มีฉันเต็มไปหมด [Yuri/Selfcest] - ตอนที่ 4.1 เก็บตัวฝึกฝน (1)
พวกเราใช้รถกระบะหนีออกมาได้ไม่นานน้ำมันก็หมดลงกลางทาง
ระยะห่างตอนนี้คิดว่ากลุ่มคนในห้างสรรพสินค้านั้นคงไม่ไล่ตามมาแล้ว เพราะมันไม่คุ้มค่าที่จะทิ้งฐานทรัพยากรเอาไว้โดยไร้การป้องกัน
ส่วนฉัน ฟ่าง และเพชรก็เจอปัญหาสักหน่อย เพราะยังต้องเดินเท้าอีกสองกิโลเมตรท่ามกลางถนนที่มีบาโฟเมตเตรียมโจมตี
แม็กกาซีนที่เก็บมาได้เหลือกระสุนแค่ไม่กี่นัด ฉันเลยให้เพชรใช้ลูกไฟเปิดก่อน ตัวไหนที่ล้มลงแล้วก็เอาไรเฟิลเล็งระยะใกล้แล้วส่งกระสุนเจาะกะโหลกเข้าไปดับชีวิตมัน
วิธีนี้เหมือนเป็นการแย่งค่าประสบการณ์เจ้าหนุ่มชื่อโหลอยู่หน่อยๆ แต่เพราะมันสะดวกในการเดินทางอย่างปลอดภัยมากกว่าเขาเลยไม่บ่น
ฉันขึ้นระดับเป็นเลเวลสามก่อนถึงหมู่บ้านอันเงียบสงบพอดี
พวกเรามุ่งสู่ที่พักเดิมก่อนจะล็อกประตูและนอนแผ่อย่างหมดแรงบนพื้นบ้าน
ในใจฉันบ่นเหนื่อยเป็นร้อยรอบ แต่พอเห็นสภาพของอีกสองคนก็พูดไม่ออก… พวกเขาเพิ่งเสียเพื่อนไปจากการตัดสินใจในวันนี้
ฝั่งข่าวอัปเดตในระบบบอกว่าผู้มีอำนาจตัดสินใจระงับการโจมตีปราการลอยฟ้าชั่วคราว ฉะนั้นคงสงบไปได้อีกสักพัก
นาฬิกาบนหน้าจอมือถือแสดงเวลาบ่ายสาม ฉันจึงทิ้งเพชรกับฟ่างไว้และลุกขึ้นมาบนห้องนอน
เมื่อได้ความเป็นส่วนตัวก็เรียกร่างแยกอย่างเรดและบลูออกมา
บาดแผลของเรดนั้นหายไป… เสื้อผ้าถูกกระสุนเจาะทะลุแต่ไม่มีรอยบนผิวหนังเลยสักนิด
“คงต้องมาทบทวนกันอีกทีสินะ” เรดนั่งกับขอบเตียง “พวกเราเชื่อมเลเวล ความคิด ความรู้สึก รวมถึงประสาทการรับรู้ความเจ็บปวดเข้าด้วยกัน… นี่คงเป็นข้อเสียใหญ่ของทักษะแยกร่าง”
“ถ้าเจอกับพวกบาโฟเมตหรือมนุษย์คนอื่นก็จะกลายเป็นเป้าโจมตีที่ใหญ่ขึ้นไปด้วย” บลูนวดแขนของตัวเองด้วยสีหน้าแขยง “และการเรียกกลับเข้าตัวของนิลคือการรีเซตร่างกายให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์”
“แต่เหมือนจะใช้งานทักษะไม่ได้ไปชั่วขณะถ้าร่างแยกบาดเจ็บ…” ฉันพึมพำ “ไม่แน่ใจว่าเรียกแค่เรดให้สลายกลับมาได้หรือเปล่า แต่เพราะตอนนั้นบลูก็เจ็บตามไปด้วย เลยต้องพาเข้าร่างทั้งหมด”
สถานการณ์ชวนสับสนก่อนหน้านี้ทำให้สูญเสียความเยือกเย็นในการตัดสินใจลงมือไป ทว่าผลลัพธ์ของการเรียกบลูกลับมาก่อนก็ใช่จะผิดพลาดร้ายแรง เพราะตอนนั้นพวกเราออกมาเจอเพชรอีกรอบอย่างไม่ทันตั้งตัวเลยปกปิดความสามารถไว้ได้พอดี
