มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 594
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 594
เจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนลูบคางของเขา และยิ้มกล่าว: “หวูซิว บุรุษหนุ่มที่เจ้าเลือกมาผู้นี้ มีความกล้าไม่น้อย แต่มีเพียงแค่ความกล้านั้นคงไม่พอ แขนขาเล็ก ๆ นั่น เกรงว่าคงจะรับหมัดของหลี่จ้านไม่ได้”
“เจ้ายุทธจักรพลานุภาพคอยดูเอาเถอะ” เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวหรี่ตาลงเล็กน้อย
เมื่อเห็นเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวสงบเช่นนี้ เจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนก็ได้ทำเสียงหึออกมาอย่างเย็นชาหนึ่งครั้ง แม้จะรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย แต่จักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ดผู้หนึ่งและมกุฎยุทธ์ขั้นสี่ผู้หนึ่ง ช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นคนฝึกฝนหลี่จ้านมาเองกับมือ อาศัยระดับมกุฎยุทธ์ขั้นสี่ เคยได้ข้ามขั้นสังหารมกุฎยุทธ์ขั้นหกผู้หนึ่งที่อาณาจักรเหนือมาก่อน
“เจ้าตัวใหญ่ เจ้าคือนักยุทธ์กลั่นร่างงั้นหรือ?” หลัวซิวยืนอยู่ที่ด้านหน้าหลี่จ้าน และถามด้วยรอยยิ้มขึ้นมาหนึ่งประโยค
“ใช่แล้วอย่างไรเล่า?” หลี่จ้านก้มลงมองหลัวซิว พลางบีบหมัด เหมือนกำลังบอกว่า ดูร่างของข้าสิ ดูกล้ามเนื้อนี่สิ ใช่นักยุทธ์กลั่นร่างหรือไม่ ยังต้องให้ข้าพูดอีกหรือ?
แต่ที่ทำให้หลี่จ้านคิดไม่ถึงก็คือ หลัวซิวได้ยิ้มออกมา แสดงให้เห็นฟันสีขาวที่มีอยู่เต็มปาก กล่าว: “บังเอิญเสียจริง ข้าเองก็เป็นนักยุทธ์กลั่นร่าง”
“เจ้าก็เป็นนักยุทธ์กลั่นร่าง?”
เมื่อหลี่จ้านได้ยินคำพูดนี้ มุมปากก็กระตุกขึ้นมาสองครั้ง อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าหัวเราะขึ้นมา
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นนักยุทธ์กลั่นร่างหรือไม่ ภารกิจของข้าคือเอาชนะเจ้า!”
ทันใดนั้นเอง หลี่จ้านก็ต่อยออกมาหนึ่งหมัด พุ่งเข้าใส่หน้าของหลัวซิว
เผชิญหน้ากับการโจมตีของหลี่จ้าน หลัวซิวได้ย่อร่างลงเล็กน้อย ลมอันดุเดือดจากพลังหมัดได้พัดผ่านศีรษะของเขาไป
ในวินาทีที่เขาย่อตัวลง หลัวซิวเองก็ได้ต่อยหมัดออกมาอย่างกะทันหัน หกเข้าใส่บริเวณท้องน้อยของหลี่จ้าน
“แค่อาศัยเจ้าจะทำลายการป้องกันของข้าได้เช่นนั้นหรือ?”
หลี่จ้านไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด ต่อให้หลัวซิวบอกว่าตนเป็นนักยุทธ์กลั่นร่าง ในสายตาของหลี่จ้าน คนผู้นี้มีผลการฝึกตนในระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ด ร่างเนื้อจะสู้ร่างยุทธ์แดนมกุฎของตนได้อย่างไร?
ทว่าวินาทีต่อมา การเคลื่อนไหวของหลี่จ้าน ก็พลันหยุดชะงักลง
ปัก!
