มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 305 ภารกิจกำจัดตระกูลเผย
นอกจากจะดูดรับการกลั่นแปรหินพลังจิตเพื่อให้บรรลุได้แล้ว ยังมียาขั้น 5 อีกประเภทหนึ่งที่มีชื่อว่ายามหาราช โดยมีความหมายเป็นนัยว่าการชิงบัลลังก์ มีประสิทธิภาพสูงมากที่จะช่วยการบรรลุประสบความสำเร็จ
แม้ว่ายามหาราชจะเป็นยาขั้น 5 แต่คุณค่าของมันเกินยาขั้น 6 ไปแล้วและอาจเทียบเท่ากับยาระดับ 7 บางประเภท
ข้อแรกเป็นเพราะว่าตำรับการกลั่นยานั้นหาได้ยาก ข้อต่อมาเป็นเพราะยาวิเศษที่ต้องใช้นั้นหายาก โดยเฉพาะยาหลักห้าชนิดที่จำเป็นต้องใช้ในการกลั่น เพราะทุกชนิดมีมูลค่ามากถึงหินพลังจิตขั้นสูงเป็นหมื่นก้อน
อย่างน้อยๆ ในประเทศเทียนหวูแห่งนี้ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครเคยกลั่นยามหาราชาได้เลย และเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือเป็นเพราะว่าไม่มีใครรู้ตำรับยาของมัน
ประสิทธิภาพของยามหาราชหนึ่งเม็ด เทียบเท่ากับหินพลังจิตขั้นสูงสองแสนก้อน รวมทั้งความลึกลับของยาวิเศษที่ต้องใช้ในขั้นตอนการกลั่นยา ทำให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบรรลุราชายุทธ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ทว่าประสิทธิภาพที่มากมายเช่นนี้ นักยุทธ์ธรรมดากลับไม่อาจกลั่นแปรออกมาได้ง่ายๆ หากวรยุทธ์ไม่สูงพอ ร่างเนื้อไม่แข็งแกร่ง ตัวสำนึกไม่ใหญ่มากพอ ต่อให้กินยามหาราชาเข้าไปแล้วก็อาจจะทำให้ร่างระเบิดถึงแก่ความตายได้
เรื่องตำรับยาไม่ใช่ปัญหาของหลัวซิว เนื่องจากในความทรงจำของปรมาจารย์กลั่นยาระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น9 ยังคงบันทึกเรื่องนี้เอาไว้
สิ่งที่เขาขาดไปก็คือ ยาวิเศษ
บัวหิมะห้าสี หญ้างหลงหยางหยวน ดอกเฟยเฟิ่งเจ็ดกลีบ ผลเสวียนชิง และใบเทียนเซียงฉุยเสียน……
จากความทรงจำในตำรับยา หลัวซิวสามารถค้นหายาหลักห้าชนิดที่ใช้ในการกลั่นยามหาราชาออกมาได้
อย่าคิดว่ายามหาราชาเป็นเพียงยาขั้น 5 เท่านั้น เพราะยาวิเศษที่ใช้ในการกลั่นยาเป็นขั้นสูงมาก ในบรรดายาหลักห้าชนิด บัวหิมะห้าสีและดอกเฟยเฟิ่งเจ็ดกลีบเป็นยาวิเศษขั้น 7 ส่วนอีกสามชนิดเป็นยาวิเศษขั้นหก
ทว่าลำดับขั้นไม่ใช่ปัญหาสำคัญ สิ่งที่สำคัญกว่าคือยาวิเศษพวกนี้หาได้ยากยิ่ง
นอกจากตัวยาหลักแล้ว ยาเสริมที่ต้องใช้ประกอบในการกลั่นยาก็เป็นของที่ล้ำค่าหายากเช่นกัน มูลค่าไม่น้อยไปกว่าพวกของล้ำค่าอย่างน้ำแร่วิญญาณ และผลหู่หยาง
จากข่าวของสายภายในของแก๊งนักล่ายุทธ์ หลัวซิวเพียงหาได้แค่ยาเสริมบางชนิดเท่านั้น ส่วนยาหลักห้าชนิด ยังไม่สามารถหาได้เลยแม้แต่ชนิดเดียว
“ในเรื่องการหายาวิเศษนั้น น่าจะอยู่ที่แก๊งนักกลั่นยา แต่ตอนนี้ผมมีปัญหากับราชวงศ์ตระกูลฝานถึงขั้นมองหน้ากันไม่ติด หากผมพยายามขอซื้อยาวิเศษจากสายข่าวภายในแก๊งนักกลั่นยา นั่นอาจจะทำให้ผมโดนใส่ร้ายได้”
ยาวิเศษเป็นของที่หายาก เป็นทรัพยากรที่ขาดแคลน ทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าการที่จะบรรลุถึงขั้นราชายุทธ์ได้นั้นเป็นสิ่งที่ยากเกินเอื้อมมากเกินไป
หากไม่มียามหาราชา เขาคาดว่าตนจะสามารถบรรลุแดนราชายุทธ์ได้ภายในระยะเวลาเร็วที่สุดคือ 20 ปี
การบรรลุระดับราชายุทธ์ได้ภายใน 20 ปี หากเทียบกับคนอื่นทั่วไปถือว่าเร็วมากแล้ว เพราะบางคนต้องใช้เวลาหลายร้อยปี บางคนต้องใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังไม่อาจบรรลุได้
ทว่าสำหรับหลัวซิวแล้ว เวลายี่สิบปีถือว่านานเกินไป