ฉันยังไม่ไว้ใจคนอื่น กับฟ่างเองก็เพราะสถานการณ์จำเป็น
ไม่รู้ว่าถ้าหากมีร่างแยกคนหนึ่งตายแล้วจะส่งผลให้ฉันตายไปด้วยหรือเปล่า แบบนั้นน่ากลัวเหมือนกันนะ…
ถ้าไม่จำเป็นก็เก็บข้อมูลที่อาจเป็นจุดอ่อนนี้เอาไว้ก่อนดีกว่า
“ที่ว่ารีเซตร่างกายให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ หมายความว่าไม่หิวเลยสินะ” ฉันพยายามวิเคราะห์ข้อมูลจากร่างแยกต่อ
เรดอยู่ข้างนอกพักใหญ่ก่อนจะถูกเก็บเข้าร่างตอนโดนยิง แต่กลับไม่พูดถึงเรื่องอาหารเลยสักครั้ง
“หลังสู้กันก็หิวอยู่บ้างนะ ช่วงหาของน่ะ แต่พอถูกเรียกเข้าไปในตัวนิลแล้วก็รู้สึกดี…” น้ำเสียงช่วงหลังฟังดูเคลิบเคลิ้มอย่างบอกไม่ถูก
ไอ้คำพูดแบบนั้นมันอะไรกันคะ? ช่วยอย่าให้ข้อมูลกำกวมที่ดูลามกแบบนั้นได้ไหม?
“ก็ในตัวนิลมันรู้สึกดีจริงๆ นี่นา” บลูยืนยันอีกเสียง ทำให้ฉันยกมือนวดขมับเบาๆ
เอาเป็นว่าทักษะแยกร่างนี่โคตรจะโกง ถ้าไม่นับเรื่องต้องมาแบ่งความคิดกับเจ็บปวดร่วมกันน่ะนะ อาหารก็ไม่ต้องกิน แค่ให้กลับเข้ามาในร่างก็จะอยู่ในสภาพพร้อมรบทันทีเมื่อใช้พลังเรียกออกมาอีกหน
ส่วนอื่นที่ต้องยืนยันก็คือ…
[ช่องเก็บของสินะ] บลูคิดตามก่อนดึงพวกเสื้อผ้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ที่กวาดมาจากห้างสรรพสินค้าให้ปรากฏขึ้น
วัตถุดิบซึ่งทิ้งผ่านมาหลายชั่วโมงยังคงจับตัวแข็งเหมือนเพิ่งออกมาจากตู้เย็น
สุดยอดไปเลยแฮะ มิติหยุดเวลางั้นเหรอ? แบบนี้ก็แทบไม่ต้องห่วงเรื่องเสบียงเลยสักนิด สะสมเอาไว้กินได้สบาย
พอคิดดูแล้วก็เป็นการเก็บของที่ซับซ้อนมากทีเดียว ฉันต้องเรียกบลูออกมาก่อนเพื่อให้บลูใช้ทักษะหยิบของออกมาอีกที… แต่ก็อุ่นใจหน่อยว่าไม่ต้องแบกไปไหนมาไหนให้เหนื่อย เอาของจำเป็นใส่ไว้ในพลังของบลูและเก็บแรงไปสู้อัปเลเวลต่อย่อมดีกว่า
พวกเราถอดชุดเตรียมเปลี่ยนเป็นเสื้อที่ได้มาใหม่
เพิ่งหนีพ้นอันตรายมาได้ก็อยากหาวิธีบริหารใจให้สงบบ้าง แต่งสวยกันสักหน่อยจะเป็นอะไรไป…
ระหว่างนั้นฟ่างก็เปิดประตูเข้ามาพอดี
“…” อีกฝ่ายเลิกร้องตกใจกับร่างเปลือยของฉันแล้วแหละ แถมยังรีบเข้ามาแล้วลงกลอนไว้ให้ด้วย “ทำอะไรอยู่น่ะ”
“แต่งตัวไง” ฉันยักไหล่ “หาที่นั่งไปก่อนนะฟ่าง”
เพื่อให้แยกแยะบุคลิกแต่ละคนได้ง่ายฉันตั้งใจเปลี่ยนสีผมข้างในเป็นขบวนการเรนเจอร์ตามชื่อ
เรดเป็นสีแดง บลูใช้โทนสีฟ้า
[งั้นนิลก็ควรกัดผมให้เป็นสีขาวไว้นะ] เรดผู้ไถนิ้วหาข้อมูลจากหน้าต่างเครือข่ายอยู่เป็นคนพูด [เวลาร่างแยกใหม่ออกมาจะได้มีผมสีขาวพร้อมย้อมไปเลย]
นั่นก็น่าสนใจ เพราะร่างแยกใหม่จะใช้ตัวฉันเป็นต้นแบบโดยบันทึกลักษณะขณะสร้างบุคลิกนั้นๆ เอาไว้ หากสวมพวกเสื้อผ้าคล่องตัวกับทำสีผมให้ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงภายหลังก็จะประหยัดเวลาขึ้นเยอะ
ว่าแล้วพวกเราเลยปล่อยตัวปล่อยใจช่วยกันย้อมผมแบบไม่รีบร้อน
“นี่…” ฟ่างเอ่ยตอนฉันกำลังถูกสองร่างแยกสวมถุงมือทาครีมฟอกสีคนละไม้คนละมือ “พลังของนิลคืออะไรกันแน่”
“มองแล้วไม่รู้เหรอ” พอถามกลับไปแบบนั้น อีกฝ่ายก็เม้มริมฝีปากคล้ายหวาดกลัว “ฉันไม่ทำร้ายฟ่างหรอก ถ้าเธอไม่ทำอะไรฉันก่อนน่ะ”
ได้ยินดังนั้นเจ้าตัวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แล้วเพื่อนอีกคนทำอะไรอยู่” ฉันเอนตัวมาข้างหน้าเมื่อเหลือแค่ต้องรอให้สีผมถูกกัดไปเรื่อยๆ ส่วนเรดกับบลูก็ไปผลัดกันฟอกสีที่มุมห้อง
“เพชรไม่อยากให้เราเห็นน้ำตาน่ะ… ตอนนี้นั่งอยู่ที่โซฟาด้านล่างแล้วเอาแต่พูดว่าเลเวลห้าไม่มีความหมายอะไร…”
เท่าที่จำได้ ในเกมขุมนรกแห่งสัจธรรมไม่มีอาวุธปืน
ถึงทักษะพิเศษจะดูเยี่ยมยอดแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจเทียบกับกระสุนที่เจาะทะลุร่างได้ในเสี้ยววินาที
มันก็ไม่มีความหมายจริงๆ นั่นแหละ แต่ใช่จะไร้ประโยชน์ หากเลเวลเพิ่มขึ้นก็คงมีพลังทำลายรุนแรงมากตาม
“ออกไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที” อีกหลายชั่วโมงที่เหลือของวันนี้ ฉันตั้งใจจะทดสอบทักษะของตัวเองให้เข้าใจมากขึ้นว่าทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้ จึงไม่อยากให้ใครเกะกะและเตรียมล็อกห้อง
ฟ่างยอมลุกออกไปอย่างสงบเพื่อให้ฉันได้มีพื้นที่จัดการตัวเอง และอีกเหตุผลก็เพราะกลิ่นสารเคมีย้อมผมมันเริ่มฉุนกึกและต้องเปิดหน้าต่างระบายอากาศ
ระหว่างที่รอผมเปลี่ยนสีกับพวกร่างแยก พวกเราเปิดเครือข่ายดูคลิปวิดีโอของพวกชอบอวดทักษะพิเศษ เลื่อนไปเลื่อนมาจนได้เห็นความสามารถหลายแบบแต่ยังไม่เจออันถูกตาต้องใจสักอัน
ฝั่งเรดกับบลูกัดผมจนด้านในเป็นสีบลอนด์แล้ว และใช้ครีมสำหรับเปลี่ยนสีมาชโลมต่อ
ส่วนฉันต้องทาบำรุงเพิ่ม สระด้วยแชมพูม่วงอะไรสักอย่างตามคลิปแล้วกัดซ้ำอีกรอบ… บลูกวาดอุปกรณ์ย้อมสีจากห้างฯ ใส่ช่องเก็บของซะพร้อมหมดเลยแฮะ ถ้าแบ่งไปเอาวัตถุดิบอาหารน่าจะดีกว่ารึเปล่านะ?
