มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 602
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 602
การโจมตีทางวิญญาณ โดยตัวของมันเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีที่เกิดมาจากตัวสำนึกทางวิญญาณ เมื่อโจมตีแล้วถูกอีกฝ่ายหนึ่งทำลาย นั่นก็เท่ากับว่าตัวสำนึกทางวิญญาณส่วนหนึ่งถูกทำลาย ตัวนักยุทธ์เองก็จะได้รับแรงสะท้อนกลับด้วย
เวลาที่แสดงพลังการโจมตีทางวิญญาณ ยิ่งเราใช้พลังวิญญาณมากเท่าไหร่ แรงสะท้อนกลับก็จะยิ่งมากขึ้นไปด้วย หากวิญญาณดั้งเดิมได้รับความเสียหาย นั่นจะเท่ากับว่าสถานการณ์เลวร้ายอย่างแท้จริง
พลังการเผชิญหน้าของวิญญาณ หากพลังของทั้งสองฝ่ายต่างกันไม่มากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องเผชิญหน้ากัน
แต่ช่องว่างระหว่างปี้คงกับหลัวซิวนั้น ก็เหมือนกับช่องว่างระหว่างฟ้าดิน
เขาทะนงตนในตัวสำนึกมกุฎยุทธ์ขั้น 6 แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลัวซิวที่ตัวสำนึกอยู่ในแดนกว้างใหญ่ในขั้นมหายุทธ์แล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำหยดเล็กๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไร้เขตแดน
เมื่อการโจมตีทางวิญญาณพังทลายลง ปี้คงย่อมได้รับแรงสะท้อนกลับ ในเวลาเดียวกันก็รับรู้ได้ว่าตัวสำนึกของอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหน นี่เองที่ทำให้จิตใจของปี้คงหนาวสะท้านหวาดผวา
และในระหว่างการปะทะกันของพลังทางวิญญาณ สถานการณ์การต่อสู้จะพลิกแพลงได้ตลอดเวลา เมื่ออีกฝ่ายเกิดความหวาดกลัวขึ้น นั่นเท่ากับเป็นการเผยจุดอ่อนใหญ่หลวงออกมา และไม่มีทางหนีความพ่ายแพ้พ้น
หลัวซิวเปลี่ยนตัวสำนึกให้กลายเป็นเปลวไฟสีดำ และผนึกรวมกันเป็นรูปดาบ ในเวลาเพียงชั่วขณะทำให้วิญญาณที่ผนึกรวมของปี้คงแตกกระจายออกเป็นสองท่อน
……
“มีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ปี้คงเป็นผู้ที่ชำนาญด้านการโจมตีทางวิญญาณ ตามหลักแล้วจะต้องทำให้ตัวหยั่งรู้ของหลัวซิวได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ทำไมสองคนนี้ถึงได้ประลองกันนานนัก ถึงตอนนี้ก็ยังไม่จบ?”
บริเวณใกล้ๆ เวทีประลองยุทธ์กลุ่ม 3 กลุ่มคนที่สนับสนุนปี้คงอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
ทว่าในตอนนี้ วิญญาณของคนทั้งสองยังคงต่อสู้กันอยู่อย่างดุเดือดในโซนปิดตายแห่งหนึ่ง
หากจะพูดให้ถูก ฝ่ายปี้คงโดนหลัวซิวกระหน่ำโจมตีใส่ราวพายุถาโถมกระหน่ำ และดูเหมือนว่าจะไม่สามารถตอบโต้กลับได้เลยด้วยซ้ำ
“ไม่! เป็นไปไม่ได้!……”
ในอกของปี้คงเต็มไปด้วยความไม่ยอม อีกฝ่ายหนึ่งเป็นแค่จักรพรรดิยุทธ์ระดับ 7 เท่านั้น เหตุใดตัวสำนึกของเขาถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ หรือว่าวรยุทธ์กลั่นวิญญาณที่เขาฝึกฝนแข็งแกร่งกว่าตำราฝึกจิตญาณของแดนศักดิ์สิทธิ์ญาณ
ทว่าปี้คงก็ค้นพบในทันทีว่า แม้ว่าตัวสำนึกของหลัวซิวจะแข็งแกร่ง แต่ก็รู้จักวิชาเพียงผิวเผิน มิเช่นนั้นแล้วป่านนี้เขาคงไม่มีเวลาแม้แต่จะหายใจและแพ้ราบคาบไปแล้ว
แต่ปี้คงก็รับรู้ได้ทันทีว่าต่อให้หลัวซิวไม่ชำนาญด้านการโจมตีทางวิญญาณ ตนเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี เพราะตัวสำนึกของเขาแข็งแกร่งมาก จนสามารถเสริมจุดอ่อนของวิชาได้
หลัวซิวเองก็รู้ในประเด็นนี้เช่นกัน ตัวสำนึกทางวิญญาณของเขาแข็งแกร่งกว่าปี้คงมากหลายเท่า แต่ในด้านการใช้งานตัวสำนึกทางวิญญาณตามตำรานั้น เขายังอ่อนหัดกว่าอยู่มาก
ส่วนปี้คงเองก็อาศัยความรู้ในวิชาที่สูงกว่าจึงสามารถยืนหยัดต่อสู้อยู่ได้แม้ว่าตัวสำนึกของทั้งสองจะห่างกันขนาดนี้
และเมื่อสถานการณ์การต่อสู้ทางตัวสำนึกวิญญาณของทั้งสองกำลังดุเดือดนั้น ความเข้นข้นทางวิญญาณของปี้คงก็เริ่มด้อยลง และเนื่องด้วยความเข้นข้นทางวิญญาณถูกเผาผลาญไป ทำให้ใบหน้าของเขาซีดขาวจนน่าตกใจเพราะไม่เหลือร่องรอยของโลหิตอีกแม้แต่น้อย
“ไอ้หมอนี่มันฝึกตนอย่างไรกันแน่ เห็นชัดๆ ว่าเป็นแค่จักรพรรดิยุทธ์ระดับ 7 แต่นอกจากจะมีร่างเนื้ออยู่ในแดนร่างยุทธ์แดนมกุฎแล้ว ตัวสำนึกทางวิญญาณก็ยังแข็งแกร่งมากเช่นนี้ด้วย
ปี้คงพยายามอย่างหนัก เขาโกรธจนกัดฟันแน่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดผู้โดดเด่นของแดนศักดิ์สิทธิ์ญาณ ตำราการฝึกจิตวิญญาณของปี้คงถือได้ว่าเป็นวรยุทธ์ฝึกจิตวิญญาณชั้นเลิศ
เพราะในการฝึกจิตวิญญาณต้องใช้พรสวรรค์สูงมาก ดังนั้นเขาจึงเริ่มเลือกเดินในเส้นทางการฝึกกลั่นวิญญาณมาตั้งแต่แรกเริ่ม ความเข้มข้นของวิญญาณผนึกรวมอย่างเข้มแข็ง และด้วยการฝึกตนระดับมกุฎยุทธ์ขั้น 3 การโจมตีทางวิญญาณของเขาสามารถเอาชนะมกุฎยุทธ์ขั้นปลายได้