มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 321 ท่านชายหลงไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
แม้ว่านางจะรู้ดีว่าต่อให้นางฆ่าคนพวกนี้ หลัวซิวที่ยังอยู่ในอาการสลบไสลอยู่นั้นก็ไม่อาจรับรู้ได้ แต่ในใจ นางกลับไม่อยากจะหักหลังความตั้งใจของหลัวซิว
มือเรียวชูขึ้นจับยันต์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ลำแสงหลายเส้นพุ่งตรงเข้าไปที่หว่างคิ้วของจวงหย้าเฟย ซินหรานหราน และคนอื่น ๆ เหยียนเยว่เอ๋อร์จึงได้กลายเป็นเปลวเพลิงพาหลัวซิวหนีไปด้วยความรวดเร็ว และหายเข้าสู่แสงสว่างบนท้องฟ้าอันไกลโพ้น
……
สามวันถัดมา กลางพื้นผ่าดิบชื้นใกล้ ๆ บ่อน้ำอมตะ
หลังจากที่ไม่ได้สติไปสามวันเต็มๆ เปลือกตาของหลัวซิวก็ค่อย ๆ ขยับ และในที่สุดก็ลืมตาขึ้น
วินาทีแรกที่เขาลืมตาขึ้นมา ก็ได้พบกับเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่มีสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจเรื่องของเขาอยู่ ดูเหมือนว่าเพราะเขาฟื้นขึ้น รอยยิ้มแห่งความโล่งใจจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
“เยว่เอ๋อร์อ่า ขอโทษนะที่ทำให้เจ้าต้องเป็นห่วง” หลัวซิวยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด
เหยียนเยว่เอ๋อร์ส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียน “เจ้านี่ ไม่รู้เลยหรือว่าคนคนหนึ่งฝึกตนสองอันดับในเวลาเดียวกันแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก? โชคดีที่เจ้าเพียงแค่สูญเสียผลการฝึกตนมากเกินไป ถึงที่ได้รับบาดเจ็บในภายหลัง …”
“อย่ากังวลเลย ข้ารู้ขีดจำกัดของข้าดี เพียงแค่ผลการฝึกตนของข้าต่ำเกินไป ถึงยังไม่สามารถเชี่ยวชาญกลอุบายนั้นได้ดี” หลัวซิวพูดปลอบนาง
แน่นอนว่าเขารู้ดี ว่าการฝึกตนสองระดับในเวลาเดียวกันนั้นมันมีความเสี่ยงมหาศาลเพียงใดแต่ที่แตกต่างก็ไปก็คือ เขามีลูกแก้วความเป็นตายสิ่งล้ำค่าชนิดนี้ที่แปรเปลี่ยนโดยกฎดั้งเดิม พลังAttrแห่งความเป็นความตายสองระดับ ภายในร่างกายของเขานั้นไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยที่ว่านอนสอนง่าย จะไม่เกิดความขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่ความสมดุลที่ละเอียดอ่อนนั้นที่จะค่อย ๆ เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะไม่สร้างความเสียหายและอันตรายแก่เขาแม้แต่น้อย
เพียงแค่เรื่องพวกนี้ เขาก็ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ถึงแม้เหยียนเยว่เอ๋อร์จะเป็นคนใกล้ชิดของเขาก็ตาม แต่หลัวซิวก็ยังไม่มีแผนที่จะบอกนาง นอกเสียจากว่าพลังแห่งผลการฝึกตนสามารถไปถึงในระดับที่มั่นคงแล้ว
ในขณะนี้ หลัวซิวกำลังสำรวจภายใน พบว่าบาดแผลของตนนั้นไม่ได้รุนแรงอะไร เพียงแค่ถูกผลพวงของพลังที่กวาดเข้ามา ร่างกายบาดเจ็บเล็กน้อย ระหว่างสามวันที่สลบไปนั้น ภายใต้การฟื้นฟูตนเองของพลังจิตแท้สองระดับความเป็นตาย รวมกับเหยียนเยว่เอ๋อร์ได้ให้เขากินยารักษาตัว บาดแผลนั้นก็หายดีเกินครึ่งแล้ว
จุดที่ค่อนข้างรุนแรง ภายในร่างกายนั้นเส้นลมชีพจรบางแห่งถูกทำลาย จำเป็นต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งจึงจะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้เป็นปกติ
