มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 671
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 671
“ศิษย์น้องอย่าท้อแท้ใจไปเลย ไม่ใช่แค่พวกเราที่ผ่านหอคอยฝึกตนพวกนี้ไปไม่ได้” บุรุษหนุ่มผู้ร่วมทางคนหนึ่งยิ้มกล่าว
“ได้ยินว่าเมื่อวานหวูหยุนทะลวงผ่านหอคอยเสวียนเทียนชั้นที่สอง กุ่ยโยวทะลวงผ่านหอคอยร่างทองชั้นที่สอง ต้าวหวูซินทะลวงผ่านหอคอยเทพจิตชั้นที่สอง ซิงหลิงทะลวงผ่านหอคอยสุดหล้าชั้นที่สอง”
“พวกเขาเป็นถึงยอดอัจฉริยะในหมู่คนรุ่นใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์สี่แดนใหญ่ แต่เหมือนว่าหอคอยสุดหล้าจะทะลวงได้ยากกว่าหอคอยฝึกตนอีกสี่หอคอยมาก เห็นได้ชัดว่าซิงหลิงร้ายกาจกว่ามากนัก”
คนพวกนี้เพิ่งจะได้ลองทะลวงหอคอยเทพจิตมา แต่ต่างก็ไม่สำเร็จ พวกเขาพูดคุยกันเสียงเบา พลางเดินมุ่งหน้ากลับที่พัก
“ข้าทะลวงผ่านหอคอยเทพจิตชั้นที่หนึ่งมาได้ สามารถฝึกตนที่ตำหนักเต๋าได้เป็นวาลาสามวัน หลังจากที่กลับไปข้าก็จะไปทำความเข้าใจร่องรอยกฎที่ตำหนักเต๋า อีกสามวันให้หลังจักต้องทะลวงผ่านหอคอยเทพจิตชั้นที่สองไปได้แน่!” สตรีนางหนึ่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์ญาณที่หมดอาลัยตายอยากอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ จู่ ๆ ก็ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
แม้อัจฉริยะของแดนศักดิ์สิทธิ์จะหยิ่งผยอง แต่ก็ใช่ว่าจะทนรับความล้มเหลวไม่ได้ สภาพจิตใจก็ต้องดีเป็นธรรมดา
แต่ทว่าเมื่อนางพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา กลับไม่เห็นว่าเหล่าศิษย์พี่ที่อยู่ข้างกายจะพูดอะไร แต่สายตาได้มองไปยังด้านหน้า และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เป็นเขา?”
สตรีจากแดนศักดิ์สิทธิ์ญาณเองก็ได้เงยหน้ามองไป และได้พบกับบุรุษหนุ่มในชุดดำผู้หนึ่ง กำลังเดินมาทางนี้อย่างช้า ๆ
บุรุษหนุ่มในชุดดำ ก็คือหลัวซิวนั่นเอง
หลังจากที่เหล่าอัจฉริยะหนุ่มสาวได้เลือกที่พักเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนไม่น้อยที่แทบจะทนไม่ไหวอยากจะไปทะลวงด่านของหอคอยฝึกตนทั้งห้า และก็มีบางคนที่เหมือนกับหลัวซิว เลือกที่จะทำความเข้าใจสิ่งที่อยู่ในตำหนักเต๋าก่อน
ระยะเวลาเพียงห้าวัน หนึ่งในนั้นรวมพวกหวูหยุน ต่างก็ได้พากันทะลวงหอคอยฝึกตนทั้งหาไปหนึ่งรอบ
เนื่องด้วยวรยุทธ์ที่ฝึกนั้นไม่เหมือนกัน และจุดเน้นหลักที่จอมยุทธ์ทุกคนฝึกฝนนั้นก็แตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีบางคนสามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่เมื่ออยู่ในหอคอยเทพจิต และมีบางคนที่ถูกจำกัดพลังเมื่ออยู่ในหอคอยเทพจิต
ดังนั้นหลังจากที่ผ่านมาระยะหนึ่ง อัจฉริยะหนุ่มสาวจำนวนมากก็ได้ค่อย ๆ สรุปประสบการณ์ของตนออกมา
ผู้ที่ฝึกตนเน้นด้านตัวสำนึกวิญญาณ โดยปกติแล้วล้วนเลือกทะลวงหอคอยเทพจิตเป็นหลัก ถ้าหากไปทะลวงอีกห้าหอคอยฝึกตนที่เหลือ ก็จะลำบากมากกว่านี้หลายเท่า
ผู้ที่มีร่างยุทธ์ร่างเนื้ออยู่ในระดับสูงนั้น ก็จะเลือกไปทะลวงหอคอยร่างทอง
ส่วนผู้ที่มีพลังจิตแท้แข็งแกร่งนั้น ก็จะไปทะลวงหอคอยเสวียนเทียน ส่วนหอคอยสุดท้ายหอคอยสุดหล้านั้น จะทดสอบพลังการต่อสู้โดยรวม
“เป็นหลัวซิว เหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะไปทะลวงหอคอยเทพจิต”
“ได้ยินว่าหลายวันมานี้เขาปิดขังตัวเองอยู่แต่ในห้องพัก ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถผ่านไปได้กี่ชั้นกัน?”
“เหมือนว่าแดนร่างเนื้อของเขาสามารถทัดเทียมได้กับกุ่ยโยว เหมาะที่จะไปทะลวงหอคอยร่างทองยิ่งกว่า”
เมื่อหลัวซิวได้เดินผ่านคนพวกนี้ไป ผู้คนเหล่านี้ก็อดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอีกครั้ง
“พวกเราตามไปดูหน่อยดีไหม?”
“มีอะไรน่าดู ข้าคิดว่าแม้แต่ชั้นแรกเขาก็ผ่านไปไม่ได้ด้วยซ้ำ”
……
ในขณะเดียวกัน บนยอดเขาที่สูงที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่าง บนชั้นสูงสุดของตำหนักสีขาวทองแห่งหนึ่ง สตรีในชุดสีม่วงผู้หนึ่ง มีตรากฎสีดำอยู่บริเวณตรงกลางระหว่างคิ้ว มือสองข้างไขว้หลัง ก้มหน้าลงมองทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ในอ้อมแขนของสตรีในชุดสีม่วงนางนี้ ยังได้อุ้มแมวสีดำที่มีท่าทางเกียจคร้านเอาไว้
ทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูเบา ๆ ก็ได้ดังลอยมา ประตูใหญ่ที่อยู่ด้านหลังสตรีชุดสีม่วงถูกคนผลักเปิดออก ชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“เจ้าแดนมาหาข้ามีเรื่องอันใด?” สตรีชุดสีม่วงค่อย ๆ หันกลับมา มองไปยังชายชราที่เปิดประตูเข้ามาผู้นั้น
“ฮ่า ๆ พวกเด็ก ๆ ที่มาในครั้งนี้มีอยู่หลายคนเป็นต้นกล้าที่นับว่าไม่เลวเลย เทวทูตจื่อเยียนจะลองดูหน่อยไหม?” ชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงกล่าวพลางมือลูบผ่านหนวดยาวสีขาว