มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 429 เดินหน้าแก้แค้น
บทที่ 429 เดินหน้าแก้แค้น
เพราะเขาตระหนักได้ว่า ตำหนักจื่อล่มสลายไปแล้ว หากเขาไม่ทำเป็นไม่มีความเกี่ยวข้องกับตำหนักจื่อ เกรงว่าตระกูลโกวคงจะมีชะตากรรมไม่ต่างกัน
“ผู้อาวุโสโกวเห็นผู้น้อยหลัวซิวเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไร องค์กรนักล่ายุทธ์เป็นองค์กรที่มีข้อมูลข่าวสารละเอียดมากที่สุด คุณคิดว่าผมหลอกง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ” หลัวซิวยิ้มหยัน
“อีกอย่างตามที่ผมรู้มา ท่านหัวหน้าแก๊งเหวินเซวียนหงที่เขตการปกครองหยุนหลง ก็เป็นฝีมือของตระกูลโกวไม่ใช่หรือที่ส่งคนไปทำร้ายเขา”
รอบตัวของหลัวซิวแผ่กระจายไปด้วยความอาฆาตแค้นจนทำให้ผู้อื่นรู้สึกกดดัน เขาจ้องเขม็งไปที่อาจารย์ตระกูลโกวแล้วกล่าวอย่างเน้นคำว่า “หัวหน้าแก๊งเหวินเซวียนหงเป็นผู้มีพระคุณของผม ท่านว่าความแค้นนี้ควรจัดการอย่างไรดี”
ระหว่างที่กล่าวออกมา หลัวซิวก็หันไปมองจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง “ท่านเป็นถึงหัวหน้าแก๊งใหญ่ขององค์กรนักล่ายุทธ์ในประเทศเทียนหวู แต่กลับเมินเฉินกับเรื่องนี้ ซึ่งก็ถือว่าท่านไม่ยอมทำหน้าที่เช่นกัน!”
เมื่อสิ้นประโยคนี้ จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงก็เลิกคิ้วขึ้น “นี่เป็นเรื่องของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะถาม”
เขาเป็นผู้สูงศักดิ์ เป็นหนึ่งในผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของแผ่นดินนี้ แม้แต่อาจารย์มกุฎยุทธ์ที่ติดหนึ่งในสามผู้มีอำนาจสูงสุดยังไม่อยากที่จะยุ่งอะไรกับเขา เพราะเขาเป็นคนขององค์กรนักล่ายุทธ์ที่ขับเคลื่อนอยู่ในแผ่นดินนี้
ส่วนหลัวซิวนั้นเป็นเพียงผู้น้อย กลับกล่าวคำพูดตำหนิตนเช่นนี้ นั่นทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมาทันที
แต่จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงกลับไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะในองค์กรนักล่ายุทธ์ ระดับของขั้นอำนาจแสดงถึงฐานะที่สูงต่ำของคนแต่ละคนในองค์กร
เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ มีขั้นอำนาจในองค์กรคือขั้นดำชั้นสูง เพราะเขาเป็นหัวหน้าใหญ่ในประเทศเทียนหวูแห่งนี้ ลำดับขั้นอำนาจในองค์กรเทียบเท่าได้กับระดับขั้นดินชั้นล่าง
แต่อย่างไรลำดับขั้นอำนาจของหลัวซิวกลับสูงกว่าเขา
“ผมมีสิทธิ์ถามหรือไม่นั้น ท่านก็ลองไปสืบข่าวจากสายในองค์กรดูก็แล้วกัน เดี๋ยวท่านก็จะรู้เอง” หลัวซิวกล่าวด้วยเสียงแข็งกระด้าง “หากผมเอาเรื่องนี้ไปฟ้องศูนย์หลัก ผมคิดว่าตำแหน่งหัวหน้าแก๊งใหญ่ของประเทศเทียนหวูคงจะต้องเปลี่ยนคนเสียแล้ว”
เมื่อจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงได้ยินดังนั้นสีหน้าก็แข็งชะงัก เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างในความหมายในคำพูดประโยคนี้ของหลัวซิว เขากล้าพูดเช่นนี้ออกมานั่นเป็นนัยให้เห็นว่า ขั้นอำนาจของเขาจะต้องเหนือกว่าตนอย่างแน่นอน
อำนาจขั้นดินรึ
สายตาของจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงเกิดลำแสงวิบไหว และไม่ได้กล่าวโต้เถียงใดกับหลัวซิวอีก
เมื่อคนในที่นั้นเห็นผู้ที่มีฐานะสูงส่งอย่างจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงโดนหลัวซิวประชดประชันจนไม่กล้าต่อปากต่อคำออกมา จักรพรรดิยุทธ์คนอื่นๆ ในที่นั้นต่างพากันประหลาดใจ
พวกเขาพบว่ายิ่งพวกเขารู้จักหลัวซิวมากเพียงใด ก็ยิ่งพบว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา เป็นผู้ที่หาตัวจับยากและยากที่มองออก
“ไอ้จองหอง ตายซะเถอะแก!”
