มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 337 มือสังหารว่านที่สิ้นหวัง
“เจ้าหนุ่ม ไปตายซะ!”
เทพจิตของว่านเหลียงเฉิงก้าวออกมาอย่างกะทันหัน ยื่นมือออกไปจับ เจตนาสังหารผนึกรวมกลายเป็นดาบยาวสีแดงเลือด ฟันลงไปที่วิญญาณดั้งเดิมของหลัวซิว
เนื่องจากวิญญาณดั้งเดิมของหลัวซิวยังไม่ถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ ไม่ได้ผนึรวมตัวกลายเป็นเทพจิต เ มันจึงดูเหมือนหมอกหนาทึบ
แค่ทำลายหมอกที่สร้างวิญญาณดั้งเดิมที่นี้ลงไป ว่านเหลียงเฉิงสามารถกลืนกินดั้งเดิมและครอบครองร่างกายของเขา
“บูม!”
การฟันด้วยดาบครั้งนี้ ว่านเหลียนเฉิง ไม่ได้สงวนไว้แม้แต่น้อย ไม่สนใจการสูญเสียของเทพจิตของเขาทั้งนั้น และต้องการจะฆ่าเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
โล่สีดำขาวที่เปลี่ยนแปลงมาจากปราณเป็นตาย 2 ระดับ ถูกดาบยาวสีแดงเลือดแทงทะลุทันที
ว่านเหลียงเฉิงแสดงรอยยิ้มที่น่าสยดสยองออกมา และเมื่อดาบของเขากำลังจะแทงโดนวิญญาณดั้งเดิมของหลัวซิวแล้วหมุนมันให้แหลกสลาย ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
เปลวไฟสีน้ำตาลแดงก็พุ่งออกมาราวกับมังกรที่ดุร้าย อ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือดเพื่อจะกลืนว่านเหลียนเฉิงเข้าไปในคำเดียว
ภาพกะทันหันนี้ทำให้ว่านเหลียนเฉิงหน้าซีดด้วยความตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปลวเพลิงกระจายพลังที่ทำให้ใจสั่น เขาจึงต้องถอยอย่างรวดเร็ว และทำได้เพียงให้โอกาสที่ดีที่สุดที่จะสังหารหลัวซิวหลุดรอดไปเท่านั้น
ข้างหน้า ข้างหลัวซิว เปลวไฟสีน้ำตาลแดงลอยขึ้นและก่อตัวเป็นทะเลเพลิง
ในทะเลเพลิงนี้ เด็กน้อยในร่างทารกมนุษย์กำลังหาว ดูเหมือนจะเพิ่งตื่นจากการนอนหลับสนิท
เปลวเพลิงเหล่านี้ คืออัคคีกลืนกิน เจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนเด็กทารกนี้ก็คือภูตอัคคีกลืนกิน
โดยปกติ เนื่องจากภูตอัคคีกลืนกินอยู่ในระยะการเจริญเติบโต เวลาส่วนใหญ่จะหลับลึก ดูดซับเปลวเพลิงที่สะสมมาได้ตอนอยู่ใต้ดินเพื่อเพิ่มตนเอง
คราวนี้ มันถูกหลัวซิวปลุกให้ตื่น และย้ายจากจุดตันเถียนไปยังวิญญาณหยั่งรู้ เพื่อช่วยเขาต้านทานการคุกคามของ ว่านเหลียงเฉิง ผู้ที่แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์นี้
ในฐานะ จักรพรรดิยุทธ์ ว่านเหลียงเฉิง นับเคยรู้เคยเห็นมาก่อน เมื่อเห็นทารกตัวเล็กกำลังหาวอยู่ในทะเลไฟ รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงทันที
“ภูตอัคคี?” เขามีชีวิตอยู่มาพันกว่าปีแล้ว และไม่เคยตกใจขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาเห็นสิ่งเหลือเชื่อต่างๆ ในตัวหลัวซิว เขาแทบมึนงงจนแทบช็อก เหมือนความตกตะลึงทั้งชีวิตใช้ในตอนนี้หมดแล้ว
แม้จะอยู่ในสมัยโบราณ วิญญาณแห่งฟ้าดิน ยังต้องถูกแย่งชิงโดยผู้แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วน สมบัติล้ำค่านี้ ทุกครั้งที่ปรากฏขึ้นในโลก ย่อมทำให้เกิดพายุนองเลือดอย่างแน่นอน
หกร้อยว่าปีที่แล้ว ว่านเหลียงเฉิงจำได้ชัดเจนมาก ในขณะนั้น เขายังอยู่ในแดนราชายุทธ์ ได้ยินมาว่าในโลกแสงดาวมี ภูตทองทำลายล้างปรากฏออกมา เพื่อแย่งชิง ภูตทองทำลายล้าง แม้จอมยุทธ์มกุฏยุทธ์ หลายผู้ถึงกับเสียชีวิตลง !