พวกเราใช้เวลากว่าชั่วโมงในการแปลงโฉมให้ได้สีผมตามต้องการ จากนั้นเรดก็พาหน้าต่างเครือข่ายเข้ามาใกล้และให้ฉันดูความสามารถหนึ่งที่เหมือนจะสร้างสิ่งของได้
หน้าจอฉายภาพมือค้างอยู่ชั่วขณะ จากนั้นตรงอากาศที่ไม่มีอะไรเลยกลับปรากฏสสารรวมตัวกันเป็นมีดพับให้เจ้าของคลิปถือไว้ ทั้งยังควงได้เหมือนของจริงทุกประการ
…โอ้โห! อยากได้!! ฉันอยากได้ความสามารถนี้ชะมัดเลย!
ฉันตั้งสติเก็บอาการแล้วก็ลองสร้างร่างแยกขึ้นมาใหม่โดยคิดถึงทักษะสร้างสิ่งของไปด้วย
ตัวฉันคนใหม่ปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตาของเรดกับบลู
พอให้เลื่อนแถบสถานะดูก็พบว่าสมมติฐานก่อนหน้านี้ตรงเผง
ร่างแยกของฉันมีพลังตามจินตนาการตอนสร้างจริงๆ โดยไม่จำกัดว่าพลังที่เคยเห็นนั้นมาจากของจริงหรือคลิปวิดีโอ
โกงกว่านี้มีอีกไหมคะ? แบบนี้ก็รวมความสามารถเด็ดๆ ทั่วโลกมาไว้กับตัวเองได้เลยนะ?
รู้สึกคาใจชะมัดว่าทักษะพิเศษนี่มีข้อเสียแค่ด้านความเจ็บปวดกับการจัดระบบความคิดจริงงั้นเหรอ แต่ตอนนี้ควรโฟกัสสิ่งสำคัญก่อน
ตัวฉันคนใหม่… เอาเป็นว่าชื่อเยลโล่ไปแล้วกัน
พวกเราทดสอบความสามารถของร่างแยกด้วยการให้สร้างอะไรง่ายๆ อย่างดินสอที่โต๊ะหัวเตียงหรือกระดาษแผ่นเล็ก
ลองไปลองมาก็ได้ข้อสรุปว่าสิ่งที่สร้างได้จะมีข้อจำกัดอยู่สองอย่าง
หนึ่งคือต้องรู้โครงสร้างสิ่งของว่าเป็นวัสดุอะไร ยิ่งซับซ้อนก็ต้องศึกษากลไกก่อนถึงจะสร้างภายในได้แบบเดียวกัน… สองคือขนาดของวัตถุที่สร้างขึ้นตอนนี้เหมือนจะจำกัดอยู่เพียงหนึ่งฝ่ามือ
ฉันคาดการณ์ว่าอย่างหลังคงเกี่ยวข้องกับเลเวล แต่ไม่ใช่ปัญหาเท่าไรนัก เพราะสิ่งที่พวกเราต้องการมากที่สุดคือกระสุนปืนซึ่งอยู่ในขนาดไม่เกินข้อจำกัด
ทุกคนช่วยกันใช้มือถือบ้าง คอมพิวเตอร์บ้าง ค้นหาส่วนประกอบรวมถึงถอดของจริงออกมาจากแม็กกาซีนแล้วแงะดูข้างใน
แน่นอนว่าร่างต้นอย่างฉันได้นอนพักผ่อนบนเตียง…
ไม่นานพวกบุคลิกอื่นก็ทำให้เยลโล่สร้างกระสุนได้สำเร็จ โดยที่ความรู้เข้าหัวฉันมาเต็มๆ ตอนทุกคนถกกันในความคิด
เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของวัสดุ ฉันลุกขึ้นมาเรียงกระสุนใส่ตลับแม็กกาซีนเปล่าที่เก็บไว้และเปิดหน้าต่างลองยิงสามนัด
เสียงสนั่นจากไรเฟิลคงลากพวกบาโฟเมตในระยะเข้ามาใกล้ในอีกสักพัก แต่ตอนนี้ก็รู้ว่าแล้วกระสุนของเยลโล่มีประสิทธิภาพแบบเดียวกับของจริง ทำเอาฉันดีใจอย่างลิงโลด
กระสุนจ๋า! จะได้จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบแล้วจ้า!!