ในตอนนั้นอาจารย์ตระกูลโกวตัดสินใจลงมือ เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน ขอเพียงแค่เขาสังหารหลัวซิวได้ ความอันตรายทุกอย่างก็จะจบสิ้นลง และสามารถใช้เรื่องนี้เอาใจสำนักเสวียนหยางได้ด้วย จะยิ่งมีประโยชน์ต่อตระกูลโกวในวันข้างหน้า
“รนหาที่ตายเองนะ!” ริมฝีปากของหลัวซิวปรากฏรอยยิ้มดูแคลน
นักยุทธ์ของอาจารย์ตระกูลโกว คือดาบรบสีเขียวเล่มหนึ่ง มีพลังจิตแท้ Attr ไม้อบอวล เพียงแต่สิ่งที่เขาได้ฝึกตนมาไม่ใช่พลังชีวิตAttr ไม้ แต่เป็นการฝึกวิชาพิษ
Attr ไม้มีสองด้าน ด้านแรกคือการเติบโตที่มีชีวิตชีวา ส่วนอีกด้านคือรุนแรง
แต่หลัวซิวกลับไม่ได้ใช้แม้แต่กระบี่รบ เขาเพียงยกมือปล่อยภูตอัคคีกลืนกินออกไปปะทะเข้ากับไอพิษสีเขียวของดาบจนเกิดเป็นเสียงชี่ๆๆๆ ออกมา
ภายในชั่วพริบตา ไอมีดของดาบที่อาบยาพิษก็ถูกเผาจนแหลกสลายไป
ในบรรดาธาตุทั้งห้า ไฟกับทองสามารถเอาชนะ Attr ไม้ได้
“ท่านหวาง ท่านยังไม่ลงมืออีกรึ” อาจารย์ตระกูลโกวมองไปยังอาจารย์ตระกูลหวางพลางส่งเสียงตวาดออกไป
ตระกูลหวางเองก็พึ่งพาอาศัยสำนักเสวียนหยางเช่นกัน จึงถือเป็นฝ่ายตรงข้ามกับหลัวซิวด้วย จริงๆ แล้วอาจารย์ตระกูลหวางก็กำลังลังเลอยู่เช่นกันว่าจะลงมือจัดการหลัวซิวดีหรือไม่
ทว่าในตอนที่เขากำลังลังเลอยู่นั้นเอง เปลวไฟรูปมือสีแดงอิฐก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศส่งเสียงฟู่ๆ กระแทกเข้ากับจักรพรรดิยุทธ์อาจารย์ตระกูลโกวจนลอยกระเด็นออกไป โลหิตซึมออกมาจากริมฝีปากของเขา
การฝึกตนของอาจารย์ตระกูลโกวคือจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสอง ซึ่งหลัวซิวยังไม่ทันใช้ไพ่เด็ดของเขาเลย เขาเพียงใช้แค่ร่างยุทธ์ระดับจักรพรรดิ ก็สามารถรับมือกับอีกฝ่ายได้แล้ว และถึงขั้นเปลี่ยนเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า
เพียงแค่เผชิญหน้ากัน ก็สามารถทำให้จักรพรรดิยุทธ์อย่างอาจารย์ตระกูลโกวบาดเจ็บได้แล้ว พลังที่หลัวซิวแสดงออกมา ทำให้สีหน้าของอาจารย์ตระกูลหวางเปลี่ยนไป
“วิชาภูตผีเซินหลัว!”
