มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 635
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 635
สุดท้ายถึงรอบหลัวซิวแข่งขัน คราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาเป็นอัจฉริยะที่มาจากตำหนักดารานภา หลัวซิววางแผนที่จะดูวิธีการโคจรมหาจักรวาลดาราของโดยการต่อสู้กับอีกฝ่าย แต่เขาคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยอมรับความพ่ายแพ้โดยไม่ลังเลทันที
เท่าที่หลัวซิวรู้มา สายเลือดโคจรมหาจักรวาลดารา ฝึกฝนพลังดารา ซึ่งเป็นพลังธาตุพิเศษชนิดหนึ่ง ค่อนข้างคล้ายกับพลังเหลืองเสวียน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และได้เปลี่ยนแปลงออกมาเป็นธาตุอื่นๆ และฝึกฝนไปสู่แดนที่ขั้นสูง ยังจะสามารถแปลงเป็นพลังแห่งกฎระดับสูงได้
ตัวอย่างเช่น มีข่าวลือว่าโคจรมหาจักรวาลดารา เทพศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่ซึ่งเฝ้าอยู่ก็เพราะถึงระดับแดนเจ้ายุทธ จากพลังดาราความเข้าใจกลายเป็นกฎปริภูมิดั้งเดิม มีพลังแห่งกฎระดับสูงสุดอย่างหนึ่ง และกลายเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกแสงดาว
เทพศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จากสำนักดำเหลือง จากพลังเหลืองเสวียนบุกไปถึงระดับเจ้ายุทธจักร ได้รับรู้ถึงกฎแห่งชีวิต
ตั้งแต่เกิดภัยพิบัติในสมัยโบราณ แม้ว่าการฝึกฝนจะไม่ได้สูงสุดเหมือนในอดีตอีกต่อไป แต่ในบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งสี่แห่ง ก็ยังมีระบบการสืบทอดที่สมบูรณ์
แต่แม้ว่าจะมีการสืบทอดที่สมบูรณ์ หลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี ผู้ที่สามารถทำความเข้าใจได้จริงๆนั้นน้อยมาก
ว่ากันว่า ในโลกแสงดาว ห้าหมื่นปีมาแล้ว ที่ไม่ได้มีผู้แข็งแกร่งระดับนิรันดร์เกิดขึ้นมาอีก
รู้ว่าสู้ไม่ได้ ก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะเป็นตัวตลก การต่อสู้ต่อมา ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรน่าดู ทุกคนต่างตั้งตารอการปะทะกันระหว่างหลัวซิว หวูหยุนและซิงหลิงสามคน
สามอันดับแรกของการแข่งขันครั้งนี้ จะต้องตกไปอยู่ในมือของสามคนนี้อย่างแน่นอน แต่สำหรับอันดับที่สี่ถึงสิบนั้นยังมีการแข่งขันกันอีกมาก
เพราะหลังจากการแข่งขัน ก็จะได้เข้าฝึกตนในแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่าง และระยะเวลาในการฝึกฝนของแต่ละคนนั้นถูกกำหนดโดยอันดับของการแข่งขัน ทุกคนเลยพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้อันดับที่สูงขึ้น
ในสายตาของคนส่วนใหญ่ อันดับสี่และห้าจะเป็นของกุ่ยโยวและต้าวหวูซินอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง ก็ถึงรอบของกุ่ยโยวและต้าวหวูซินที่จะขึ้นเวลาแข็งขัน
คนสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นนิกายมารศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งในรุ่นเยาว์ และอีกคนเป็นเทพธิดารุ่นนี้ของสำนักดำเหลือง เทียบกันแล้ว ผลการฝึกตนของกุ่ยโยวนั้นสูงกว่า เพราะอายุของเขามากกว่าต้าวหวูซินเจ็ดหรือแปดปี
อายุเจ็ดหรือแปดปีอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนักยุทธ์ธรรมดา แต่สำหรับอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ในระดับเดียวกัน ก็สามารถเปิดช่องว่างระยะห่างขนาดใหญ่ได้แล้ว
ทันทีที่กุ่ยโยวขึ้นมา เขาได้ใช้พลังมารให้ถึงขีดสุด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังมาร กลายเป็นมังกรที่ขดไปมา คลุมไปทั้งเวทีการแข่งขัน
ต้าวหวูซินไม่ได้อ่อนแอสักนิด ใช้วิชายิ่งเลิศทุกชนิดด้วยพลังเหลืองเสวียนเป็น แต่ท้ายที่สุดก็ด้อยกว่าเล็กน้อยแล้วยอมรับความพ่ายแพ้
เมื่อเห็นการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้คนจึงเข้าใจในทันทีว่ากุ่ยโยวผู้นี้เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่เก่งกาจที่สุดในรุ่นเยาว์ของนิกายมารศักดิ์สิทธิ์ แต่พ่ายแพ้ให้กับหลัวซิว ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับชื่อนี้มากนัก เลยทำให้ผู้คนหลายคนรู้สึกว่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของนิกายมารศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่มีเก่งกาจอะไรมากนัก
จนกระทั่งถึงเวลานี้ ผู้คนค่อยตระหนักได้ว่าไม่ใช่ว่ากุ่ยโยวไม่ได้แข็งแกร่ง แต่หลัวซิวนั้นแข็งแกร่งเกินไป หากพูดให้ตรงกว่านี้คือ เปลวไฟที่หลัวซิวแสดงออกมานั้นน่ากลัวเกินไป ทำให้กุ่ยโยวหวาดกลัว
“ถ้าไม่มีผู้แข็งแกร่งที่คาดไม่ถึงอย่างหลัวซิว ในการแข่งขันครั้งนี้ กุ่ยโยวจะต้องอยู่ในสามอันดับแรกอย่างแน่นอน”
“อัจฉริยะที่แท้จริงไม่สามารถมองออกได้ในระยะแรก หลังจากที่ผลการฝึกตนไปถึงแดนมหายุทธ์ ช่องว่างจะค่อยๆกว้างขึ้น”
“ใช่ เส้นทางของยุทธ์ ขึ้นอยู่กับว่าใครสามารถไปได้ไกลกว่าบนเส้นทางแห่งการเข้าใจพลังแห่งกฎ ห่างกันเล็กน้อยก็เท่ากับว่าห่างกันมาก!”