น่าเสียดายไม่น้อยที่ครั้งนี้ไม่สามารถกระตุ้นผู้เป็นอมตะ ไม่เช่นนั้นหลัวซิวก็คิดว่าถึงแม้ตนจะไม่สามารถบรรลุถึงแดนราชายุทธ์ได้ ก็ยังสามารถพัฒนาพลังขึ้นได้อย่างมหาศาล
“แล้วผู้อาวุโสเสวียนหยางล่ะ? ตายหรือยัง?” หลัวซิวเอ่ยปากถามเหยียนเยว่เอ๋อร์
“ตายแล้ว หากไม่ใช่เพราะการโจมตีนั้นของนายทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ข้าก็ไม่มีทางฆ่าเขาได้เลย” เหยียนเยว่เอ๋อร์หัวเราะ มือก็เขย่าแหวนเก็บของไปมา ราวกับว่าเป็นเด็กน้อยที่อวดของมีข้าของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
“เด็กน้อยของข้า วิธีนั้นของเจ้าช่างเก่งกาจเสียจริง แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าก่อน ว่าจะไม่ใช้วิธีนั้นพร่ำเพรื่อ เพราะถึงแม้พลังสองระดับจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังมีเล็กน้อยที่ไม่สามารถควบคุมได้ หากเจ้าตายไป ข้าจะทำอย่างไร?” ริมฝีปากแดงของเหยียนเยว่เอ๋อร์ประทับลงบนหน้าผากของหลัวซิวเบา ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ความอ่อนโยนนี้ก็พอจะละลายทุกอย่าง ถึงแม้หลัวซิวจะรู้ว่าตนนั้นไม่มีทางที่จะถูก ผลสะท้อนจากพลังสองระดับจนได้รับอันตราย แต่ความห่วงใยของเหยียนเยว่เอ๋อร์ กลับทำให้ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น
“เจ้าวางใจเถอะ ข้ารับปากเจ้าว่าจะไม่ใช้วิธีนั้นพร่ำเพรื่อ” เขาเอื้อมมือไปจับประคองใบนุ่มละมุนของเหยียนเยว่เอ๋อร์
และในเวลานี้เอง แสงสีเงินผ่าฟาดลงมาในชั่ววินาที เสียงปังดังขึ้น ร่างของอสูรกายตัวหนึ่งล่วงหล่นลงกับพื้น
“ให้ตายเถอะ ท่านชายหลงตาเกือบบอด!”
หลงหมิงที่เพิ่งกลับมาจากการออกไปล่า เห็นฉากหวานแหววระหว่างหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ ก็ร้องเสียงหลงขึ้นมา สองอุ้งเท้าถูกยกขึ้นมาปิดตาใหญ่ ๆ นั้นไว้
“ข้าท่านชายหลงไม่เห็นอะไรทั้งนั้น พวกเจ้าต่อได้ ๆ …”
ใบหน้าสวยของเหยียนเยว่เอ๋อร์เต็มไปด้วยความเย็นชา ยกมือขึ้นโบกสะบัด เปลวเพลิงพลังจิตแท้หลวมรวมเป็นแส้ยาว กวาดเอาหลงหมิงม้วนเข้ามาและสะบัดออกไปไกลไม่ต่ำกว่าร้อยเมตร
“โอ้วว! พวกเจ้าตั้งใจจะฆ่าปิดปกมังกรหรือไง …” หลงหมิงร้องเสียงหลง
หลายวันถัดมา หลัวซิว ยังคงรักษาตัวอยู่ที่กลางป่าดิบชื้นแห่งนี้ เกี่ยวกับเรื่องจัดการกับปัญหาของพวกจวงหย้าเฟยและซินหรานหราน เขาก็ได้รับรู้มาจากปากของเหยียนเยว่เอ๋อร์ เจ้าพวกนั้นถูกนางผนึกความทรงจำบางส่วนไว้
การจัดการปัญหาเช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นวิธีการที่ดี ไม่เพียงแต่ทำให้ข้อมูลของถ้ำโบราณเล็ดลอดออกไป ยังทำให้พวกของจวงหย้าเฟยและซินหรานหราน ที่เป็นผู้บริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงหายนะแห่งความตายได้
ตราผนึกแห่งความทรงจำนี้ไม่ถาวร สำหรับเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่มีผลการฝึกตนระดับจักรพรรดิยุทธ์ ใช้เวลาเพียงสิบวันหรือครึ่งเดือน ระดับจวงหย้าเฟยก็จะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้
เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกของหลัวซิวก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องของถ้ำโบราณได้แล้ว