“นิล! เกิดอะไรขึ้น!?” ฟ่างรีบตามเสียงปืนขึ้นมาเคาะประตู
พอเปิดออกไปเห็นสีหน้าตกใจปนหวาดผวาก็ทำให้ฉันรู้สึกผิดนิดหน่อย “ไม่มีอะไร แค่ทดสอบอาวุธน่ะ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” สาวแว่นตัวน้อยวางมือบนหน้าอกทรงโต “ฉันจะ… ลงไปทำมื้อเย็นให้กินนะ”
เจ้าตัวรีบกลับลงไปอีกครั้งเพราะกลัวจะรบกวนฉันซึ่งเป็นเจ้าบ้าน
ช่างน่ารักและมารยาทดี… ตัดสินใจแล้วว่าฉันจะจีบฟ่างนี่แหละ!
“อะแฮ่ม” เรดสะกิดเรียกให้กลับเข้าห้องมาจดจ่อกับการฝึก และเริ่มวางแผนกับเวลาที่เหลือก่อนการเทเลพอร์ตไปในปราการลอยฟ้า
…ร่างแยกตอนนี้มีด้วยกันสามหน่วย เรดเป็นฝ่ายโจมตีหลักด้วยไฟ เยลโล่เป็นคนสร้างกระสุน ส่วนบลูเป็นคลังเก็บของส่วนตัว
พวกเราคิดว่าถ้าเลเวลอัปมากกว่านี้ก็คงสร้างอาวุธมาใช้เพิ่มได้ เพราะตอนนี้มีไรเฟิลอยู่สองกระบอกเท่านั้นจึงค่อนข้างขาดแคลน
บางทีควรหาเวลามาศึกษาเรื่องวิธีการทำงานของปืนซะแล้วสิ… ส่วนพวกมีดสร้างไว้ขว้างทิ้งก็น่าสนใจเหมือนกัน ถ้ามีจำนวนไม่จำกัดน่ะนะ
ด้วยเหตุนี้เยลโล่จึงต้องเป็นฝ่ายผลิตเบื้องหลังและทำงานอยู่ตลอด
[เอาจริงดิ เหนื่อยแย่] น้องใหม่ของบรรดาร่างแยกโอดครวญกับสิ่งที่ตัวเองต้องทำมากกว่าคนอื่น
พอเห็นตัวฉันเองยังเกี่ยงงานก็รู้สึกเหนื่อยจริงๆ นั่นแหละ
บลูลากเยลโล่ไปย้อมผมสีเหลือง ด้วยพื้นฐานรูปลักษณ์บันทึกค่าสีขาวจากฉันอยู่แล้วเลยใช้เวลาเพิ่มไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
พอจัดการทุกอย่างลงตัวฉันจึงเรียกทุกคนเข้ามาในร่างยกเว้นเยลโล่ซึ่งต้องทำตัวเป็นโรงงานผลิตกระสุน
…กลิ่นหอมลอยเข้าจมูกตั้งแต่ฉันก้าวออกจากห้อง
ชั้นล่างมีเพชรนั่งขดตัวบนโซฟาเอาแต่พึมพำอะไรบางอย่างเหมือนคนสติหลุด… ก็นะ ขนาดเสียงยิงปืนสามนัดก่อนหน้านี้ยังไม่ขึ้นไปดูเลย
ฉันเปิดประตูหน้าชั่วขณะ เรียกร่างแยกอีกครั้งเพื่อให้เรดออกไปดูรอบหมู่บ้าน ส่วนบลูถือปืนเฝ้าระวังรอบรั้ว
ในเมื่อเลเวลพวกเราเชื่อมถึงกัน การวางตำแหน่งนี้จะได้ประโยชน์ทั้งการเพิ่มระดับความแข็งแกร่งและความปลอดภัย เพราะสามารถสื่อสารความคิดได้ทันที
