มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 593
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 593
“หลัวซิว กล้าขึ้นไปประลองกับข้าหรือไม่?”
เสียงหนักหยาบดังลอยเข้ามาในหู เงาร่างสายหนึ่งได้กระโดดลงจากแท่นบัวเพลิงอัคคี สู่กลางเวทีประลองยุทธ์
เจ้าของของเสียงนี้ คืออัจฉริยะที่เจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนเลือกให้เข้าแข่งขัน หลี่จ้านนั่นเอง!
หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เจ้าตัวใหญ่ผู้โง่เขลา ข้ากับเจ้ามีความแค้นอะไรกัน ทำไมเจ้าถึงได้กัดข้าไม่ปล่อย?”
“เจ้าไม่กล้าหรือ?” เสียงของหลี่จ้านเป็นเหมือนดั่งสายรุ้ง ผู้คนที่ชมการประลองอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงแทบทั้งหมดต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน
“ผลการฝึกตนในระดับมกุฎยุทธ์ขั้นสี่? ในอัจฉริยะรุ่นใหม่นับร้อยคนเหล่านี้ เพียงพอที่จะอยู่ในยี่สิบอันดับแรกแล้ว!”
“คนผู้นี้มีนามว่าหลี่จ้าน เหมือนจะเป็นอัจฉริยะที่เจ้ายุทธจักรพลานุภาพแห่งอาณาจักรเหนือให้ความสำคัญ ฝีมือจะต้องแข็งแกร่งอย่างแน่นอน
บนท้องฟ้าเหนือแท่นประลองยุทธ์กลุ่มที่สาม ถูกหลี่จ้านท้าประลองโดยการเรียกชื่อพร้อมแซ่ หลัวซิวรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้จริง ๆ
“เจ้าตัวใหญ่ผู้โง่เขลา เจ้ารนหาที่เองนะ!” หลัวซิวดวงตากะพริบ และเตรียมที่จะลงไปประลองด้วย
ทว่าในตอนนี้นี่เอง เงาร่างสายหนึ่งกลับได้ลงไปเร็วยิ่งกว่าหลัวซิวหนึ่งก้าว
“ข้าจางเฟิงขอทราบความสามารถของเจ้า!”
ผลการฝึกตนของจางเฟิงผู้นี้ด้อยกว่าหลี่จ้านเล็กน้อย อยู่ในระดับมกุฎยุทธ์ขั้นสาม แต่สามารถโดดเด่นออกมาจากอัจฉริยะมากมายได้ จักต้องมีฝีมือในการสู้ข้ามขั้นอย่างแน่นอน
“เจ้าอ่อนแอเกินไป! สามารถจัดการได้ภายในสามกระบวนท่า” หลี่จ้านหัวเราะเยาะ เขาบีบหมัดของตนเอง เสียงนิ้วดังลั่นเป๊าะ
“สามกระบวนท่า? เจ้าไม่กลัวจะหักหน้าตนเองหรืออย่างไร?”
