มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 499
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 499
ในเวลานี้ หลัวซิวจู่ ๆ ก็ได้รับข้อความเรียก
ข้อความเรียกนี้มาจากประธานแก๊งองค์กรนักล่ายุทธ์แห่งประเทศเทียนหวู จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง
“มีเรื่องสำคัญต้องหาลือ?”
หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงไม่ได้กล่าวถึงสิ่งใดเป็นพิเศษในข้อความนั้น
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ข้าก็ยังเป็นสมาชิกคนหนึ่งขององค์กรนักล่ายุทธ์ ถึงแม้จะยังไม่สามารถเข้าถึงแกนขององค์กรนักล่ายุทธ์ได้ แต่ก็ควรจะไปถึงจะถูก”
หลัวซิวหยุดการฝึกตนปิดขังไว้ชั่วคราว หยุดการฝึกตนสำหรับทั้งสามวิชายิ่งเลิศไท่เสวียนไว้ชั่วคราว
เมื่อหลัวซิวมาถึงองค์กรนักล่ายุทธ์ประเทศเทียนหวู ในห้องหนังสือห้องหนึ่ง ก็เห็นพวกของจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง
นอกจากจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงแล้ว ยังมีหัวหน้าแก๊งแห่งแก๊งนักค่ายกลเหว้ยห้าวหราน หัวหน้าแก๊งแห่งแก๊งนักหลอมอาวุธ หงหมิง และผู้อาวุโสนักกลั่นยาอีกหลายคนที่สวมชุดยาว นั่นคือผู้อาวุโสทั้งหลายแห่งแก๊งนักกลั่นยา
คนเหล่านี้ต่างก็นั่งกันตามลำดับตำแหน่งสูงต่ำ แต่ตำแหน่งที่นั่งของผู้นำนั้น กลับเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเคร่งขรึม สวมชุดคุมหม่าเผาสีดำยาว
“หลัวซิว ข้าขอแนะนำให้เจ้าได้รู้จัก ท่านนี้คือท่านผู้ลาดตระเวนแห่งอาณาจักรใต้” จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงเมื่อเห็นหลัวซิวมาแล้ว ก็ลุกขึ้นแนะนำให้เขารู้จัก
“คารวะท่านท่านผู้ลาดตระเวน” หลัวซิวรุดหน้าขึ้นไปคำนับ
ชายวัยกลางคนสวมชุดคุมหม่างเผาสีดำยาวเผยรอยยิ้มบาง ๆ “เจ้าสำนักหลัวไม่ต้องมีพิธีรีตองให้มาก ด้วยลำดับอำนาจในแก๊ง ข้ากับเจ้าเสมอกัน ข้านามว่าฉีฝ่าเทียน เจ้าเรียกข้าว่าผู้ลาดตระเวนฉีก็ได้”
ภายในองค์กรนักล่ายุทธ์มีการแบ่งลำดับที่เข้มงวดและชัดเจน ยกเว้นผู้มีอำนาจจำนวนเล็กน้อยในตำแหน่งพิเศษ ใครที่มีระดับอำนาจมาก ลำดับภายในแก๊งก็จะยิ่งสูงไปตามลำดับ
เพียงแต่ว่าหลัวซิวถือเป็นสมาชิกพรสวรรค์ พลังผลการฝึกตนไม่พอ ดังนั้นอำนาจในระดับเดียวกันนั้น ตำแหน่งจะอยู่ต่ำกว่าเล็กน้อย
“ผู้ลาดตระเวนฉี” หลัวซิวยกมือขึ้นคำนับ จากนั้นก็นั่งลงตรงที่ว่างด้านข้าง
ตำแหน่งที่หลัวซิวนั่งลงนั้น อยู่ในระยะใกล้กับฉีฝ่าเทียนมากที่สุด นั่นหมายความว่าในที่แห่งนี้ ตำแหน่งของเขานั้นเป็นรองเพียงแค่ฉีฝ่าเทียนเท่านั้น
“ฮ่า ๆ เจ้าสำนักหลัวช่างเยาว์วัยนัก ผู้ลาดตระเวนมู่แห่งอาณาจักรเหนือยังเคยพูดถึงเจ้าให้ข้าฟัง เขาชื่นชมเจ้ามาทีเดียว” ฉีฝ่าเทียนพูดพร้อมรอยยิ้ม
ผู้ลาดตระเวนมู่ที่เขาพูดถึงนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นมู่จื่อซิว
หลัวซิวยิ้มด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน “ที่ผู้ลาดตระเวนฉีเรียกข้าน้อยมาที่นี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใด?”