หลัวซิวหยิบกล่องส่งเสียงออกมา เพื่อที่จะส่งข่าวไปหาโอวโหเหลียงของแก๊งนักกลั่นยาที่เมืองซานหยวน เพื่อให้เขาช่วยส่งข่าวในการตามหายาวิเศษเหล่านี้
“ก๊อกๆๆๆ……”
ในตอนนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูสามครั้งดังเข้ามาจากทางด้านนอกของประตูห้อง
“เข้ามา” หลัวซิวเก็บกล่องส่งเสียงแล้วเหลือบตาขึ้นมอง
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา ผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูคือท่านโสว่ ในมือของเขาถือม้วนหยกเอาไว้แล้วกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ท่านชายหลัว มีเบาะแสของเรื่องที่ท่านกำลังตามหาแล้ว”
“มีเบาะแสแล้วหรือ”
เมื่อหลัวซิวได้ยินดังนั้นสายตาก็เปล่งประกาย ร่างของเขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วราวสายลมไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าท่านโสว่ แล้วหยิบม้วนหยกมาอย่างรวดเร็ว
ในม้วนหยกมีรายละเอียดเขียนเอาไว้ เป็นข่าวที่อยู่ในมือของแก๊งนักล่ายุทธ์ จักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่งถูกตระกูลเหยียนและผู้แข็งแกร่งตำหนักจื่อล้อมโจมตีแล้วหนีไปได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหนัก มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะถูกตระกูลเผยจับตัวไป
นั่นเป็นเพราะว่าทิศทางที่จักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่งหลบหนีไปนั้นอยู่ในอาณาบริเวณของตระกูลเผยพอดี
ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับตระกูลเผยนั้น ในม้วนหยกก็มีรายละเอียดบันทึกเอาไว้อยู่บ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่สิบตระกูลใหญ่ แต่ในประเทศเทียนหวูก็ยังนับว่าเป็นตระกูลที่มีอำนาจสูง อยู่ในเมืองยงฉีซึ่งเป็นหนึ่งในหกเมือง
ตามรายงานจากสายข่าวนั้น อำนาจของตระกูลเผยในเมืองยงฉีนั้นหยั่งรากลึกมาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นเจ้าถิ่นของที่นั่นได้ ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับพวกเขา การที่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปอยู่ในสิบลำดับตระกูลใหญ่ได้ เป็นเพราะไม่มีผู้เป็นจักรพรรดิยุทธ์นั่งบัลลังก์
เมื่อท่านโสว่นำม้วนหยกมาส่งแล้วก็เดินออกไป
ภายในห้อง ในมือของหลัวซิวยังคงถือม้วนหยกเอาไว้ เขาใช้นิ้วมือเคาะเบาๆ ลงบนโต๊ะ นี่เป็นท่าทางที่เขาใช้เวลาที่เขากำลังครุ่นคิดบางเรื่อง
“ตระกูลเผยคงจะรู้แน่ว่าตระกูลเหยียนกับตำหนักจื่อกำลังตามหาจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่งอยู่ ในช่วงเวลาเร่งด่วนเช่นนี้ยังกล้าสอดมือเข้ามา พวกเขามีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่”
หลัวซิวขมวดคิ้วพลางบ่นพึมพำ เขาเดาว่าสาเหตุน่าจะเป็นเพราะเหยียนเยว่เอ๋อร์เป็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์
ตระกูลเผยอยากที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสิบลำดับตระกูลใหญ่ แต่เป็นเพราะว่าเขายังขาดผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์นั่งบัลลังก์ บางทีพวกเขาอาจจะอยากหาวิธีในการบรรลุจักรพรรดิยุทธ์จากเหยียนเยว่เอ๋อร์ก็เป็นได้
ระบบในการรวบรวมข้อมูลขององค์กรนักล่ายุทธ์นั้นละเอียดมาก นอกจากจะบอกว่าตระกูลเผยไม่มีจักรพรรดิยุทธ์แล้ว ยังบอกอีกว่าพวกเขามีผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์อยู่ถึงสี่คน
