มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 386 เป่ยเฉินยู่ซาน
“เฮียซิวหลัว ฉันไร้ประโยชน์มากใช่ไหม” ดวงตาสวยของเธอมีความเศร้า
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ เธอเป็นร่างอสูรฟ้าเชียวนะ ต่อไปผลการฝึกตนสูงขึ้น จะยิ่งเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ” หลัวซิวยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน หลัวซิววางค่ายคุ้มกันขั้น6 เอาไว้รอบตัวฮู๋ชิงชิง เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเข้าไปหาชิ้นส่วนกฎ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ถึงจะสามารถกลับมาได้
……
เมื่อดูแลฮู๋ชิงชิงเรียบร้อย หลัวซิวเขาไปในกลุ่มยอดเขาด้านหน้า สัมผัสลมปราณกฎที่ปกคลุม ณ ที่นี้ เขามองไปยังยอดเขาที่สูงที่สุดอย่างรวดเร็ว
“ไอ้หนุ่ม ระวังหน่อย ยอดเขาจิ่วโจว้ไม่ธรรมดา ได้รับอิทธิพลจากลมปราณชิ้นส่วนกฎ กลายเป็นค่ายกลพรสวรรค์” จักรพรรดิ์ยุทธ์เสวียนดำพูดเตือนหลัวซิว
หลัวซิวตอบรับ สำหรับชิ้นส่วนกฎ ที่ไม่ได้มาง่ายๆ เขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว
เขาเพิ่งเดินเข้าไปในเขตยอดเขาทั้งแปด ที่ล้อมรอบเอาไว้ ความอาฆาตที่คมมากพุ่งเข้ามา เงานักยุทธ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดาบปืนกระบี่ง้าว แส้ยาวล้ำค่า กลายเป็นรูปร่างต่างๆ โถมเข้ามาหาเขาไม่หยุด
เจอสถานการณ์แบบนี้ หลัวซิวไม่รีรอ รีบยกระดับพลานุภาพของร่างกายตัวเอง ถึงจุดสูงสุด กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือข้างหลังออกจากฝัก
ลมปราณพลังจิตแท้สองระดับความเป็นตาย พลุ่งพล่านไปรอบๆ เงานักยุทธ์ที่พุ่งเข้ามาโจมตี โดนเขาสะบัดกระบี่จนแตกสลาย ขณะเดียวกันก็ขยับเท้าอย่างรวดเร็ว ตัวกลายเป็นลำแสง พุ่งไปที่ยอดเขาที่สูงที่สุดตรงกลาง
……
ค่ายกลที่สร้างจากยอดเขาจิ่วโจว้ ดูเหมือนอยู่ห่างประมาณร้อยเมตร ในความเป็นจริง หลังจากหลัวซิวเดินเข้ามาในยอดเขาเหล่านี้ ฮู๋ชิงชิงไม่สามารถสัมผัสลมปราณเขาได้แล้ว
เธอมองธงค่ายที่ถืออยู่ในมือ ก่อนจะไป หลัวซิววางค่ายคุ้มกันขั้น6 เอาไว้ ธงค่ายอันนี้ เป็นสิ่งสำคัญในการเปิดค่ายกล ไม่จำเป็นต้องมีตราประทับค่ายกลที่ยุ่งยาก เพียงแค่ส่งพลังจิตแท้เข้าไปข้างใน ก็สามารถเปิดได้แล้ว
“เฮียซิวหลัว ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ”