“พูดถึงเรื่องนี้ นั่นก็มีสาเหตุมาจากเจ้านั่นล่ะ หัวหน้าแก๊งแห่งแก๊งนักกลั่นยาของที่ประเทศเทียนหวู แต่เดิมคือฝานไท่เต๋อ แต่ในตอนนี้ฝานไท่เต๋อผลการฝึกตนตกต่ำ ไม่รู้แน่ชัดว่าอยู่แห่งหนใด ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งนักกลั่นยา จึงว่างลงอย่างช่วยไม่ได้”
ฉีฝ่าเทียนค่อย ๆ พูด สำหรับก่อนนี้ที่หลัวซิวโจมตีฝานไท่เต๋อจนเหลือเพียงแค่เทพจิตบาง ๆ นั้น กลับไม่ได้แฝงความหมายตำหนิเอาไว้แม้แต่น้อย
เพราะความแค้นระหว่างหลัวซิวกับฝานไท่เต๋อนั้นชัดเจนมาก และในตอนนั้นที่คีตโลกาถ้ำเทพสถิตก็มีพยานรู้เห็นมากมาย ระดับอำนาจของหลัวซิวในองค์กรนักล่ายุทธ์ก็นั้นก็สูงมาก แน่นอนว่าไม่มีใครหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาตำหนิเขาอยู่แล้ว
“ข้ามาครั้งนี้ ก็เพื่อจัดการให้มีคนคนรับช่วงตำแหน่งหัวหน้าแก๊งนักกลั่นยา ตามข้อกำหนดแล้วนั้น ตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง ต้องเป็นสมาชิกของสี่แก๊งใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นต้องมีทักษะระดับนักกลั่นยาระดับหก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉีฝ่าเทียนก็มองไปทางหลัวซิว “ตามที่ข้าได้รับรู้ เจ้าสำนักหลัวเจ้าน่าจะเป็นปรมาจารย์กลั่นยาระดับหกใช่หรือไม่?”
ตวามสามารถการรายงานขององค์กรนักล่ายุทธ์แข็งแกร่งมาก สำหรับฉีฝ่าเทียนที่รู้ว่าตนสามารถกลั่นยาได้ หลัวซิวนั้นจึงไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจแม้แต่น้อย
อีกทั้งเมื่อเขาได้ยินประโยคนี้ของฉีฝ่าเทียน ก็สามารถเข้าใจบางสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะจะสื่อได้
“ใช้แล้ว ข้าคือปรมาจารย์กลั่นยาระดับหก” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อพูดจบ ในตอนนี้จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง หงหมิงและพวกของเหว้ยห้าวหรานที่ไม่ค่อยรู้เรื่องราวอย่างละเอียดของหลัวซิว ต่างก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
ทันใดนั้นพวกเขาก็ตระหนักได้ว่า ทำไมในตอนแรกหลัวซิวถึงได้พูดว่าสามารถทำให้เฆ่าประหลาดฉิวมีผลการฝึกตนถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายภายในสิบปี ที่แท้เขาก็คือปรมาจารย์กลั่นยาระดับหก!
“เจ้าเด็กคนนี้ดูเหมือนอายุจะยังไม่ถึง20ปีด้วยซ้ำ? พลังการต่อสู้เทียบเท่าจักรพรรดิยุทธ์ ปรมาจารย์กลั่นยาระดับหก?”
พวกของจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงต่างมองหน้ากันไปมา แต่ละคนต่างก็มีสีหน้ายากที่จะเชื่อ
แต่เหล่าผู้อาวุโสแก๊งนักกลั่นยานั้นแสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย