มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 404 เรื่องราวในอดีตของไป๋หลิงเซวียน
“ลู่เจิ้งเซี๋ยงคิดว่าข้าไม่รู้อะไรเลยมาตลอด แต่อันที่จริงตอนที่เขาฆ่าหลู่เหว่ย ข้ากำลังมองจากจุดที่ไกลออกไปพอดี”
“หลายปีมานี้ ข้าเก็บซ่อนความแค้นส่วนนี้ไว้ในส่วนลึกของหัวใจมาโดยตลอด แต่ท้ายที่สุดความแข็งแกร่งของข้าสู้เขาไม่ได้ จึงไม่มีโอกาสล้างแค้น”
“ข้ารู้ดี ถึงข้าไม่ลงมือลอบโจมตีเขาจากด้านหลัง ทันทีที่เขาฆ่าเจ้าและหลัวซิว คนต่อไปจะต้องเป็นข้าแน่นอน”
“เศษสวะเช่นนี้สมควรตายยิ่งนัก!” หลังจากเหยียนเยว่เอ๋อร์ฟังจบ นางรู้สึกรังเกียจพฤติกรรมของลู่เจิ้งเซี๋ยงจนถึงขีดสุด
“ใช่ โชคดีที่สุดท้ายข้าก็สามารถฆ่าเขาได้สำเร็จ ถือว่าได้ล้างแค้นให้หลู่เหว่ยแล้ว ในที่สุดความคับแค้นหลายปีที่ผ่านมาก็ได้รับการปลดปล่อย ทำให้ภายในใจของข้ารู้สึกโล่งขึ้นมา” ในขณะที่กำลังพูดคำพูดเหล่านี้ ในเบ้าตาของไป๋หลิงเซวียนนองไปด้วยน้ำตา
แม้ผ่านไปแล้วสองร้อยปี นางยังคงไม่เคยลืมคนที่นางเคยรักคนนั้น แบกรับความอัปยศอดสูมานานหลายปี ทั้งหมดเพื่อวันหนึ่งจะได้ล้างแค้น
เหมือนกับว่าได้รับผลกระทบจากไป๋หลิงเซวียน เหยียนเยว่เอ๋อร์นึกถึงหลัวซิวอย่างกะทันหัน เพิ่งคิดได้ว่าเขาเข้าไปในหุบเขาจิตนภาสามเดือนกว่าแล้ว เริ่มเกิดความรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที
“ไม่ได้ ข้าต้องเข้าไปดูสักหน่อย” เหยียนเยว่เอ๋อร์ลุกขึ้นอย่างกะทันหัน
“มีอะไรหรือ?” ไป๋หลิงเซวียนมองนางด้วยความสงสัย เพิ่งสังเกตเห็นเด็กหนุ่มที่มีผลการฝึกตนระดับราชายุทธ์ไม่ได้อยู่ที่นี่
“เขาเข้าไปในหุบเขาจิตนภาสามเดือนกว่าแล้ว ข้ารู้สึกเป็นห่วง ต้องการเข้าไปตามหาเขา” เหยียนเยว่เอ๋อร์พูด
“อะไรนะ? เขาเข้าไปอีกแล้ว?” ไป๋หลิงเซวียนรู้สึกตกใจมาก ก่อนหน้านี้แม้กระทั่งลู่เจิ้งเซี๋ยงที่เป็นจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหกบวกกับพวกเขาสองคน ก็ยังไม่สามารถเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาจิตตภา สุดท้ายต้องหนีเอาชีวิตรอดออกมา
ดูเหมือนผลการฝึกตนของเด็กหนุ่มคนนั้นเพิ่งจะบรรลุถึงระดับราชายุทธ์ เขาไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงขั้นกล้าบุกเข้าไปในหุบเขาจิตนภาเพียงคนเดียว?