สองสามวันมานี้ชินกับการมีหลัวซิวข้างกาย จู่ๆ เหลือแค่ตัวเองเพียงคนเดียว ทำให้ฮู๋ชิงชิงรู้สึกไม่ชิน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หลัวซิวเข้าไปในค่ายที่สร้างจากยอดเขาจิ่วโจว้ เป็นเวลาสามวันแล้ว
ฮู๋ชิงชิงรู้ว่าความสามารถของหลัวซิวแข็งแกร่งเพียงใด สามารถทำให้เขาใช้เวลาถึงสามวัน และยังไม่กลับมา เห็นได้ชัดว่าต้องเจออุปสรรคอะไรแน่นอน
นี่ทำให้ฮู๋ชิงชิงนั่งไม่ติด เธอแทบจะพุ่งเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ไม่ได้ ถ้าฉันเข้าไป บางทีอาจจะช่วยไม่ได้ แถมยังจะกลายเป็นภาระของเฮียซิวหลัวด้วย”
ตอนนี้จิตใจของฮู๋ชิงชิงสับสนมาก ลมปราณดุดันที่แผ่ไปทั่วยอดเขาจิ่วโจว้ ทำให้เธอกังวลขึ้นมา
ขณะนั้น เสียงฝีเท้าดังเบาๆ มาจากทางเล็กที่ผ่านตรงนี้
ฮู๋ชิงชิงหันไปตามเสียง เห็นเงาใครบางคนเดินเข้ามา เป็นชายสีหน้าซีด ตัวสูง หน้าตายังหนุ่ม สวมชุดคลุมสีขาว
“หืม มีคนเข้ามาแล้วเหรอ”
ชายชุดคลุมขาวมองเห็นฮู๋ชิงชิง ดวงตาเหมือนตะขอ ราวกับคนใดที่สบตากับเขา จะโดนแววตาของเขากระชากลูกตาทั้งสองข้างออกมา
ฮู๋ชิงชิงสบตากับคนๆ นี้ ทันใดนั้นรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ขณะเดียวกัน เธอสังเกตเห็นรอยสัญลักษณ์สีเขียวอ่อนกะพริบอยู่ตรงหว่างคิ้วของชายชุดคลุมขาว
หลัวซิวบอกเรื่องเกี่ยวกับชิ้นส่วนกฎให้เธอรู้แล้ว อีกทั้งเธอยังเห็นรอยกฎตรงหว่างคิ้วของหลัวซิว ดังนั้นจึงรู้ทันทีว่าคนนี้น่าจะมาหาชิ้นส่วนกฎเหมือนกัน
เมื่อคิดได้ว่าอีกฝ่ายมาเพราะชิ้นส่วนกฎ ฮู๋ชิงชิงมีสีหน้าหวาดระแวง
เธอไม่รู้จักชายชุดคลุมขาวคนนี้ แต่ลมปราณของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก ทำให้เธอรู้สึกถึงอันตรายเป็นอย่างมาก
“ยินดีที่ได้พบแม่นาง ผมเป่ยเฉินยู่ซาน แม่นางก็มาเพราะชิ้นส่วนกฎเหมือนกันเหรอ”
สายตาของชายชุดคลุมขาวมองมายังฮู๋ชิงชิง ยิ้มอย่างอ่อนโยน
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เป่ยเฉินยู่ซานกลับสังเกตเห็นว่า ตรงหว่างคิ้วของผู้หญิงตรงหน้า ไม่มีรอยกฎ
เพราะรอยกฎ เป็นเครื่องหมายของฉายาผู้แข็งแกร่ง
ขณะนั้น สายตาของเป่ยเฉินยู่ซานเปลี่ยนไป ช้อนตามองไปทางยอดเขาจิ่วโจว้ ที่อยู่ไกลๆ
เพราะช่วงเวลาเมื่อครู่ เขาสัมผัสได้ว่าลมปราณกฎของที่นี่ หายไปแล้ว!