หมัดที่แสนจะธรรมดาหมัดหนึ่ง ต่อยเข้าที่ท้องน้อยของเขาเต็ม ๆ หลี่จ้านก้มลงไปมอง เหมือนกับได้โดนฟ้าผ่า
“เจ้า……”
เขาเบิกตาโพลง มองหลัวซิวอย่างไม่อยากจะเชื่อ การป้องกันร่างเนื้อของร่างยุทธ์แดนมกุฎ ต้านทานหมัดของเจ้าคนนี้ไม่ได้เช่นนั้นหรือ?
หลี่จ้านก้าวถอยหลังไปหลายก้าวด้วยใบหน้าซีดขาว ภายในใจของเขา ทั้งตะลึงทั้งโมโห
หลัวซิวค่อย ๆ เก็บหมัดกลับไป รอยยิ้มผ่านเข้ามาในแววตาของเขาแวบหนึ่ง กล่าว: “ข้าบอกกับเจ้าแล้ว ข้าเองก็เป็นนักยุทธ์กลั่นร่าง เจ้ากลับไม่เชื่อ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่จ้านโกรธจนหน้าแดงขึ้นมา จากนั่นก็ตวาดด้วยความโมโห และกระโจนเข้าหาหลัวซิว
ลำแสงสีท้องอันเจิดจรัสแผ่ซ่านออกมาที่รอบกายของหลี่จ้าน ลำแสงทุกสายนั้นคมดั่งกระบี่ เป็นเหมือนดั่งอาวุธต่อสู้ในร่างมนุษย์ พุ่งกระโจนเข้ามา
“มาได้เยี่ยม!”
หลัวซิวหรี่ตาเล็กน้อย ซัดออกไปหนึ่งฝ่ามือ แสดงวิชาสังหารไท่เสวียนออกมา พลังของฝ่ามือนั้นหนักหน่วง เหมือนดังภูเขาลูกหนึ่งกดทับลงไป
เสียงดังสนั่น หมัดและฝ่ามือของทั้งสองกระทบกัน พื้นที่โดยรอบแตกเป็นเสี่ยง ๆ เหมือนดั่งใยแมงมุมที่แตกกระจาย
ลำแสงสีทองบนร่างของหลี่จ้านแผ่ซ่านไปทุกทิศทุกทาง ร่างกายเหมือนกับได้หล่อหลอมขึ้นด้วยทองคำ
ร่างของหลัวซิวถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีดำ เหมือนดั่งอสุราที่มาจากอเวจี
แม้ว่าควันหลงจากการต่อสู้ของทั้งสองนั้นก็มีเกราะป้องกันที่อยู่รอบเวทีประลองควบคุมเอาไว้ แต่ผู้ชมที่อยู่ด้านนอก ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวจากการต่อสู้ร่างเนื้อของทั้งสอง
“คิดไม่ถึงว่าร่างเนื้อของเจ้าจะไม่ด้อยไปกว่าข้าเลย!”
หลังจากที่เสียเปรียบไปหนึ่งครั้ง ท่าทีของหลี่จ้านก็ได้จริงจังขึ้นมา และได้เห็นหลัวซิวที่อยู่ตรงหน้าเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ด้อยไปกว่าตัวเอง
ประกายสีทองแผดเผาอยู่ในดวงตาของเขา พุ่งร่างออกไปข้างหน้า หมัดสีทองต่อยสุญญากาศแตกละเอียด ทำให้คนยากที่จะจินตนาการได้ว่าพลังของมันนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
ปัง!
หลัวซิวยังคงขับเคลื่อนวิชากลั่นร่างวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ให้วิชายิ่งเลิศสังหารไท่เสวียนต่อกรกับมัน
เวทีที่ใช้ในการประลอง ทำมาจากวัสดุที่แข็งแรงเป็นพิเศษ แต่ในการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างทั้งสอง เวทีประลองกลับไม่อาจทนรับได้ และแตกหักไปมุมหนึ่ง