ถึงปากไม่ได้พูด แต่ปฏิกิริยาของไป๋หลิงเซวียนมันแสดงออก เด็กหนุ่มที่ชื่อหลิวซิวต้องตายอยู่ด้านในแน่นอน
เหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่มีเวลาให้คิดมาก นางกลายเป็นเปลวไฟสายหนึ่งบินตรงไปทางเข้าของหุบเขาจิตนภาโดยตรง
“ข้าไปกับเจ้า” ไป๋หลิงเซวียนก็บินขึ้นกลางอากาศ นางเห็นเหยียนเยว่เอ๋อร์เป็นห่วงหลัวซิวเช่นนี้ จึงรู้ได้เลยว่าแม่นางเหยียนคนนี้น่าจะรักเขามาก ก็เหมือนกับตนเองเมื่อสองร้อยปีก่อน จนกระทั่งถึงตอนนี้ยังคงไม่เคยลืมเลือนหลู่เหว่ย
ถ้าหากสามารถเลือกได้ นางยินดีตายไปพร้อมกับหลู่เหว่ยในตอนนั้น นางไม่ต้องการทนทุกข์ทรมานอยู่แบบนี้มาเป็นเวลานานถึงสองร้อยปี
……
เพียงแต่ตอนที่หลู่เหว่ยถูกฆ่า นางมองจากจุดที่ไกลออกไป หากตนเองตายไป ก็จะไม่มีใครล้างแค้นให้เขาอีกแล้ว
หลังจากเวลาสามเดือนผ่านไป ในที่สุดหลัวซิวก็สามารถมาถึงส่วนลึกของหุบเขาจิตนภา
ด้านหน้าเป็นแท่นหินที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหนึ่งร้อยเมตร ตรงกลางของแท่นหิน มีเสาหินสูงประมาณหนึ่งเมตรตั้งอยู่ตรงนั้น มีแสงสีขาวคอยส่องประกายอยู่บนนั้น
มีการชี้แนะทิศทางของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ช่วงนี้เขาไม่ได้ถูกวิญญาณเทพจิตในหุบเขาโจมตีแต่อย่างใด
ถึงจะเป็นแบบนี้ การเคลื่อนไหวช้าลงมากแต่ให้ความปลอดภัยมากขึ้น
“นี่น่าจะเป็นศูนย์กลางของค่ายกลแล้วมั้ง ข้าเข้ามาในนี้ตั้งนาน เยว่เอ๋อร์ยังไม่เห็นข้าออกไป ต้องเป็นห่วงแน่นอน”
สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือเหยียนเยว่เอ๋อร์เข้ามาตามหาเขา ด้วยความแข็งแกร่งของนาง หากเจอวิญญาณเทพจิตที่แข็งแกร่ง เกรงว่าคงต้องอันตรายถึงชีวิตแน่นอน
“ถูกต้อง ที่นี่คือศูนย์กลางของค่ายกล ในค่ายกลแห่งนี้ ที่นี่คือสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุดแล้ว แต่ที่นี่เต็มไปด้วยพลังดูดซับพลังวิญญาณ หากเจ้าเข้าไปใกล้ มีความเป็นไปได้ที่วิญญาณของเจ้าจะถูกกลืนกิน” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขาเป็นเพียงร่างวิญญาณ วิเคราะห์รูปแบบของค่ายกลระดับเทพต่อเนื่องมานานถึงสามเดือน ทำให้เขาเผาผลาญพลังของตนเองไปไม่น้อย
หลัวซิวจ้องไปข้างหน้า เขาสามารถมองเห็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่ลอยมาจากทุกสารทิศด้าน ไปรวมกันที่แสงสีขาวบนแท่นตรงนั้น
ในขณะเดียวกัน เขาที่อยู่ในใจกลางค่ายกลก็เข้าใจแล้ว พลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่มารวมกันในศูนย์กลางของค่ายกล ล้วนแต่มาจากวิญญาณธรรมดาและวิญญาณเทพจิตนอกและในหุบเขาจิตนภา
บางทีหุบเขาจิตนภาแห่งนี้อาจจะเคยมีวิญญาณที่แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่เนื่องจากถูกดูดซับพลังวิญญาณมาอย่างยาวนาน ทำให้วิญญาณพวกนี้เริ่มอ่อนแอลง จนกระทั่งสุดท้ายถูกดูดซับพลังวิญญาณจนหมด แตกสลายหายไปกลายเป็นความว่างเปล่า
และนั่นก็หมายความว่าพวกวิญญาณที่อาศัยอยู่ในหุบเขาจิตนภา เมื่อก่อนเคยเป็นวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก แต่เป็นเพราะถูกดูดซับพลังวิญญาณจำนวนมาก จึงส่งผลให้ความแข็งแกร่งตกลงมาอยู่ในระดับจักรพรรดิยุทธ์
