มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 922
กระบวนการเช่นนี้ เป็นเหมือนการรบในรูปแบบชักเย่อ ด้วยวิญญาณตัวสำนึกของหลัวซิวบรรลุถึงแดนขั้นกลาง ก็ได้สูญเสียพลังงานไปมากกว่าครึ่ง สีหน้าซีดเผือด
ครึ่งเดือนต่อมา เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาจากตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว เศษจิตสำนึกของหงเทียนถูกเขาทำลายจนสิ้นไม่เหลือแม้เพียงเงา
หลัวซิวก็ไม่ได้คลายการป้องกันลงทั้งหมด แต่กลับตรวจสอบตัวหยั่งรู้ของตนเองอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เศษจิตสำนึกของผู้แข็งแกร่งราชาเทพท่านนี้ได้เกิดใหม่อีกครั้ง
จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าเศษจิตสำนึกของอีกฝ่ายไม่ได้มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่อีก หลัวซิวจึงได้ผ่อนคลายความกังวลลง จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิที่กลางตำหนักจื่อเซียวแห่งนี้เพื่อฟื้นฟูผลการฝึกตนและตัวสำนึกที่สูญเสียไปของเขา
ในขณะที่เขาอยู่ในสภาวะฝึกตนอยู่นั้น ไส้เดือนม่วงตัวหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นกลางตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว พุ่งตรงเข้าไปทางวิญญาณดั้งเดิมของเขา
“เจ้ายังไม่ตายจริง ๆ เสียด้วย!”
หลัวซิวคำรามเสียงต่ำ เขาสงสัยอยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้แข็งแกร่งจากแดนอย่างระดับราชาเทพ ต่อให้เป็นเพียงแค่เศษจิตสำนึกอันบอบบาง จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะถูกเขาเผาทำลายได้โดยง่าย?
ในเวลานี้ไส้เดือนม่วงตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน หลัวซิวก็รู้ว่านี่ถึงจะเป็นเศษจิตสำนึกที่แท้จริงของราชาเทพหงเทียน ก่อนหน้านี้ที่แปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นผู้เฒ่า นั่นก็เพื่อทำให้เขาสับสน และคลายการป้องกันลง
เศษจิตสำนึกของหงเทียนที่กลายเป็นไส้เดือนม่วงน่ากลัวอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มมันก็คิดวางแผนเป็นร้อยเป็นพันเพื่อที่จะทำให้หลัวซิวสับสน และคลายการป้องกันลง
แต่หลัวซิวนั้น ตั้งแต่เยียบเข้าสู่เส้นทางการฝึกยุทธ์ ก็คลุกคลีอยู่กับความเป็นความตายมาตลอดชีวิต ดังนั้นจึงไม่มีทางให้เขาสามารถลอบโจมตีได้สำเร็จ
“มกุฎอัคคีนภาเหลือง!”
เปลวเพลิงสีทองพุ่งขึ้นปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้าดิน หลัวซิวลงมืออย่างเต็มกำลังไม่มีความปราณีเลยแม้แต่น้อย
ท่ามกลางตัวหยั่งรู้ เทพจิตที่แปรมาจากวิญญาณดั้งเดิมของเขานั้น มือหนึ่งถือตะเกียงเทพส่องสว่าง อีกมือหนึ่งถือหอกยุทธ์มังกรดำ พลังต่อสู้เปิดออกทั้งหมด พุ่งตรงไปฆ่าไส้เดือนม่วงตัวนั้น
“เฮอะ เจ้ามันแค่มดมหายุทธ์ตัวน้อย ๆ ยังคิดจะต่อต้านราชาเทพอย่างข้าหรือ?”
ไส้เดือนม่วงพ่นภาษามนุษย์ออกมา คำเยาะเย้ยและเสียงหัวเราะติดต่อกันไม่หยุด มันอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นฟันแหลมคมในช่องปาก ออกแรงสูบเต็มที่ กลืนกินมกุฎอัคคีนภาเหลืองอย่างต่อเนื่อง
หลังจากกลืนกินมกุฎอัคคีนภาเหลืองแล้ว รอบตัวของไส้เดือนม่วงก็เปล่งประกายออร่าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าออกมา
“อะไรกัน?!” หลัวซิวรู้สึกประหลาดใจ มกุฎอัคคีนภาเหลืองเป็นการกลั่นแปรของภูตอัคคีฟ้าดินทั้งสองชนิดโดยมีภูตอัคคีกลืนกินเป็นพื้นฐาน สามารถแผดเผาทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ได้ โดยเฉพาะการยับยั้งจิตวิญญาณ แต่กลับถูกเศษจิตสำนึกราชาเทพผู้นี้กลืนกินเข้าไปอย่างง่ายดาย
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเกรงกลัวถึงเพียงใด เพียงแค่เศษจิตสำนึกอันบอบบางก็สามารถทำให้เจ้ายุทธจักรจำนวนมหาศาลที่มีแดนต่ำกว่าแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์อับจนหนทางได้
“หมื่นจักรวาลไร้รูป!”
หลัวซิวก้าวเท้าไปด้านหน้า หอกยุทธ์มังกรดำปรากฏขึ้น หอกสีดำกลายเป็นมังกร พุ่งโจมตีไปยังร่างของไส้เดือนม่วง ประกายไฟปะทุออกมารอบทั้งสี่ทิศ
“ทักษะการต่อสู้ระดับพลังอมตะ?”
ไส้เดือนม่วงไม่ได้ใส่ใจ “กระบี่เต๋าปราณม่วง!”
มันอ้าปากและปล่อยปราณม่วงออกมา ในปราณม่วงราวกับมีหลายสิ่งปะปนกันอยู่ ทิวทัศน์ของการแปรเปลี่ยนฟ้าดิน หลวมรวมเป็นกระบี่แสง ความเร็วนั้นเร็วถึงขีดสุด
หลัวซิวตกตะลึง รีบยกตะเกียงเทพส่องสว่างในมือขึ้นมา กระบี่เต๋าปราณม่วงโจมตีลงบนตะเกียงเทพ ตามมาด้วยแรงมหาศาล ทำให้ร่างของเขาโอนเอนและก้าวถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง ร่างของเทพจิตเกิดรอยคลื่นหลายเส้น ราวกับกำลังจำแตกสลาย
“ให้ข้ากลืนกินเสียดี ๆ” ไส้เดือนม่วงหัวเราะอย่างร้ายกาจ ทันใดนั้นร่างนั้นก็กระโดดขึ้น หมุนร่างเป็นวงกลม ปากใหญ่เปิดกว้าง พุ่งตรงมาหมายจะกลืนกินหลัวซิว
ปราณม่วงหลายสายขยายออกมา ตรึงทางหนีรอบทิศของหลัวซิวไว้ ทำให้เขาไม่มีหนทางที่จะล่าถอยได้เลย
“ตราทวยมรณะ!”
หลัวซิวทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อเสี่ยงในยามวิกฤต นิ้วมือบดตราประทับ ในเวลาเดียวกันก็ขับเคลื่อนพลังแปรเสวียนเทียนยี่สิบสี่เท่า
“ปัง!”
ออร่าอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายไปรอบ ๆ ตัวเขา วงล้อสีดำที่หลอมรวมกฎอนัตตาลึกลับหมุนเวียนอยู่ปรากฏขึ้น