มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 774
“ได้ยินมาว่าผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์หลายท่าน ออกแรงแย่งชิงเกราะนักยุทธ์สีเหลืองทองเพื่อให้ได้มันมาครอง แต่ท้ายที่สุดเกราะนักยุทธ์บินหนีไป เหมือนเอาตะกร้าไปตักน้ำ ตักได้แค่ความว่างเปล่า”
“นอกจากเกราะนักยุทธ์สีเหลืองทอง ยังมีม้วนหยกปริศนาอีกหนึ่งชิ้น แต่ถูกคนที่ชื่อหลัวซิวเอาไปแล้ว”
ทุกหนแห่งในอาณาจักรตะวันออกต่างก็มีแต่เสียงถกเถียงกันเรื่องนี้ และข้อมูลนี้ก็ถูกขยายไปถึงอีกสามอาณาจักรใหญ่อย่างรวดเร็ว
“หลัวซิว? ชื่อนี้ทำไมฟังดูแล้วมันคุ้น ๆ อย่างบอกไม่ถูก? สามารถแย่งชิงม้วนหยกจากกองกำลังใหญ่แดนศักดิ์สิทธิ์และสองเผ่าพันธุ์มารปีศาจไปแบบต่อหน้าต่อตาเช่นนั้น มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใดกันแน่?”
“คนผู้นี้เกิดที่เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในอาณาจักรใต้ แต่พรสวรรค์สูงมาก ว่ากันว่าระหว่างการฝึกซ้อมที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สามารถกดซิงหลิง หวูหยุน ต้าวหวูซินและกุ่ยโยว สี่อัจฉริยะหาตัวจับยาก และคว้าอันดับหนึ่งมาครองได้!”
“ที่ในตำหนักตอนนั้นข้าก็ได้เห็นเองกับตา อัจฉริยะแห่งราชวงศ์มารม่วงเฟิงเฉิงโจวก็ถูกเขาโจมตีเสียจนไม่สามารถตอบโต้ได้”
“ว่ากันว่าเทพบุตรเผ่าหงส์ก็เคยสู้กับเขาเรื่องกฎระดับที่บรรลุถึง แต่น่าเสียดายสู้ไม่ได้เลยหนีไปเสียก่อน”
คนมากมายกำลังพูดคุยกัน แต่ต่างก็รู้สึกว่ามันเชื่อได้ยาก ถึงอย่างไรนี่มันก็เหลือเชื่อเกินไป
เฟิงเฉิงโจว แห่งราชวงศ์มารม่วง คืออัฉริยะแปลกประหลาดจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ ครั้งหนึ่งเคยเผชิญหน้าชนะ เจ้ายุทธจักรคนหนึ่งแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ ถูก กองกำลังต่าง ๆ จากแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ ถูกมองว่าเป็นภัยใหญ่หลวงในอนาคต
แต่หลังจากนั้นเขากลับไม่สามารถตอบโต้กลับในการสู้กับหลัวซิวได้ จะไม่ให้ผู้คนตกใจได้อย่างไร?
“เผ่าหงส์มี เจ้ายุทธจักรสองคนที่เคยตายด้วยน้ำมือของคนผู้นี้ วันนี้กองกำลังต่าง ๆ ต่างก็กำลังออกตามหาร่องรอยของคนผู้นี้ด้วย”
“เจ้าเด็กคนนี้ก็ช่างกล้าหาญชาญชัยเหลือเกิน ขัดแข้งขัดขาเผ่าหงส์ยังไม่พอ ยังฆ่าอัจฉริยะแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดและนิกายมารศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย วันนี้ยังแย่งสมบัติล้ำค่าไปต่อหน้าต่อตาเหล่ากองกำลังทั้งหลาย ใต้หล้ากว้างขวางเพียงใด แต่ก็เกรงว่าจะไม่มีที่ยืนให้กับเขาแล้ว”
“เขาเกิดที่อาณาจักรใต้ มีสำนักอยู่ที่อาณาจักรใต้ ต่อให้เขาหลบซ่อนตัว เหล่ากองกำลังทั้งหลายต่างก็มีวิธีที่จะบีบบังคับให้เขาออกมา”
ข้อมูลต่าง ๆ ไหลไปดั่งสายน้ำ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิวต่างถูกผู้คนตรวจสอบจนสิ้น
จนกระทั่งถึงเวลานี้ ทุกคนต่างพบกับการตกตะลึง เขาเพิ่งจะมีอายุเพียง 22 ปี!
