มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 362 ฝึกตนสำเร็จ
ในตอนแรก ตอนที่เขาเข้าใจผังกฎดั้งเดิมรูปที่หนึ่งอย่างถ่องแท้ ก็ได้เข้าใจตราธรรมจุติมรณะซึ่งเป็นทักษะยุทธ์ที่ทรงพลังด้วย
ในเวลานี้ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจผังกฎดั้งเดิมรูปที่สองแล้วอย่างถ่องแท้เช่นกัน และโดยไม่ทันได้รู้ตัวเขาก็ได้เข้าใจวิชากลั่นร่างที่ลึกซึ้งเช่นนี้!
ไม่ใช่วรยุทธ์กลั่นร่าง แต่เป็นวิชากลั่นร่าง แม้ชื่อจะแตกต่าง แต่ในความเป็นจริงมีความแตกต่างอย่างมาก
จอมยุทธ์คนหนึ่ง หากจะฝึกตนสองแบบในเวลาเดียวกัน ก็ต้องฝึกตนด้วยวรยุทธ์สองชนิด ชนิดแรกคือผนึกวรยุทธ์การรวมพลังจิตแท้ อีกชนิดคือวรยุทธ์การกลั่นร่าง
ด้วยวิธีนี้ จึงจำเป็นต้องจัดสรรพลังงานให้มากขึ้น หากว่าฝึกตนและวิญญาณวรยุทธ์ในเวลาเดียวกัน มันจะใช้พลังงานมากขึ้น
ดังนั้นจอมยุทธ์จำนวนมากต่างก็เลือกฝึกในระบบใดระบบหนึ่ง หรือเลือกฝึกพลังจิตแท้เป็นหลัก หรือไม่ก็ฝึกตนเป็นหลัก หรือแม้กระทั้งฝึก วิญญาณตัวสำนึกเป็นหลัก
แต่ว่า หากมีชุดวรยุทธ์ที่รวมระบบหลักสามระบบไว้ด้วย จะไม่มีการแบ่งส่วนของการใช้พลังงาน เพียงแค่ต้องตั้งใจฝึกตนด้วยวรยุทธ์ด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นร่างเนื้อ พลังจิตแท้หรือตัวสำนึกต่างก็สามารถเพิ่มระดับขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน
ซึ่งเป็นที่มาของกลวิธีนี้
เมื่อเข้าใจผังกฎดั้งเดิมรูปที่สองอย่างถ่องแท้แล้วก็ได้รับวิชากลั่นร่าง กับวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ วรยุทธ์นี้ที่เป็นมรดตกทอด ซึ่งหมายความว่าหลัวซิว ไม่ต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษในการฝึกตนกลั่นร่างวรยุทธ์ ร่างเนื้อแดนของเขา จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น
นั้นทำให้หลัวซิวไม่อาจหยุดที่จะรอคอยผังกฎดั้งเดิมรูปที่สามด้วยความคาดหวัง อย่างไรวิชากลั่นร่างก็ได้ปรากฏขึ้นแล้ว ถ้าเช่นนั้นหากสามารถเข้าใจผังกฎดั้งเดิมรูปที่สามได้อย่างถ่องแท้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็คงจะได้ครอบครองกลวิธีการกลั่นวิญญาณ?
มือนั้นแบออกและพลิกมือ ขวดหยกก็ปรากฏบนฝ่ามือ หลัวซิวบดขยี้ขวดหยกจนแตกละเอียด ก็ยกมือขึ้นแล้วโยนยาทิพย์กระดูกเสือเข้าไปในปาก
นี่คือยากลั่นร่าง ว่ากันตามเหตุผล จำเป็นต้องมีผลการฝึกตนระดับจักรพรรดิยุทธ์ถึงจะสามารถกินได้ ผู้ที่มีผลการฝึกตนต่ำมาก ถ้าหากเสี่ยงกินเข้าไป เป็นไปได้มากที่มันไม่สามารถต้านทานพลังยาอันมหาศาล และร่างระเบิดจนตายได้
แต่หลัวซิวไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าร่างเนื้อของเขาผ่านการแปรสภาพของผู้เป็นอมตะนับครั้งไม่ถ้วนจนบรรลุถึงร่างยุทธ์ระดับราชาช่วงหลัง ซึ่งเพียงพอที่จะรับผลของพลังยาระดับ6ได้ วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพนั้น วรยุทธ์ที่วิวัฒนาการจากกฎความเป็นตายดั้งเดิม มีประสิทธิภาพปริมาณงานที่ดีในตัวเอง สามารถปรับแต่งพลังจำนวนมากในเวลาอันสั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ไม่ต้องกังวลว่าพลังงานที่สะสมในร่างกายจะมากเกินกว่าจะรับไหว
“โฮก!”