ในฐานะอัจฉริยะ จางเฟิงเองก็เป็นผู้ที่โอหังไม่น้อย ถูกอีกฝ่ายไม่เห็นอยู่ในสายตาเช่นนี้ ความโมโหก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าทันที
อาวุธต่อสู้ของจางเฟิงนั้นคือหอกยาวขั้นดินสูง ใช้พลังทั้งหมดในทันทีที่ลงมือ แสดงทักษะยุทธ์ระดับยิ่งเลิศออกมา
อัจฉริยะรุ่นใหม่ทุกคนที่สามารถโดดเด่นออกมาในแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น ต่างก็ได้ฝึกวิชายุทธ์ในระดับยิ่งเลิศ นับว่าเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดา
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ดุเดือดและรุนแรงของจางเฟิง หลี่จ้านไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาเลยสักนิด เขาต่อยออกไปหนึ่งหมัด ก็ได้ทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายไป
จากนั้นหมัดที่สองก็ได้ต่อยออก กระแทกจนหอกยาวของจางเฟิงลอยปลิวออกไป ง่ามมือระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ฉีกแตก
จากนั้นก็ไม่ได้ให้โอกาสจางเฟิงตอบโต้กลับเลยสักนิด เท้าข้างหนึ่งได้เตะลงไปบนหน้าอกของเขาอย่างจัง ร่างถูกเตะจนลอยปลิวออกไปในทันที หลังชนเข้ากับเกาะป้องกันที่อยู่รอบเวทีประลองอย่างเต็มแรง
“ข้ายอมแพ้……”
เห็นว่าหมัดของหลี่จ้านกำลังโจมตีเข้าหาตนอีกครั้ง สีหน้าของจางเฟิงก็เปลี่ยนไป และรีบกล่าวยอมแพ้ในทันที
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีประลองต่างแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นานา จางเฟิงผู้นั้นเป็นอัจฉริยะที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ อาศัยผลการฝึกตนในระดับมกุฎยุทธ์ขั้นสามเพียงพอที่จะต่อกรกับมกุฎยุทธ์ช่วงกลาง แต่ภายใต้เงื้อมมือของหลี่จ้าน กลับรับมือได้ไม่ถึงสามกระบวนท่า
หลังจากที่เอาชนะจางเฟิงได้อย่างง่ายดาย หลี่จ้านก็มองไปหาหลัวซิวด้วยความยิ่งยโส ในแววตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นของการต่อสู้
“ในเมื่อเจ้าอยากจะสู้กับข้าถึงขนาดนั้น งั้นข้าก็จะให้เจ้าสมปรารถนา”
หลัวซิวลุกขึ้นยืนบนแท่นบัวเพลิงหิมะอย่างสมาธิแน่วแน่ และกระโดดลอยตัวลงมา ร่างของเขาร่อนลงไปบนเวทีประลองยุทธ์ที่อยู่ด้านล่างอย่างนุ่มนวล
“คนผู้นี้เป็นใครกัน? ถึงได้กล้าประลองกับหลี่จ้าน?”
“สวรรค์ ข้าไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม? เจ้าหนุ่มชุดดำผู้นั้นมีผลการฝึกตนอยู่เพียงแค่ในระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ดเท่านั้น?”
“ฮ่า ๆ จักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ดกล้าท้าทายหลี่จ้าน? ไม่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือ?”
“คนผู้นี้มีนามว่าหลัวซิว เหมือนว่าจะเป็นอัจฉริยะที่เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวแนะนำให้เข้าร่วมการประลองยุทธ์ น่าเสียดายที่ผลการฝึกตนต่างกันเกินไป ไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่จ้าน”
รอบด้านของเวทีประลอง ผู้ชมต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา ไม่มีผู้ใดสนับสนุนการประลองในรอบนี้เลย
สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่อยู่โดยรอบ หลัวซิวฟังหูซ้ายทะลุหูขวา เขายืนอยู่บนประลองอย่างแน่วแน่เป็นธรรมชาติ ร่างกายที่ค่อนข้างจะผอมบาง เมื่อเทียบกับร่างบึกบึนกำยำของหลี่จ้าน ก็เป็นเหมือนดังผู้ใหญ่กับเด็ก
เขาก้าวเท้าเดินมายังด้านหน้าของหลี่จ้าน ความสูงของเขาถึงบริเวณหน้าอกของหลี่จ้านเท่านั้น แขนเพียงข้างเดียวของอีกฝ่าย ใหญ่กว่าต้นขาของตนเสียอีก
ในตอนนี้ บนเวทีประลองยุทธ์อื่น ๆ ก็คึกคักเร่าร้อน ดุเดือดเป็นพิเศษ มีการป้องกันจากเกราะป้องกัน ควันหลังจากการต่อสู้ต่างถูกควบคุมให้อยู่ในบริเวณเวทีประลองยุทธ์เป็นอย่างดี จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ชมที่อยู่ด้านนอกอย่างแน่นอน
ทว่าสถานการณ์ในกลุ่มที่สาม กลับได้ดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนมาก มีคนได้สังเกตเห็น สี่เจ้ายุทธจักรผู้สูงส่ง ก็ได้มองมายังทางด้านนี้