“พระเจ้า 22 ปีก็สามารถครอบครองพลังที่สามารถเข่นฆ่า เจ้ายุทธจักรได้ นี่คือการทำลายกฎของธรรมชาติหรือไร?”
“เขาสามารถฆ่า เจ้ายุทธจักร แต่ก็เป็นการพึ่งพาของนอกกาย มีภูตอัคคีอันแข็งแกร่งและของขลังปีกทิพย์ไร้มลทินที่ได้ชื่อว่ามีความรวดเร็วที่สุดในโลกก็เท่านั้น”
“กองกำลังต่าง ๆ ต่างก็มีผู้แข็งแกร่ง ไม่ขาดผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ ไม่ว่าเขาจะเก่งกาจอีกมากเพียงใด สุดท้ายก็ยังเป็นเพียงแค่มกุฎยุทธ์ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งอยู่ดี”
“ด้วยผลการฝึกตนระดับมกุฎยุทธ์ สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ มันก็ถือว่าน่ากลัวมาก ๆ แล้ว”
แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ เคลื่อนไหวกำลังพลจำนวนมาก หลายคนก็เดินหน้าตามหาร่องรอยของหลัวซิวไปทั่วทั้งสี่ทิศ
ยังไม่พูดถึงว่าม้วนหยกสีทองที่ถูกหลัวซิวชิงไปนั้น แท้จริงแล้วบันทึกอะไรเอาไว้แน่ แค่เพียงสมบัติที่เขาครอบครองอยู่นั้น ก็มากพอให้ที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับ เจ้ายุทธจักรใจสั่นระรัวได้แล้ว
สำหรับส่วนที่เขามีภูตอัคคีอยู่ในมือนั้น ทำให้ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ต่างเตรียมพร้อมที่จะทำอะไรสักอย่าง เพียงแต่ความเป็นตัวตนของพลังในระดับที่บรรลุถึงนั้น กลับไม่สามารถลงมือตามอำเภอใจได้
นอกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ จากเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้แต่เผ่าพันธุ์มารและเผ่าพันธุ์ปีศาจก็มีการเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน มักจะปรากฏตัวขึ้นที่คูเมืองและเมืองหลวงของเผ่าพันธุ์มนุษย์
ตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมในสมัยโบราณ ทั้งสามเผ่าพันธุ์ต่างลงนามในข้อตกลงยุติสงคราม แต่ทั้งทุกฝ่ายนั้นก็มีการติดต่อกันน้อยมาก ในชีวิตปกติจะอาศัยกันอยู่ในเขตเมืองที่แตกต่างกัน
แต่ในครั้งนี้ ม้วนหยกสีทองและเกราะยุทธ์สีเหลืองทองได้ดึงดูดจิตใจของผู้คน เผ่าพันธุ์มารปีศาจก็เริ่มเข้ามาที่เขตเมืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างไร้ยางอาย
การเคลื่อนไหวของเผ่าพันธุ์มารปีศาจ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ ของเผ่าพันธุ์มนุษย์รู้สึกไม่สงบสุข โศกนาฏกรรมครั้งโบราณเมื่อหลายหมื่นปีก่อนนำมาซึ่งความหายนะครั้งใหญ่ของฟ้าดินนี้ ให้ทั้งสามเผ่าพันธุ์ต้องทนทุกข์ทรมานจากการบาดเจ็บของพลังจิต
หลังจากพักฟื้นมาหลายหมื่นปี ทั้งสามเผ่าพันธุ์ก็ได้ฟื้นฟูพลังจิตได้ไม่น้อยแล้ว ควบคู่ไปกับความขัดแย้งในอดีต มีความเป็นไปได้สูงที่หายนะครั้งใหญ่รอบที่สองจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
……