เขาคาดไม่ถึงว่า เขาจะโชคดีพอที่จะเห็นภูตอัคคี!
วิญญาณแห่งฟ้าดินเกิดปัญญาอันเรียบง่ายแล้ว เจ้าตัวเล็กที่กำลังหาว จ้องไปที่ว่านเหลียนเฉิง ด้วยดวงตาสีน้ำตาลแดง
มันโบกมือเล็กๆของมัน แล้วพูดอะไรบางอย่าง อย่างทารก หมายความว่าเจ้าคือผู้ที่เจ้านายข้าขอให้ข้าจัดการใช่ไหม?
แต่ว่านเหลียงเฉิงไม่สามารถเข้าใจภาษาของมันได้
เห็นมันอ้าปากเล็กๆ ของมันและสูดลมหายใจ หลับเหมือนกับปลาคุนนกเผิงโบราณ กลืนกินท้องฟ้า ได้ปล่อยพลังดูดกลืนวิญญาณขนาดใหญ่ ปกคลุมว่านเหลียนเฉิง
ในเวลานี้ ว่านเหลียงเฉิงยังคงตกตะลึง วินาทีที่เขาถูกห่อหุ้มด้วยพลังดูดกลืนวิญญาณ เขาก็ระเบิดพลังเทพจิตของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว หลุดพ้นจากข้อจำกัดของพลังดูดกลืน ถอยกลับอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวก่อน… พลังของภูตอัคคี ดูเหมือนจะไม่แข็งแกร่งขนาดนี้?” ว่านเหลียนเฉิงที่ก้าวถอยหลัง หรี่ตาลงทันใด
ชื่อเสียงของวิญญาณแห่งฟ้าดินดังมาก จนทำให้ลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ เขาสังเกตดูดีๆ จึงพบว่าภูตอัคคีที่อยู่ตรงหน้าเขา แล้วลักษณะพลังที่แสดงออกมาเป็นพลังที่แข็งแกร่ง แต่ความจริงพลังปราณที่ปล่อยออกมานั้นอยู่ในระดับราชายุทธ์เท่านั้น
การค้นพบนี้ ทำให้ว่านเหลียงเฉิงเปลี่ยนจากความตะลึงเป็นความปิติยินดี “ฟ้าช่วยช่วยข้าจริงๆ! ไม่เพียงแต่จะได้ร่างกายที่มีความสามารถพิเศษนี้ แต่ถ้ายังสามารถพิชิตภูตอัคคีอีกตัวหนึ่งเพื่อใช้เองได้ โลกใบนี้ ใครสามารถทำให้ข้ากลัวได้?”
ภายใต้การกระตุ้นของความโลภ ว่านเหลียงเฉิงรีบพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลใดๆ
หลังจากที่เทพจิตออกมาจากยาทองเข้าไปในวิญญาณหยั่งรู้ของหลัวซิว ใช้เวลาไปนานมากแล้ว เขาต้องฌจมตีให้เสร็จอย่างรวดเร็ว
“อุแว้!”