หลังจากกลืนยาทิพย์กระดูกเสือลงไปแล้ว พลังจิตที่ยิ่งใหญ่อลังการบานสะพรั่งในร่างกาย จากเสียงคร่ำครวญของหลัวซิวอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงคำรามต่ำเหมือนเสียงคำรามของเสือ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ตาของเขาเปิด ตาซ้ายเป็นสีขาว ตาขวาเป็นสีดำ จุดตันเถียนบนสองมือของเขาที่ประสานกัน เงาลวงวัฏจักรขนาดเล็ก ค่อย ๆ หมุนวนช้า ๆ ไหลไปด้วยความลึกลับไม่รู้จบ
“สมกับเป็นยากลั่นร่างระดับหก ผลลัพธ์ช่างน่าประทับใจเสียจริง!”
หลัวซิวเผยรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก ดวงตาทั้งสองข้างฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ พลังตราประทับที่อยู่ระหว่างสองมือนั้นก็สลายหายไป ภายในกำปั้นนั้น สามารถรับรู้ได้ถึงร่างเนื้อของตนเอง ตอนนี้บรรลุถึงขีดจำกัดของแดนร่างยุทธ์ระดับราชาแล้ว
ถ้าไปได้ไกลกว่านี้ ก็จะเป็นร่างยุทธ์ระดับจักรพรรดิ อาศัยเพียงใช้พลังของร่างเนื้อ ก็จะสามารถเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ได้อย่างไม่มีวันพ่ายแพ้
แต่ร่างเนื้อของเขา แม้ว่าจะบรรลุถึงขีดจำกัดร่างยุทธ์ระดับราชา แต่แดนของผลการฝึกตนและตัวสำนึก กลับค่อนข้างต่ำ
ผลการฝึกตนพลังจิตแท้ เพิ่งจะแตะถึงแดนราชายุทธ์ขั้นหนึ่ง มีเพียงตัวสำนึกเท่านั้น เพราะฝึกตนมีวรยุทธ์กลั่นวิญญาณเป็นเหตุผล บรรลุถึงระดับแดนราชายุทธ์ขั้นห้า
เขาพลิกมือและหยิบเอาธงขลังสรรพสิ่งออกมา หลัวซิวโบกธงไปมา ลำแสงพุ่งออกมา เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจก็สามารถสร้างค่ายกลระดับหกขึ้นมาหนึ่งค่าย
เขาลุกขึ้นยืน เพลิงมรณะสีดำโหมขึ้นรอบตัวของเขา สองนิ้วประสานกันเป็นดาบและชี้ออกไป
ปัง!
ลมหายใจแห่งความตายอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกไป หลอมรวมเป็นกระดูกญาณ คำรามอย่างดุเดือด กลืนกินทุกสิ่ง
นี่คือทักษะยุทธ์ระดับเก้าที่เขาแย่งมาจากราชวงศ์ตระกูลฝาน วิชาภูตผีเซินหลัว!
ทักษะยุทธ์นี้ เดิมที่ทักษะยุทธ์เป็นเจ้าลักษณะของความตาย ด้วยการผลักดันของเพลิงมรณะ จึงสามารถใช้พลังให้ยิ่งใหญ่ที่สุดได้
กระดูกญาณชนเข้ากับค่ายกลคุ้มกันขั้นหกบนม่านแสงที่ก่อตัว ม่านแสงสั่นสะเทือนสองสามครั้งแล้วสงบลง
“ค่ายกลคุ้มกันขั้นหก สามารถต้านทานการโจมตีของจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง การโจมตีทั่วไปของแดนราชายุทธ์ทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด ข้าสามารถทำให้ม่านคุ้มกันสั่นไหวได้หลายครั้ง พลังการโจมตีนั้นเทียบเทียมกับแดนราชายุทธ์ขั้นเจ็ดแล้ว” หลัวซิวคาดเดาพลังความแข็งแกร่งของเขาจากข้อมูลเหล่านี้
“พลังแปรเสวียนเทียน!”
ทันใดนั้นเขาก็ใช้วิชาลับ พลังบนร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพลิงมรณะระเบิดพุ่งออกมา
ระหว่างที่ใช้ความคิด พลังแห่งสวรรค์และโลกภายในรัศมีหลายร้อยเมตรอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา หลัวซิวสำแดงวิชาภูตผีเซินหลัวอีกครั้ง!
ปัง!