ในระหว่างที่เข้ารักษาตัวอยู่นั้น เหนือบ่อน้ำอมตะก็ได้มีลมหายใจอันทรงพลังพัดผ่านไปมา เห็นได้ชัดว่าการตายของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ ได้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับโลกภายนอกเป็นอย่างมาก
เพราะบาดแผลทางกายไม่ร้ายแรง ดังนั้นหลัวซิวใช้เวลาไม่ถึงสองวัน ก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์
เขาหยิบกล่องส่งเสียงออกมา ติดต่อผู้ดูแลรายงานแห่งองค์กรนักล่ายุทธ์ สอบถามว่าทางด้านสำนักเสวียนหยางและเมืองไห่หยุน มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่
จากการรวบรวมข้อมูลขององค์กรนักล่ายุทธ์ หลัวซิวได้รู้ว่าผู้อาวุโสเสวียนหยาง ผู้เป็นถึงจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง ก็ถูกเกลียวคลื่นแห่งตราเทพจิตจดจำอยู่ภายในสำนัก และเมื่อตัวตายไปแล้ว การจดจำของตราเทพจิตก็ถูกทำลายหายไปด้วย สำนักก็สามารถรับรู้การตายของเขาได้ในทันที
เรื่องนี้ทำให้ภายในสำนักเสวียนหยางเกิดความโกลาหล ถึงอย่างไรก็เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่ง สามารถเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดพลังต่อสู้หนึ่งของสำนัก แต่เมื่ออาจารย์ระดับมกุฏยุทธ์หมดสิ้นชีวิต มกุฏยุทธ์คนใหม่ก็จะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์
ดังนั้นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ยิ่งมากเท่าไร การสร้างมกุฏยุทธ์ผู้แข็งแกร่งก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ทั้งสำนักเสวียนหยางเดิมทีก็มีจักรพรรดิยุทธ์เพียงแค่สองคนเท่านั้น ตอนนี้มีคนถูกโค่นลงไปแล้วหนึ่งคน ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
การสูญเสียเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะชดเชยทรัพยากรจำนวนมหาศาล เพราะการเกิดผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่มีทรัพยากรและพรสวรรค์เพียงพอก็จะเกิดได้ ยังต้องการโอกาสและการฝึกตนอันยาวนานที่หลอมรวมกัน
แน่นอน ความตายของผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์เพียงคนหนึ่ง ไม่มีทางที่จะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของสำนักเสวียนหยาง เพียงแค่อาจารย์มกุฏยุทธ์ยังคงอยู่ ตำแหน่งของสำนักเสวียนหยางก็จะไม่มีวันถูกสั่นคลอน
แต่ความหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ กลับไม่ใช่เรื่องปกติ ว่ากันว่าแม้แต่อาจารย์ระดับมกุฏยุทธ์ต่างก็ลงมือด้วยตนเอง
ตามที่มีรายงานจากองค์กรนักล่ายุทธ์ สำนักเสวียนหยางในตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันสาเหตุการตายของผู้อาวุโสเสวียนหยาง และก็ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งได้อย่างไร รู้เพียงแค่ว่าหลังจากที่ผู้อาวุโสเสวียนหยางออกจากสำนักไป ก็ตรงไปที่บ่อน้ำอมตะ
ดังนั้น ในช่วงเวลาสองวันที่หลัวซิวรักษาตัวอยู่นั้น พลังแข็งแกร่งจากทุกทิศทั่วทั้งบริเวณบ่อน้ำอมตะ เหมือนว่าจะถูกผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักเสวียนหยางค้นหาจนทั่วฟ้ามัวดิน ผู้คนต่างพลุกพล่านหวาดกลัว
นี่คือเหตุผลที่ในสองวันนี้เขามักจะรู้สึกได้ว่ามีพลังชีวิตแห่งผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์บินข้ามฝากฟ้าไปมา