ภูตอัคคีกลืนกินโบกมือเล็กๆของมัน ทะเลเพลิงสีน้ำตาลแดงก็รุนแรงขึ้น จู่ๆ ก็กลายเป็นภูตอัคคีสิงโตพลิงทอง จากนั้นเปลี่ยนไปอีกครั้ง และมังกรไฟที่ส่ายหัวและหางก็พุ่งออกมา
ภูตอัคคีกลืนกินในขณะนี้ เปรียบเสมือนเด็กที่กำลังเล่นของเล่นอย่างสนุกสนาน
ว่านเหลียงเฉิงไม่สามารถสนใจเรื่องพลังเทพจิตของตัวเองที่สูญเสียไป และเขาใช้พลังตัวสำนึกสร้างเจตนาสังหารเพื่อปกป้องร่างกายของเขา และรีบวิ่งเข้าไปในทะเลเพลิงที่โหมกระหน่ำ
ภายใต้การเผาไหม้ของภูตอัคคีกลืนกิน เทพจิตของเขาหมดลงเร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะหนึ่งในพลังของภูตอัคคีกลืนกินก็คือการกินและเผาทุกอย่าง!
แม้แต่พลังตัวสำนึกหรือพลังวิญญาณเทพจิตพวกนี้ ก็สามารถกลืนกินและเผาได้
ในที่สุด สีหน้าของว่านเหลียนเฉิงก็เปลี่ยนสี เขาพบว่าแม้ลมปราณของภูตอัคคีจะเทียบเท่ากับราชายุทธ์ แต่อัคคีวิญญาณที่มันควบคุมนั้นประหลาดมาก ก่อนที่เขาจะพุ่งไปถึงตรงหน้ามัน พลังเทพจิตจะหมดไปก่อนจนกลายเป็นความว่างเปล่า
“ถอย!”
ใบหน้าของว่านเหลียงเฉิงเต็มไปด้วยเสียดาย เขารู้ดีว่าเขาพลาดโอกาสเดียวที่จะชนะ ทันทีที่เทพจิตถอนตัวจากวิญญาณหยั่งรู้ของหลัวซิว ต่อไปเขาจะต้องได้รับการแก้แค้นจากหลัวซิวอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะทำยังไง เลือกอย่างไร ดูเหมือนว่าผลลัพธ์สุดท้ายคือคำว่าตายเท่านั้น!
ใบหน้าของหว่านเหลียนเฉิงดูโหดเหี้ยม ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัว ทันใดนั้นเขาก็ตัดสินใจ “ไม่ว่ายังไงก็ตายเหมือนกัน หลังจากที่ข้าถอยออกไป ข้าจะจุดชนวนยาชีวี จะต้องทำให้ไอ้สารเลว หลัวซิวและจักรพรรดิยุทธ์จักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่ง นางร่านนั่น ระเบิดตายพร้อมกัน!”
เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะหลัวซิวกำลังทะลุแดนราชายุทธ์ และเหยียนเยว่เอ๋อร์ ตามที่เขารู้มา ยังคงสลบอยู่ ไม่มีใครสามารถหยุดเขาระเบิดยาเทพจิตได้
“ดึงเจ้าสองคนไปตามด้วยกัน!”
ว่านเหลียงเฉิงยิ้มอย่างชั่วร้าย เทพจิตกลายเป็นม่านแสงเลือด บินออกไปจากวิญญาณหยั่งรู้ของหลัวซิว
“อุแว้ อุแว้…”
ภูตอัคคีกลืนกินโบกแขนเล็ก ๆ ที่บอบบางของมัน ดูเหมือนว่ากำลังส่งเสียงบอกว่า ถ้ากล้าก็กลับมาสู้กันอีกครั้ง
แต่ว่านเหลียงเฉิงลอยออกไปพร้อมกับความคิดที่จะพินาศไปด้วยกัน สีหน้าเขาหวาดกลัวเมื่อเห็นหลัวซิวจับเทพจิตของเขาโยนเข้าไปในปาก เขารู้สึกตกใจเมื่อเห็นว่า หลัวซิวคว้า ยาเทพจิตของเขาแล้วโยนมันเข้าปากของเขาโดยตรง
“อย่า!……”
เขาส่งเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เหตุผลที่เขากลืนเทพจิตเข้าไป ไม่ใช่เพราะหลัวซิวเดาออกว่าว่านเหลียงเฉิงจะพินาศไปพร้อมกับเขา แต่เพราะเขาอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการทะลุแดน และพบว่าพลังผู้เป็นอมตะสะสมอยู่ในร่างกายในช่วงสามวันที่สลบไปนั้นไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงจะใช้พลังจิตแท้ มาช่วยตัวเองได้