หลัวซิวยังคงไม่หยุดการโจมตี เปลวไฟสีแดงอิฐแปรสภาพกลายเป็นเพลิงมรณะสีดำผนึกรวมกลายเป็นกระดูกญาณมหึมา เพียงส่งเสียงก็อบแกร๊บก็สั่นสะท้านไปทั้งอากาศ
อาจารย์โกวสัมผัสได้ว่าตนถูกตัวสำนึกอันแข็งแกร่งล็อกตัวไม่ให้ขยับเขยื้อน ในช่วงเวลาอันเร่งด่วนนั้นก็พยายามโคจรพลังจิตแท้อย่างบ้าคลั่งเพื่อทัดทานการโจมตีนี้เอาไว้
เทพจิตที่มีรูปร่างคล้ายกบสีเขียวจึงปรากฏขึ้นด้านหลังศีรษะของเขา
นี่คือเทพจิตหอยเขียว ที่ต้องฝึกฝนวิชาพิษจึงจะสามารถผนึกรวมขึ้นมาได้ และระหว่างที่ถูกตัวสำนึกโจมตีก็จะมีฤทธิ์เป็นพิษที่สามารถโจมตีตัวสำนึกวิญญาณของอีกฝ่ายจนหมดสติไปได้
“ตึ้ง!”
ทว่าระหว่างที่อาจารย์โกวกำลังแสดงเทพจิตของตัวเองออกมานั้น ก็ปรากฏการณ์โจมตีทางวิญญาณอันน่าหวาดผวาขึ้น ทำให้เทพจิตหอยเขียวสั่นจนระเบิดกระจาย ความเจ็บปวดรวดร้าวได้ฉีกทึ้งตัวสำนึกของเขา
“อ๊าก……”
อาจารย์โกวกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้แล้วแผดเสียงร้องลั่น กระดูกญาณส่งเสียงแตก บดขยี้ทุกส่วนที่อยู่กลางอากาศของเขา แม้แต่ร่างผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ของเขายังแตกสลายกลายเป็นไอเลือด เลือดสดๆกระเซ็นออกมาจากร่องกระดูกญาณต่อเนื่องอย่างน่าขวัญผวา
ผู้ที่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 2 เมื่อเผชิญหน้ากับหลัวซิวกลับไม่สามารถโต้ตอบกลับไปได้สักครั้ง แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย
หลัวซิวยื่นมือออกไปอีกครั้ง กระดูกญาณจึงหายไป ยาทองเม็ดกลมกับแหวนเก็บของล่วงลงมาสู่กลางฝ่ามือของเขา
ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์คนอื่นเมื่อเห็นเช่นนี้ ก็เกิดอาการขวัญเสีย
เพราะแม้ว่าการต่อสู้จะจบลงอย่างรวดเร็วก็จริง แต่หลัวซิวเพียงใช้ร่างยุทธ์ระดับจักรพรรดิของตนเองกับทักษะยุทธ์ระดับ9 และการโจมตีทางวิญญาณเท่านั้น
โดยเฉพาะการโจมตีทางวิญญาณของเขาที่ทำให้เทพจิตของอาจารย์ตระกูลโกวดับสลาย ตัวสำนึกวิญญาณของเขาจะต้องอยู่ในขั้นจักรพรรดิยุทธ์ และอาจไปถึงขั้นจักรพรรดิยุทธ์ขั้นกลางขึ้นไปด้วยซ้ำ
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็แสดงให้เห็นว่า คนทุกคนที่อยู่ในที่นั้นมีเพียงผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 4 ขึ้นไปเท่านั้นที่พอจะรับมือกับการโจมตีทางวิญญาณของพวกเขาได้ ส่วนคนอื่นๆ นั้น เกรงว่าเพียงเผชิญหน้าก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที
ซู่ว!
ตอนนั้นคนที่อยู่ในที่นั้นรู้สึกถึงพลังจิตแท้อันเข้มข้น ในตอนที่อาจารย์ตระกูลโกวถูกสังหารนั้น อาจารย์ตระกูลหวางก็ตัดสินใจที่จะหนี
เขาตระหนักได้ทันทีว่า ในเมื่อหลัวซิวสังหารอาจารย์ตระกูลโกวได้ ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหวางกับสำนักเสวียนหยางนั้น อีกฝ่ายก็คงไม่ปล่อยเขาไว้เช่นกัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น ทำให้ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ทุกคนต้องหรี่ตาลงมองอีกครั้ง