มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 322 จับปลาในน้ำขุ่น
“ได้แต่หวังว่าที่อยู่นั้นของถ้ำโบราณ จะไม่ถูกผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักเสวียนหยางค้นพบ”
หลังจากที่อาการบาดเจ็บหายดีแล้ว หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ก็ลงไปในบ่อน้ำอมตะด้วยกัน ตามตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ลับ ก็มาถึงที่ตั้งของถ้ำโบราณในพื้นที่นั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็ปรากฏขึ้น พลังชีวิตที่เข้มข้นนั้นปรากฏขึ้นที่นี่ ทุกคนต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ขึ้นไป
เมื่อไม่กี่วันก่อน สงครามใหญ่ระดับจักรพรรดิยุทธ์เคยเกิดขึ้นที่นี่ แม้ว่าในตอนแรกหลัวซิวสร้างค่ายกลป้องกัน ทำให้ทางฝั่งของผู้อาวุโสเสวียนหยางพวกนั้นไม่สามารถส่งสาร และกักกันคลื่นลมหายใจแห่งพลังจิตแท้ไม่ให้รั่วไหล
แต่ต่อมา หลังจากที่เขาและเหยียนเยว่เอ๋อร์ออกจากที่นี่ เพราะการตายของผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์ สำนักเสวียนหยางจึงได้ค้นหาทั่วทั้งบ่อน้ำอมตะ พบร่องรอยของการต่อสู้ที่มีอยู่ที่นี่ และเศษเสี้ยวพลังชีวิตของผู้อาวุโสเสวียนหยาง
คนจากสำนักเสวียนหยางขุดพื้นที่นี้ลงไปในดินราวสามฟุต ทางเข้าของถ้ำโบราณแม้จะซ่อนเร้นอยู่ แต่ก็ยังถูกค้นพบ
หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์แค่เฝ้ามองอยู่ไกล ๆ ไม่ได้เร่งรีบที่จะเข้าไป เพราะสำนักเสวียนหยางพื้นที่หลายร้อยลี้รอบนี้ถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์
“เราควรทำอย่างไร?” เหยียนเยว่เอ๋อร์หันไปมองคนข้าง ๆ ที่หน้าตาอึมครึมอย่างหลัวซิว
คนทั้งสองรีบทางมาถึงที่นี่กว่าพันลี้ อุตส่าห์ฆ่าผู้อาวุโสเสวียนหยางอย่างยากลำบาก จนกระทั่งมาถึงถ้ำโบราณปริศนาแห่งนี้ที่สุดท้ายก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้
……
กลางสำนักเสวียนหยางที่ถูกปิดผนึกอยู่นั้น เป็นหนองน้ำแห่งหนึ่งที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
เพียงแต่ว่าด้านล่างของหนองน้ำที่ในเวลานี้ถูกเปิดออก และกระแสน้ำวนแห่งปริภูมิก็หมุนวนอย่างเงียบ ๆ ราวกับปากใหญ่ ๆ ของอสูรกายเก่าแก่ ที่รอจะกินคนที่ผ่านเข้ามา
บนท้องฟ้าเหนือหนองบึงนี้ ร่างสิบร่างในชุดคลุมสีทอง ทะยานขึ้นไปสู่บนท้องฟ้าและยืนอยู่กลางอากาศ
“ไม่แปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสเสวียนหยางจะเข้าไปในบ่อน้ำอมตะอย่างเงียบเชียบเช่นนี้ เขาน่าจะค้นพบทางเข้าของถ้ำโบราณแห่งนี้แล้ว คงจะต้องการสำรวจคนเดียว และเก็บสมบัติที่อยู่ภายในนั้นไว้คนเดียว”
คนแรกที่พูดคือผู้หญิงที่สวมหน้ากากครึ่งสีทอง และเสียงของนางที่เปล่งออกมานั้นดังและชัดเจน
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะถูกเปิดเผยเพียงครึ่งเดียว แต่ก็ยังสวยงามมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่กล้าดูหมิ่นนางเพียงเพราะนางเป็นผู้หญิง เพราะผู้หญิงลึกลับที่สวมหน้ากากครึ่งสีทองคนนี้คือเจ้าสำนักเสวียนหยาง!