ม่านค่ายกลคุ้มกันขั้นหก แรงสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดออกได้
ระหว่างการแบ่งของแดนใหญ่เหมือนดั่งสายน้ำ ข้ามผ่านไปได้ยาก หลัวซิวประเมินการโจมตีของตนเอง อย่างมากที่สุดก็เทียบเท่าแดนราชายุทธ์ขั้นเก้า ถึงแม้มีพลังแปรเสวียนเทียนยี่สิบสี่เท่าคอยเสริม ก็ยังห่างไกลจากการบรรลุถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์
“ถ้าหากใช้พลังแปรเสวียนเทียนผลักดันตราธรรมจุติมรณะ บางทีอาจจะสามารถบรรลุถึงการโจมตีระดับจักรพรรดิยุทธ์ แต่ภายใต้การโจมตี ก็ยังไม่สามารถฆ่าจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งให้ตายได้ แต่ในทางกลับกันผลการฝึกตนของข้าก็จะสลายหายไปจนเหลือเพียงความว่างเปล่า คงจะทำให้คนอื่นเข่นฆ่าได้อย่างง่ายดาย”
หลัวซิวก็ไม่ได้ทดลองอำนาจของตราธรรมจุติมรณะที่นี่ วิธีการผนึกนี้เป็นกลอุบายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา แต่ไม่สามารถใช้งานได้ง่าย ๆ มีแค่เฉพาะเวลาสำคัญเท่านั้นที่ลงมือแล้วจะสามารถให้ผลที่เป็นปาฏิหาริย์ต่อศัตรูได้
“ถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง สิ่งเดียวที่ข้าสามารถพึ่งได้คือ วิชาท่าร่างทำลายมังกรเขียวพลังที่พิเศษนี้เท่านั้น”
ตั้งแต่ฝึกวิชาท่าร่างทำลายมังกรเขียวแล้ว หลัวซิวยังไม่เคยได้ยืนยันว่าวิชาท่าร่างนี้ ที่แท้แล้วเก่งกาจมากเพียงใด
ทักษะยุทธ์ที่มีเอกลักษณ์ คือการดำรงอยู่นอกเหนือชั้นที่เก้า ในสมัยโบราณนี้ยังเป็นมรดกหลักของอำนาจสูงสุดของทุกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้นท่ามกลางทักษะยุทธ์ท่าร่าง เป็นรองเพียงวรยุทธ์เท่านั้น
หลัวซิวลุกขึ้นยืน จัดการเก็บค่ายกล จากนั้นเปิดประตูห้องและสาวเท้าก้าวออกไป
เพิ่งออกจากห้อง เขาก็เห็นหญิงร่างสูงโปร่งซึ่งรับหน้าที่ต้อนรับเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ท่านชายหลัว ท่านเก็บตัวฝึกตนเป็นเวลาเจ็ดวันแล้วเจ้าค่ะ” หญิงร่างสูงโปร่งพูดด้วยความเคารพ
“เพื่อนของข้าคนนั้นล่ะ?” หลัวซิวเอ่ยปากถาม
“ท่านชายหลงหมิงออกไปเมื่อหลายวันก่อน ยังไม่ได้กลับมาเลยเจ้าค่ะ” หญิงร่างสูงโปร่งตอบไปตามจริง
ได้ยินเช่นนั้น หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย สมาคมเป่ยเซี๋ยแห่งนี้ ถึงอย่างนั้นเขากับหลงหมิงก็มาเป็นครั้งแรก ด้วยนิสัยของหลงหมิง หลัวซิวสงสัยว่าผู้ชายคนนี้จะสร้างปัญหา ถ้าเขาออกไปไหนมาไหนคนเดียว
“ตระกูลมังกรไร้ร่างต่างก็เกิดมาเป็นพวกหัวขโมยอยู่แล้ว ความสามารถในการควบคุมพลังแห่งช่องว่าง ปล่อยให้พวกเขาเข้าและออกจากสถานนี้ถือว่าเป็นความอันตราย ไม่สนใจการปิดล้อมของค่ายกลส่วนใหญ่ หลงหมิงน่ะ ระวังเจ้านั่นให้ดี มิฉะนั้นเจ้าจะต้องประสบปัญหาใหญ่” เสียงของวิญญาณเสวียนดำลอยเข้าสู่โสตประสาทของหลัวซิว
“ความโลภของมังกร เจ้าหลงหมิงนั่นน่ะ ถ้าเมื่อหมื่นปีก่อนไม่โลภแท่นวิภาไร้เขต ริอาจเข้าไปขโมยของในแดนนานาอสูร ก็คงจะไม่ถูกปราบปรามเป็นเวลาหลายหมื่นปี”
จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำบอกความลับโบราณที่ไม่มีใครรู้แก่เขา
หลัวซิวได้ยินเช่นนั้นก็ราวกับมีเส้นสีดำพาดผ่านสมองไป แล้วเอ่ยพูดด้วยความหยอกล้อ “เจ้าจะบอกว่า หลงหมิงต้องการจะขโมยแท่นวิภาไร้เขตเมื่อตอนนั้น จึงได้ถูกพวกเจ้าคนของสำนักไท่เสวียนจับได้ แล้วหลังจากนั้นก็กักขังไว้ที่กลางแดนนานาอสูร?”