มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 543
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 543
คลื่นยักษ์ที่ดุดันโดนกระบี่แทงทะลุ มีเสียงระเบิดดังปัง แตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ทันใดนั้นมีอสูรกายหลายสิบตนร่างระเบิดกลายเป็นละอองเลือด
อสูรกายเผ่าน้ำห้าสิบกว่าตนที่มีมังกรเจียวน้ำแข็งเป็นผู้นำแสดงสีหน้าที่ตกใจ
“เผ่ามนุษย์คนนี้เป็นใคร ความแข็งแกร่งน่ากลัวมาก”
มังกรเจียวน้ำแข็งหน้าถอดสี อสูรกายจักรพรรดิช่วงกลางนับร้อยร่วมมือกัน อสูรกายจักรพรรดิขั้นสูงก็ยังต้องถอยสามก้าว แต่กลับโดนทำลายด้วยกระบวนท่าเดียวของมนุษย์คนนี้?
ทว่าในตอนนั้นเอง กลิ่นอายของความตายสายหนึ่งเข้าปกคลุมมัน มังกรเจียวน้ำแข็งเพิ่งพบว่า นักยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้หายไปแล้ว มันเข้าใจได้ในทันที ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังอยู่ด้านหลังของตนเอง
ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของมังกรเจียวน้ำแข็งคือหลบ แต่ก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนไหว มีเปลวเพลิงที่ร้อนแรงน่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งกลืนกินทั้งร่างของมันโดยตรง
“ไม่! ……”
มังกรเจียวน้ำแข็งกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว มันไม่ได้กลัวตาย เพราะที่นี่คือแดนปริศนา มันสามารถฟื้นคืนชีพ แต่ภายใต้การเผาผลาญด้วยเปลวเพลิงแบบนี้ กลับทำให้มันเจ็บปวดเจียนตาย ก่อนตายยังรู้สึกดีกว่านี้
ผ่านไปไม่นาน ร่างกายของมังกรเจียวน้ำแข็งถูกเผาไหม้จนไม่เหลือซาก ทะเลเพลิงมีรัศมีกว้างร้อยเมตร หลัวซิวเหยียบอยู่บนคลื่นเปลวเพลิง สีหน้านิ่งสงบและไร้อารมณ์
“ฆ่ามัน! แก้แค้นให้ท่านมังกรเจียวน้ำแข็ง!”
อสูรกายเผ่าน้ำที่เหลือกลับไม่ได้เลือกที่จะหนี พวกมันอาศัยความสามารถที่สามารถฟื้นคืนชีพ เข้ามาปิดล้อมหลัวซิวอย่างไม่กลัวตาย
ถ้าหากพวกมันรู้ว่าการถูกเปลวเพลิงเผาผลาญต้องเจ็บปวดเพียงใด เกรงว่าอสูรกายพวกนี้คงไม่พุ่งเข้ามาอย่างวู่วามเป็นแบบนี้
อสูรกายพวกนี้มีเจตนาที่จะฆ่าตนเองให้ตาย หลัวซิวย่อมไม่มีทางใจอ่อน เพราะเขาต้องการลูกแก้วโลหิตที่ควบแน่นหลังจากอสูรกายพวกนี้ตาย
“สิบลูก ยี่สิบลูก……”
หลัวซิวลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม อสูรกายพวกนี้ไม่สามารถรวมตัวกันเป็นคลื่นยักษ์จู่โจม ดังนั้นจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ผ่านไปสักพัก อสูรกายเผ่าน้ำนับร้อยถูกกำจัด แต่หลัวซิวรู้ดี หลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง อสูรกายพวกนี้ยังสามารถฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง
หลังจากนับลูกแก้วโลหิตในมือ ทุกลูกล้วนแต่แฝงไปด้วยพลังอันบริสุทธ์ สามารถเทียบเท่ายาระดับหก ยิ่งไปกว่านั้นยังแฝงไปด้วยพลังของกลิ่นอายโลหิต สามารถเพิ่มพูนผลการฝึกตนและร่างเนื้อในเวลาเดียวกัน
หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำก่อนหน้านี้ เขาบอกว่าศาสตราวุธขั้นสูงสุดบนโลกใบนี้ ยาเม็ดและค่ายกล ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถหลอม แต่เป็นสิ่งของที่เกิดจากการก่อตัวของฟ้าดิน
สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้ อันที่จริงในเหตุผลบางประการ ก็ถือกำเนิดขึ้นจากฟ้าดินเช่นกัน
หลังจากอสูรกายตายไป กลิ่นอายโลหิตในร่างกายจะกลายเป็นลูกแก้วโลหิต มองจากอีกมุมหนึ่ง สามารถพูดได้ว่าเป็นยาเม็ดที่ถือกำเนิดขึ้นจากฟ้าดิน
บางทีเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการ แต่ถ้าหากคิดจะลงมือทำมันกลับยากยิ่งกว่าเป็นขึ้นสวรรค์ สิ่งนี้ยิ่งทำให้หลัวซิวเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ตกลงใครเป็นคนสร้างแดนนานาอสูรขึ้นมา?
ประวัติศาสตร์ของยุคบรรพกาล ส่วนใหญ่จมอยู่ใต้น้ำในแม่น้ำสายยาวแห่งประวัติศาสตร์ การดำรงอยู่ของฟ้าดินยาวนานไร้ที่สิ้นสุด ก่อนยุคบรรพกาลต้องมีอารยธรรมที่เก่าแก่กว่าแน่นอน ทั้งหมดนี้อย่าว่าแต่หลัวซิว แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งในยุคบรรพกาลก็ไม่สามารถทำให้เรื่องนี้กระจ่าง
ลูกแก้วโลหิตจักรพรรดิช่วงกลางหนึ่งร้อยกว่าลูกถึงมือ หลัวซิวคิดจะเพิ่มพูนผลการฝึกตนของตนเองทันที ถึงได้รับแรงกดดันของวิชาห้ามค่ายกล ระดับของผลฝึกตนไม่สามารถทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้น แต่จุดประสงค์การมาแดนนานาอสูรครั้งนี้ของเขาก็คือการเพิ่มพูนผลการฝึกตน
อาศัยวิธีการสร้างค่ายกลขึ้นมา ตัวสำนึกของระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าสูงสุด ร่างเนื้อ ผลการฝึกตน บวกกับสุดยอดวิชาที่เคยฝึกมา หลังจากหนึ่งเดือน หลัวซิวบุกเข้าสู่แกนกลางของเขตที่ห้า
หลังจากกลืนลูกแก้วโลหิตช่วงกลางที่ผ่านการปรับแต่งจำนวนมาก ผลการฝึกตนของเขาก้าวหน้าเข้าสู่ระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสี่ในเวลาอันสั้น บรรลุแดนจักรพรรดิช่วงกลาง
ทันทีที่เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่แกนกลางของสถานที่แห่งนี้ มีตัวสำนึกที่บริสุทธิ์และแข็งแกร่งสายหนึ่งล็อคเขาไว้ทันที