หนึ่งในนั้นคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือเจ้าตระกูลเผยอย่างเผยหยวนชิว ที่บรรลุถึงแดนราชายุทธ์ขั้น 9 แล้ว ซึ่งยังคงเป็นรองจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสิบ รวมทั้งจักรพรรดิยุทธ์ที่รักสันโดษคนอื่นๆ
ส่วนราชายุทธ์อีกสามคนที่เหลือ ล้วนเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเผย การฝึกตนอยู่ในระดับสูงกว่าราชายุทธ์ขั้น 4 มีความสามารถในการรบแข็งแกร่ง
ตระกูลใหญ่เช่นนี้ หลัวซิวไม่อาจทำอะไรให้สั่นคลอนได้ ต่อให้เขาบรรลุแดนราชายุทธ์แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเอาชนะราชายุทธ์ขั้น 9 ได้
ด้วยพลังยุทธ์ของเขาในปัจจุบัน การฝึกตนที่บรรลุจากแดนฝึกจิตขั้น 8 ถึงแดนฝึกจิตขั้น 9 รวมทั้งใช้ไผ่เด็ดอื่นๆ รวมกัน อาจจะพอทัดเทียมกับราชายุทธ์ขั้น 5 ได้
หลัวซิวพลิกมือเอากล่องส่งเสียงออกมา ก่อนจะส่งข่าวในกล่องส่งเสียงผ่านตราอันหนึ่ง
เจ้าของตราอันนี้ เป็นผู้รับผิดชอบระบบข่าวสารขององค์กรนักล่ายุทธ์ในประเทศเทียนหวู สถานะของเขาลึกลับ หลัวซิวเองก็ไม่เคยเห็นเขามาก่อนเช่นกัน
เขาได้ตราอันนี้มาเพราะในตอนแรกหลังจากที่เขาได้รับอำนาจของการเป็นอัจฉริยะขั้นดำระดับสูงมา จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงเป็นคนมอบตราอันนี้ไว้ในกล่องส่งเสียงของเขาด้วยตนเอง
“ผมอยากรู้ว่า ทำไมตระกูลเผยต้องจับตัวจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่งไปด้วย”
องค์กรนักล่ายุทธ์เป็นผู้ควบคุมแหล่งข่าวที่ละเอียดที่สุดบนใต้หล้าแห่งนี้ รวมทั้งเป็นเครือข่ายข่าวสารที่สมบูรณ์มากที่สุดอีกด้วย
เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น กล่องส่งเสียงของหลัวซิวก็ได้รับการตอบรับกลับมา
“ตอนนี้ยังไม่สามารถหาข้อมูลที่ชัดเจนได้ หากท่านชายหลัวต้องการจริงๆ ผมจะหาข้อมูลมาให้ได้ภายในระยะ 15 นาทีนี้”
“เร่งมือหน่อย” หลัวซิวส่งข่าวตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล
ผู้ส่งข่าวทำงานตรงเวลามาก ผ่านไป 15 นาทีพอดี เขาก็ตอบรับกลับมา
ทว่าในคำตอบนี้ ยังมีเรื่องราวอื่นๆ แฝงอยู่ด้วย
“ตามกฎขององค์กรนักล่ายุทธ์นั้น ท่านชายหลัวเป็นอัจฉริยะขั้นดำระดับสูง มีอำนาจเทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ ในขณะที่ได้อำนาจพิเศษจากองค์กร ในเวลาเดียวกันก็ต้องทำภารกิจภายใน ในฐานะสมาชิกให้สำเร็จด้วย”
“ตามข่าวที่องค์กรมีอยู่นั้น ตระกูลเผยแห่งเมืองยงฉีในประเทศเทียนหวูกำลังตามหาร่องรอยในสมัยโบราณอยู่ โดยสิ่งที่ตามหานั้นคือวิชามารที่มีชื่อว่าจับจิตพรากวิญญาณ หากต้องการฝึกวิชามารนี้ จะต้องมีความสัมพันธ์ลับๆ กับนักยุทธ์หญิงให้ได้ ระหว่างที่แย่งชิงหยวนหยินมานั้นก็ต้องแย่งชิงวิญญาณของอีกฝ่ายมาด้วย เพื่อให้ตนมีวิญญาณหยั่งรู้ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น”
“ด้วยเหตุนี้ องค์กรจึงได้ประกาศภารกิจกำจัดตระกูลเผย ภารกิจนี้มอบให้หลัวซิวเป็นผู้ดำเนินการ โดยกำหนดระยะไว้ทั้งสิ้น 3 ปี”
ตระกูลเผยแห่งเมืองยงฉี มีราชายุทธ์ 4 คนนั่งบัลลังก์ ผู้หนึ่งคือราชายุทธ์ขั้น 9 อีกสามคนคนราชายุทธ์ขั้น 4
ตระกูลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ หากไม่ได้จักรพรรดิยุทธ์มาช่วย ลำพังหลัวซิวแค่คนเดียวไม่มีทางทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ
ทว่าหลัวซิวอยู่ในองค์กรนี้ด้วยสิทธิพิเศษระดับจักรพรรดิยุทธ์ ดังนั้นภารกิจที่เขาต้องทำให้สำเร็จย่อมเป็นภารกิจในระดับเดียวกัน
ทว่าหลังจากที่หลัวซิวอ่านข่าวที่ได้รับมาจบ สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปในทางที่ย่ำแย่ขึ้นทันใด