เมื่อโดยรอบของประเทศเทียนหวู มีสามมหาอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุด และสำนักเสวียนหยางคือหนึ่งในนั้น ผลการฝึกตนของเจ้าสำนักเสวียนหยาง คือผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสี่
“เจ้าสำนัก ผู้อาวุโสเสวียนหยางน่าจะถูกคนทำร้าย ในประเทศเทียนหวูแห่งนี้ คนที่สามารถสังหารผู้อาวุโสเสวียนหยางได้นั้นมีจำนวนเพียงหยิบมือ ข้าเกรงว่าความลับของถ้ำโบราณแห่งนี้ พวกเราสำนักเสวียนหยางคงจะไม่ใช่คนแรกที่ค้นพบ” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความเคารพ
“เราต้องเชิญท่านอาจารย์ออกมาหรือไม่?” ผู้คุมกฎอีกคนพูดขึ้น
สำนักเสวียนหยางมีจักรพรรดิยุทธ์สองคน คนหนึ่งคือเจ้าสำนักเสวียนหยาง อีกคนคือผู้อาวุโสเสวียนหยาง
ในตอนนี้ผู้อาวุโสเสวียนหยางได้ตายไปแล้ว ภายในสำนักเสวียนหยาง เหลือเพียงแค่เจ้าสำนักหญิงผู้นี้ที่เป็นจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง
ภายใต้การบังคับบัญชาของนาง ทั้งเก้าคนนั้น ต่างก็คือราชายุทธ์ผู้คุมกฎแห่งสำนักเสวียนหยาง
ทั่วทั้งประเทศเทียนหวู ระดับราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งมีไม่ถึงสามสิบคน และแค่เพียงในสำนักเสวียนหยาง ก็มีผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์แล้วเก้าคน นี่คือรากฐานอันทรงพลังของอำนาจเหนือธรรมชาติ
“อาจารย์คือมกุฏยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง ขยับเพียงเล็กน้อยก็เลือนลั่นทั่วทั้งปฐพี หากว่าท่านอาจารย์มาเยือนที่แห่งนี้ด้วยตนเอง ไม่ว่าใครก็คงจะรู้ได้อย่างง่ายดายว่าที่แห่งนี้มีขุมทรัพย์มหาศาล ถือเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงตำหนักจื่อและสำนักฉางเหอ เมืองอันห่างไกลที่มีมกุฏยุทธ์ผู้แข็งแกร่งคอยกุมอำนาจไว้ เกรงว่าจะรีบรุดมาทำให้วุ่นวายขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ”
เจ้าสำนักเสวียนหยางส่ายหน้า เป็นการปฏิเสธข้อเสนอนี้
“อีกอย่าง ในถ้ำโบราณแห่งนี้ จะมีสมบัติวิเศษใดที่ควรค่าพอให้ท่านอาจารย์ต้องออกแรงหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ตัวตนของท่านอาจารย์นั้นละเอียดอ่อน หากไม่ถึงกับเป็นทางตันจริง ๆ ก็ไม่ควรไปรบกวนท่านอาวุโส”
“เมื่อครู่ข้าเองก็ลองดูแล้ว ทางเข้าซากโบราณสถานนี้คือกระแสน้ำวนแห่งปริภูมิแห่งหนึ่ง พลังการบีบรัดนั้นน่าหวาดหวั่นมากเพียงแต่ว่าหลังจากผ่านไปหลายปี การห้ามเข้าก็ไม่ได้รัดกุมถึงเพียงนั้นแล้ว จักรพรรดิยุทธ์หลายคนรวมมือกันโจมตี น่าจะพอฝืนเปิดมันออกได้”
เจ้าสำนักเสวียนหยางสองมือไพล่หลัง น้ำเสียงราวกับกำลังพูดถึงขุนเขาที่สวยงามแห่งหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้า ๆ “ถึงอย่างไร ปริศนาแห่งถ้ำโบราณแห่งนี้ไม่ใช่เพียงข้าคนเดียวที่รู้ อีกไม่นาน อย่างไรก็ต้องมีผู้แข็งแกร่งแห่กันมา เมื่อถึงเวลานั้นเราก็จะอาศัยกำลังของพวกเขา เพื่อเปิดทางเข้าของถ้ำโบราณแห่งนี้!”