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่าที่นี่ ไม่ได้มีแค่ผู้หญิงคนนี้ แต่มีคนอื่นล่วงหน้าไปก่อน และเอาชิ้นส่วนกฎของที่นี่ไปแล้ว
เป่ยเฉินยู่ซานหรี่ตาลง จากนั้นเห็นเงาคนใช้ความเร็วสูงสุด พุ่งออกมาจากยอดเขาจิ่วโจว้
หลังจากหลัวซิวเอาชิ้นส่วนกฎธาตุทองมาได้ และออกมาจากค่ายพรสวรรค์สังหาร ก็เห็นแขกไม่รับเชิญคนนี้
เขามาถึงข้างฮู๋ชิงชิง ส่งสายตาบอกให้เธอไปรอในค่ายที่วางไว้เรียบร้อยแล้ว
ฮู๋ชิงชิงฉลาดเป็นกรด รีบถอยไปด้านหลังทันที กำธงค่ายในมือที่หลัวซิวให้เธอเอาไว้แน่น
เป่ยเฉินยู่ซานสังเกตเห็นการกระทำของเธอ แต่ไม่คิดว่าเป็นอะไร และมองหลัวซิวด้วยตาเป็นประกาย
ตอนนี้ รอยกฎตรงหว่างคิ้วของหลัวซิว ไม่ใช่สีฟ้าอ่อน แต่เป็นสีฟ้าอ่อนกับสีขาวสลับกัน
“นายได้ชิ้นส่วนกฎสองชนิดแล้วเหรอ” เป่ยเฉินยู่ซานมองหลัวซิวอย่างประเมิน พบว่าการเคลื่อนไหวของพลังจิตผลการฝึกตน เพิ่งจะอยู่ในระดับราชายุทธ์ขั้น2
“แค่ผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้น2 ธรรมดาๆ ชิ้นส่วนกฎตกอยู่ในมือนาย ช่างเสียของจริงๆ” เป่ยเฉินยู่ซานยิ้มบางๆ ทันใดนั้นดวงตาเหมือนตะขอ ฉายแววดุดัน
เห็นตัวของเขาหายแวบไปจากที่เดิม มาปรากฏตัวตรงหน้าหลัวซิวเพียงพริบตา ถือกระบี่ยุทธ์เอาไว้ในมือทั้งสองข้าง ลมปราณอันดุดันเพ่งเล็งมาที่หลัวซิว รอยกฎสีเขียวตรงหว่างคิ้วเปล่งประกาย
“รวดเร็วมาก”
หลัวซิวตกใจเล็กน้อย อีกฝ่ายระเบิดความเร็วออกมาอย่างน่าตกใจ ไม่ด้อยไปกว่าวิชาท่าร่างบรรลุมังกรเขียวของเขา
แต่ถ้าเทียบกับความเร็วของปีกทิพย์ไร้มลทิน ความเร็วของอีกฝ่ายยังด้อยกว่าเล็กน้อย
กระบี่คู่ฟันลงมาพร้อมกัน เป่ยเฉินยู่ซานมั่นใจกับความเร็วของตัวเองมาก แต่กระบี่ยุทธ์ในมือ กลับไม่รู้สึกถึงแรงอะไรสักนิด สิ่งที่ฟันลงไปเป็นเพียงเงาเท่านั้น
โจมตีความว่างเปล่า เป่ยเฉินยู่ซานไม่ลังเลแม้แต่น้อย หมุนตัวแล้วใช้กระบี่คู่ฟันลงไปด้านหลัง
ชิ้ง!
กระบี่คู่ปะทะกับกระบี่ใหญ่สีดำ ประกายไฟกระเด็นออกมานับไม่ถ้วน เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
“เป็นไปไม่ได้ ความเร็วของนายทัดเทียมกับฉันอย่างนั้นเหรอ”
สีหน้าเป่ยเฉินยู่ซานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้ดีว่าการที่ความเร็วของตัวเอง เร็วขนาดนี้ เพราะได้รับชิ้นส่วนกฎธาตุลมมาหนึ่งชิ้น
แต่คนชุดคลุมดำตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าได้ชิ้นส่วนกฎธาตุน้ำกับธาตุทอง ทำไมถึงเร็วได้ขนาดนี้ล่ะ
หลัวซิวไม่พูดอะไรสักคำ ไม่อยากพูดไร้สาระ ทั้งสองล้วนอยากได้ชิ้นส่วนกฎจากอีกฝ่าย พูดมากไปก็เปล่าประโยชน์
เป่ยเฉินยู่ซานก็เข้าใจจุดนี้เหมือนกัน เห็นแสงสีเขียวบนดาบคู่ของเขาสว่างวาบ พลังกฎธาตุลมถูกเข้าใช้ออกมา เพียงพริบตาเดียว มันรวมตัวเป็นพายุทอร์นาโดสีเขียวขนาดใหญ่เป็นสิบลูก
พลังอำนาจของพายุทอร์นาโดสีเขียวนี้น่าตกใจมาก แฝงไปด้วยกำลังของกฎ
“ทำลายซะ!”
หลัวซิวแผดเสียงเคร่งขรึม ขณะเดียวกันก็กระตุ้นพลังแห่งกฎธาตุทอง ฟาดพลังกระบี่สีขาวออกมาหลายพลัง ปะทะกับพายุทอร์นาโดสีเขียวสิบลูกนั้น