ส่วนแสงสีขาวที่อยู่บนแท่นหิน ผ่านการหลอมรวมวิญญาณจำนวนมหาศาลนับหมื่นปี มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน
พลังวิญญาณสายนี้หากระเบิดกลายเป็นพายุวิญญาณ หลัวซิวสามารถมั่นใจ ตนเองจะต้องถูกกลืนกินและหายไปในพริบตาอย่างแน่นอน
เขาเดินเข้าไปใกล้ด้วยความระมัดระวัง ตอนที่เริ่มเข้าใกล้แท่นหินทรงกลม สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานสายหนึ่งกำลังทำปฏิกิริยาในตัวหยั่งรู้ ราวกับต้องการดูดวิญญาณของตนเองไป
ในตัวหยั่งรู้ ลูกแก้วความเป็นตายส่องแสงจางๆ วิญญาณของเขาและลูกแก้วหลอมรวมเป็นหนึ่ง ถึงแม้ตัวหยั่งรู้จะสั่นสะเทือนไม่หยุด แต่วิญญาณก็ไม่ถึงขั้นถูกค่ายกลแห่งนี้ดูดไป
วิญญาณของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำสิงสถิตอยู่ในร่างกายเขา ก็ได้รับการปกป้องจากลูกแก้วความเป็นตายเช่นกัน มิเช่นนั้นพลังวิญญาณของเขาคงถูกดูดและแตกสลายไปในที่สุด
“ร่างกายของเจ้ามีของแปลกคอยปกป้อง?” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำสัมผัสได้ถึงจุดนี้ เขาสิงสถิตอยู่ในฝ่ามือข้างซ้ายของหลัวซิว จึงไม่รู้ว่าในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิวมีของวิเศษลูกแก้วเป็นตายอยู่ด้วย
“ดูเหมือนบนตัวเจ้าจะมีความลับไม่น้อย ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่ามีของวิเศษที่สามารถคุ้มกันวิญญาณถูกจู่โจม หรือจะเป็นเรื่องจริง?”
ก่อนหน้านี้ที่เข้ามาในหุบเขาจิตนภา หลัวซิวเคยบอกกับลู่เจิ้งเซี๋ยงและไป๋หลิงเซวียนว่าตนเองมีของวิเศษคุ้มกันการถูกจู่โจมของวิญญาณ
ทว่าหลังจากที่เขาเข้ามาในหุบเขาจิตนภา ภายใต้การจู่โจมของวิญญาณรูปร่างมังกรเจียว ตัวหยั่งรู้กลับได้รับผลกระทบ จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำสัมผัสได้ถึงอย่างชัดเจน
แต่ในตอนนี้ เผชิญหน้ากับพลังแย่งชิงวิญญาณของค่ายกลระดับเทพ เขากลับไม่เป็นอะไรเลย ซึ่งขัดแย้งกับก่อนหน้านี้ไปมาก
กำลังแย่งชิงวิญญาณของค่ายกลระดับเทพ เป็นการจู่โจมวิญญาณรูปแบบหนึ่ง
“ของวิเศษชิ้นนี้บางครั้งก็มีประโยชน์ แต่บางครั้งก็ไม่มีประโยชน์” หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงที่กระอักกระอ่วนเล็กน้อย
เขาเองก็ไม่รู้ควรจะอธิบายอย่างไร สำหรับการจู่โจมวิญญาณหยั่งรู้โดยตรง มีเพียงครั้งแรกที่ลูกแก้วความเป็นตายแสดงปฏิกิริยาต่อต้าน ต่อไปหากเจอกับการจู่โจมประเภทนี้ ต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น
แต่สำหรับผลกระทบของค่ายกลที่แย่งชิงวิญญาณโดยตรงเช่นนี้ เนื่องจากวิญญาณดั้งเดิมและลูกแก้วความเป็นตายหลอมรวมเป็นหนึ่ง ก็เท่ากับพลังของค่ายกลระดับเทพดูดลูกแก้วความเป็นตายโดยตรง ลูกแก้วความเป็นตายย่อมต่อต้านตามสัญชาตญาณ
ลูกแก้วความเป็นตายเกี่ยวพันถึงเรื่องสำคัญ ดังนั้นหลัวซิวจึงไม่เคยพูดกับจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ แม้ตอนนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องการแย่งชิงพลังของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ แต่ในอนาคตหากมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟู ยากที่จะรับประกันว่าเขาจะไม่มีความโลภต่อสิ่งล้ำค่าดั้งเดิมเช่นนี้