“เจ้าสำนัก หากว่าอาจารย์มกุฏยุทธ์แห่งตำหนักจื่อและสำนักฉางเหอ…” ผู้คุมกฎคนหนึ่งมีสีหน้ากังวลใจ
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราท่านอาจารย์ของพวกเราสำนักเสวียนหยาง แน่นอนว่าจะไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน” เจ้าสำนักเสวียนหยางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
……
ห่างไปร้อยลี้ หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์เก็บพลังชีวิต ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดมิดแห่งหนึ่ง
พลังชีวิตของผู้แข็งแกร่งกระจายไปด้านหน้า ทำให้เขาทั้งสองไม่กล้าพลีพล่ามเข้าไปใกล้นัก แม้กระทั่งตัวสำนึกเองก็ยังไม่กล้าที่จะปล่อยออกไปเพื่อตรวจตรา
“อย่างน้อย ๆ ต้องมีจักรพรรดิยุทธ์หนึ่งคน ราชายุทธ์เจ็ดถึงแปดคน!” เหยียนเยว่เอ๋อร์หน้านิ่วคิ้วขมวด
“อาจารย์เสวียนหยางล่ะ?” หลัวซิวพูดเสียงราบเรียบ
เหยียนเยว่เอ๋อร์ส่ายหน้า “เพราะว่าข้าเก็บพลังชีวิตแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงจะสามารถสัมผัสได้ แต่อาจารย์ระดับมกุฏยุทธ์ โดยปกติจะระมัดระวังตัวอย่างมาก ดังนั้นอาจารย์แห่งสำนักเสวียนหยางคงจะยังไม่ได้มาที่นี่”
อาจารย์ผู้แข็งแกร่งที่มีผลการฝึกตนบรรลุถึงระดับมกุฏยุทธ์ นั่นหมายถึงแทบจะบรรลุถึงแดนมนุษย์และสวรรค์รวมกันเป็นหนึ่งอยู่แล้ว ตัวสำนึกนั้นอ่อนไหวอย่างอย่างมาก ต่อให้ทั้งสองจะหลบอยู่ในเงามืดที่ห่างไกลนับร้อยลี้ ก็ไม่อาจหลบซ่อนตัวสำนึกของอาจารย์ระดับมกุฏยุทธ์ได้
เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็คิดตามข้อมูลเหล่านี้ จึงตัดสินได้ว่าอาจารย์แห่งสำนักเสวียนหยางได้อยู่ในที่แห่งนี้
“ถึงแม้อาจารย์ระดับมกุฏยุทธ์ไม่มา แต่เจ้าสำนักเสวียนหยางน่าจะมาแล้วอย่างแน่นอน แม้ในยามรุ่งเรืองของข้า ข้อเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางอยู่ดี” เหยียนเยว่เอ๋อร์เอ่ยเช่นนี้
“สำนักเสวียนหยางต้องการกลืนกินซากโบราณสถานแห่งนี้หรือ?” สีหน้าหม่นมองของหลัวซิวเผยให้เห็นรอยยิ้มเยือกเย็นเล็กน้อย พลิกมือหยิบกล่องส่งเสียงออกมาจากแหวนเก็บของ
เมื่อเห็นการกระทำนี้ของหลัวซิว เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาต้องการทำอะไร
“น้ำขุ่นเท่านั้นถึงจะง่ายต่อการจับปลา หากน้ำใสเช่นนี้เราคงเข้าไปไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นเราก็จัดการกวนน้ำให้ขุ่นเสียเลย” ตัวสำนึกเคลื่อนไหว หลัวซิวก็ใช้กล่องส่งเสียงส่งข้อความออกไปหลายข้อความ
จากนั้นไม่นาน ข้อความหนึ่งก็ถูกส่งออกไปหลายหมื่นลี้ เสียงหนึ่งถูกส่งออกมาจากกล่องส่งเสียง ดังเข้ามาในหูของหลัวซิว
“เจ้ารออยู่ที่นั่นก่อน ข้าจะไปถึงภายในอีกสองวัน”
เป็นข้อความจาก‘จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง’แห่งองค์กรนักล่ายุทธ์ศูนย์ใหญ่ประเทศเทียนหวูส่งเข้ามา มูลค่าของซากปรักหักพังโบราณนั้นนับไม่สามารถประเมินได้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเช่นจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง ก็ยังต้องหวั่นไหว แน่นอนว่าจะต้องรีบมาด้วยตนเองอย่างแน่นอน
ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฏยุทธ์แค่ขยับตัวก็เลือนลั่นทั่วทั้งปฐพี จำเป็นต้องนั่งบัลลังก์อยู่ที่สำนักเพื่อดุลอำนาจจากทั้งสี่ทิศ ไม่ออกมาปรากฏตัวง่าย ๆ ดังนั้นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ในประเทศเทียนหวูและแผ่นดินใหญ่โดยรอบ ต่างก็เป็นกำลังรบชั้นยอดอยู่แล้ว
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ เรื่องราวเกี่ยวกับการปรากฏขึ้นของซากโบราณสถานใกล้บ่อน้ำอมตะในไม่ช้ามันก็ถูกส่งผ่านไปยังหูของกองกำลังอันยิ่งใหญ่ของทุกฝ่าย
ด้วยพลังของสำนักเสวียนหยาง ไม่สามารถเปิดเกราะป้องกันกระแสน้ำวนแห่งปริภูมิซึ่งเป็นทางเข้าของสถานที่แห่งนี้ได้ข้าใด ข้อมูลที่แพร่กระจายออกไปก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ข้านั้น
ผ่านไปสองวัน จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงก็มาถึงด้วยตนเอง หลังจากนั้นไม่นานผู้แข็งแกร่งแห่งราชวงศ์ตระกูลฝาน ตำหนักจื่อและสำนักฉางเหอก็ตามกันมาดั่งสายน้ำที่ไหลหลาก