าสยดสยองดังขึ้น พลังฟ้าดินรอบตัวในรัศมีหลายร้อยเมตรระเบิดเกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนไปทั่วอย่างน่าหวาดหวั่น ทำให้ผืนแผ่นดินบริเวณนี้คล้ายกำลังบิดเบี้ยว และปรากฏร่องรอยสีดำเล็กๆ ปรากฏขึ้น
ผู้คนที่เขตการปกครองโตว้ไห่ที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างพากันอ้าปากค้าง การระเบิดตัวเองของผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์มีอานุภาพน่าพรั่นพรึงถึงขนาดเชียวหรือ
เหยียนชูซิวและหลัวซิวจมอยู่ในแรงระเบิดที่หมุนวนอบอวล ไม่มีผู้ใดรู้ว่าสองคนนี้ตอนนี้เป็นหรือตาย
แก่กๆ ……
ร่างของคนสองคนลอยออกมาจากอากาศที่บิดเบี้ยวหมุนวน เสื้อผ้าบนร่างของพวกเขาแหลกละเอียดหายไป
หน้าอกของเหยียนชูซิวถูกแรงระเบิดจนเกิดเป็นรูสีแดงฉาน เลือดสดไหลซิบๆ ออกมา
ส่วนร่างของหลัวซิวรางซะบักซะบอมจนมองไม่เห็นอวัยวะส่วนใดที่ไม่มีรอยแผล
เหยียนชูซิวเป็นผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้น 5 แม้แดนร่างเนื้อของเขาจะไม่อยู่ในร่างยุทธ์ระดับราชา แต่เขาก็สามารถใช้พลังจิตแท้ในการปกป้องร่างกายของตนได้
ส่วนหลัวซิวนั้น โชคดีที่ร่างของเขาอยู่ในแดนร่างเนื้อที่เป็นร่างยุทธ์ระดับราชา มิเช่นนั้นแล้วแรงระเบิดที่มีอานุภาพน่าหวาดกลัวเช่นนี้ คงจะทำให้ร่างของเขาระเบิดกลายเป็นเถ้าถ่านได้ภายในระยะเวลาเพียงพริบตาเดียว
หอที่มีความสูงที่สุดของเขตการปกครองโตว้ไห่ ด้านบนสุดสามชั้นก็ถูกแรงระเบิดอันน่าหวาดกลัวครั้งนี้ทำลายจนสิ้น
ตุ้บ!
เมื่อร่างของเขาหล่นกระแทกพื้น หลัวซิวแทบไม่สนใจความเจ็บปวดที่ร่างกายของตนเอง เขาพลิกตัวขึ้นมา ที่มือทั้งสองข้างของเขาปรากฏภูตอัคคีกลืนกินสีแดงส้ม และก่อตัวเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่ธาตุไฟสิบสายพุ่งเข้าใส่เหยียนชูซิว
เขารู้ดีว่าบาดแผลของตัวเองนั้นร้ายแรงกว่าของเหยียนชูซิว ทว่าพลังในการฟื้นฟูตัวเองของเขานั้นแข็งแกร่งกว่า เขาจึงไม่กลัวว่าบาดแผลของตัวเองจะร้ายแรงไปมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงลงมืออย่างไม่ลังเล เขาจะต้องฉวยโอกาสตอนที่เหยียนชูซิวยังไม่ทันตั้งตัวลงมือให้เด็ดขาด
เหยียนชูซิวไม่ใช่นักยุทธ์กลั่นร่าง บาดแผลที่หน้าอกซ้ายของเขา ทำให้สีหน้าของเขาซีดขาว เขาจึงรีบหยิบยาพระแสงขั้น 5 ออกมาจากแหวนเก็บของทันที
การหยิบยารักษาตัวออกมาตอนที่กำลังบาดเจ็บหนักนั้นเป็นสิ่งที่นักยุทธ์ทุกคนต้องทำเหมือนๆ กัน