มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 982
เทพมารอสูรเหยี่ยวทองคือแดนเทพมาร วิชาคุมมารที่เจ้ามรณะถ่ายทอดเอาไว้ เกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมเขาได้โดยสมบูรณ์
หลัวซิวค้นหาความทรงจำของหลี่ยู่ภายในตัวหยั่งรู้ ไม่นานก็ค้นพบวิชาอาถรรพณ์ควบคุมทาสชนิดหนึ่ง วิชาอาถรรพณ์ชนิดนี้เป็นวิชาที่สืบทอดกันต่อมาในโลกมหาจักรภพ ถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาเทพ หากถูกปลูกฝังวิชานี้ ต่างก็จะถูกควบคุมให้เป็นตายอยู่ในแนวคิดเดียว
วิชาอาถรรพณ์ชนิดนี้มีความซับซ้อนอย่างมาก โดยทั่วไปมีเพียงผลการฝึกตนแดนเทพมารเท่านั้นจึงจะสำแดงได้ แต่ด้วยการตระหนักรู้ของหลัวซิวใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถครอบครองวิชาเบื้องต้นได้
จากนั้นเขาก็ผนึกวิชาอาถรรพณ์นี้ลงในช่องจิตของเทพมารอสูรเหยี่ยวทอง เพียงแค่เขาใช้ความคิด วิชาอาถรรพณ์นี้ก็จะทำงาน ช่องจิตของเทพมารอสูรเหยี่ยวทองก็จะแตกสลายเป็นผุยผง วิญญาณดับสูญไปในทันที
“นายท่าน!”
รับรู้ได้ว่าความเป็นความตายของตนนั้นถูกหลัวซิวควบคุมไว้ เทพมารอสูรเหยี่ยวทองเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์ จากนั้นก็หันไปคุกเข่าคำนับต่อหลัวซิว
ด้วยสถานะของเทพมาร ในเวลานี้กลับคุกเข่าคำนับอย่างยิ่งใหญ่ ในใจของเทพมารอสูรเหยี่ยวทองก็ยังคงรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
“ลุกขึ้นเถอะ” หลัวซิวโบกมือไปมา เขาจะเคยคิดมาก่อนได้อย่างไรว่า วันหนึ่งตนจะทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารคุกเข่าคำนับได้?
บาดแผลบนร่างของเทพมารอสูรเหยี่ยวทองได้รับผลกระทบจากกฎการเวียนว่ายตายเกิดดั้งเดิมจึงฟื้นฟูได้อย่างยากเย็น แต่สำหรับหลัวซิวแล้วนั้นกลับเป็นเรื่องที่จัดการได้อย่างง่ายได้
ไม่นาน บาดแผลของเทพมารอสูรเหยี่ยวทองก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว ปีกที่ถูกวิชาห้ามค่ายกลตัดขาด หลัวซิวก็คืนให้กับเขา ต่อเข้าไปใหม่
“เจ้าเข้าไปซ่อนกายอยู่ในตัวหยั่งรู้ของข้าก่อน คอยฟังคำสั่งจากข้า” หลัวซิวเปิดตัวหยั่งรู้ที่บริเวณหว่างคิ้วออก ให้เทพมารอสูรเหยี่ยวทองเข้าไปด้านใน
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพาเทพมารอสูรเหยี่ยวทองเดินโอ้อวดไปทั่วได้ หากบังเอิญถูกเทวมังกรกับเทพมารอสูรคนอื่น ๆ เห็นเข้า คงจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
หลัวซิวมุ่งหน้าต่อไปยังตำหนักแห่งนั้นที่ปรากฏอยู่ ในเวลาเดียวกันก็สื่อสารกับเทพมารอสูรเหยี่ยวทองภายในตัวหยั่งรู้ ได้รับรู้เรื่องบางเรื่องที่ตนเคยไม่รู้
เทพมารอสูรเหยี่ยวทองกับเทวมังกร รวมถึงเทพมารอสูรคนอื่น ๆ อีกหลายคน ต่างก็มาจากพิภพกลางนภาสงัดโลกมาร
โลกพิภพที่อยู่ท่ามกลางจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้น มีโลกพิภพบางแห่งที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าพันธุ์มาร หรือเผ่าปีศาจมากมายหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกัน
แต่ก็มีบางโลกพิภพได้ประสบกับสงครามการชำระล้างและการเข่นฆ่า เหลือเพียงเผ่าพันธุ์เดียวเท่านั้นที่จะได้มีชีวิตอย่างรุ่งเรือง และเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น ดังเช่นการมีอยู่ของโลกโลกาอสูรฟ้าและนภาสงัดโลกมารเป็นต้น
ครั้งนี้ พิภพกลางใหญ่ทั้งสามต่างก็ส่งเทพมารลงมาเยือนที่โลกแสงดาว ในความเป็นจริงนั้นคือเพื่อบริการบุคคลผู้ยิ่งใหญ่คนเดียวกัน
นั่นคือผู้แข็งแกร่งท่านหนึ่งจากพิภพใหญ่ระดับสูง เกินกว่าเทพฟ้า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นราชาเทพ
เพียงแค่คำพูดของเขาถูกส่งมายังโลกเบื้องล่าง ก็มีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนรับใช้เขา มาหาเบาะแสของสมบัติชิ้นนั้น
แต่เทพมารอสูรเหยี่ยวทอง พวกเขาเหล่าเทพมารค้นหาสมบัติชิ้นนั้นอย่างสุดชีวิต ไม่เพียงเพื่อมอบให้เทพฟ้าด้านบน ยังทำเพื่อให้ผู้ยิ่งใหญ่ในโลกใหญ่พึงพอใจด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเทพมารขั้นสูงที่ยืนอยู่บนยอดพีรามิดของพิภพต่ำ หรือว่าจะเป็นเทพฟ้าผู้ไร้ซึ่งคู่ต่อสู้ในพิภพกลาง ต่อหน้าผู้ที่มีอำนาจมากกว่าพวกเขา มันช่างดูน่าขำและน่าเศร้าในเวลาเดียวกัน
การแบ่งแยกระดับที่บรรลุถึงของโลกยุทธ์ การแบ่งแยกแดนกฎ หรือระดับความสูงต่ำของโลกพิภพ ทั่วทั้งจักรวาลนั้นก็เป็นเหมือนกับพีรามิดหลังหนึ่ง ทำได้แค่เพียงสู้สุดชีวิตเพื่อปีนป่ายขึ้นไปให้สูงยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่เยียบไปถึงขั้นสูงสุดเพื่อก้มมองลงมายังสิ่งมีชีวิตนับพันล้าน เช่นนั้นก็จะต้องถูกคนจากข้างบนคอยกุมชะตาชีวิตเอาไว้
ปริภูมิแห่งนี้ที่เทพสงครามเอกภพเปิดขึ้นนั้นกว้างใหญ่มาก หลัวซิวเดินหน้ามาเป็นเวลาเนินนานแล้ว ตำหนักบนภูเขาแห่งนั้นก็ยังคงเป็นเพียงแค่ภาพลาง ๆ ระยะทางยังห่างไกลอยู่มาก