แม้พวกเรายังไม่ได้ทดสอบระยะห่างสูงสุดของความสามารถ แต่ตอนเรดเดินออกไปสุดสายตาก็ยังคุยกันในหัวรู้เรื่อง
พลังสร้างไฟระดับสามคงแข็งแกร่งพอจะจัดการบาโฟเมตทีละตัวได้อยู่ ฉันเลยเก็บปืนกระบอกสุดท้ายไว้เอง กรณีฉุกเฉินเพียงรีบสลายเรดเข้ามาในร่างก่อนบาดเจ็บหนักเป็นพอ
วางแผนแบบนี้ฉันดูเหมือนนางตัวร้ายผู้จิกหัวใช้ร่างแยกเยี่ยงทาสเลยแฮะ แต่นี่ก็เพื่อทุกคนหรอกนะ ถ้าฉันตกอยู่ในอันตรายทุกคนก็จะแย่ไปด้วยไงล่ะ!
[อ้างไปเรื่อยเชียว] เรดบ่นกลับมาด้วยความละเหี่ยใจ
พอจัดทีมเสร็จ ฉันก็เข้าบ้านและตรงไปที่ห้องรับประทานอาหาร
ควันหอมกรุ่นดึงดูดให้น้ำลายสอ และเด็กสาวแว่นกลมในชุดผ้ากันเปื้อนก็เจริญตาดีจริงๆ รู้สึกอยากมอมเมาสาวน้อยคนนี้ให้มากขึ้นซะแล้วสิ…
พวกเราสบตากัน เจ้าตัวมองฉันยิ้มค้างพักใหญ่แล้วถึงตั้งสติพูดว่า “มากินกันเถอะค่ะ”
ฟ่างทำข้าวหน้าหมูแบบง่ายๆ ไว้สามจาน แต่เพชรไม่ยอมร่วมโต๊ะด้วย เขาแทบไม่ขยับเขยื้อนจนเพื่อนผู้แสนดียังถอดใจ
พวกเราสองคนกินอาหารส่วนของตัวเองเรียบร้อย จนกระทั่งช่วยกันล้างจานเสร็จก็ได้เพียงช่วยหาฝาครอบไว้เผื่อว่าเด็กหนุ่มจะขยับมาจัดการมื้อเย็นทีหลัง
ผู้ที่ดูตื่นเต้นกับระบบเกมในทีแรกคล้ายถูกกระชากจากฝันมาเผชิญความจริงหลังสูญเสียคนใกล้ตัว… แต่ก็นะ เรื่องการทำใจจะไปเร่งเร้าคงไม่ได้ สภาวะทางอารมณ์มีแต่ต้องจัดการด้วยตัวเอง
ฉันพาฟ่างขึ้นห้องมาเจอกับเยลโล่ที่นอนแผ่กลางลูกกระสุนนับร้อย
[เอาฉันกลับไปในตัวเธอทีสิ อยากพักแล้ว…] ร่างแยกตรงหน้าโอดครวญ ใบหน้าซีดเซียวดูอ่อนแรงคล้ายไม่มีพลังมากพอจะใช้ทักษะสร้างสิ่งของต่อ
[ฉันก็อยากพัก]
[ฉันด้วย~] เรดเสริมแทบจะทันทีที่บลูตอบ
แหม เจ้าพวกขี้เกียจเอ๊ย อนุโลมแค่เยลโล่เท่านั้นแหละ! เพราะเยลโล่เป็นคนน่ารักไงล่ะ กลับไปพักสักเดี๋ยวแล้วค่อยกลับออกมาทำงานต่อนะ พอเหนื่อยก็เข้ามาในตัวฉันแล้วออกมาสร้างกระสุนอีก จากนั้น…
[นี่มันใช้แรงงานทาสชัดๆ!]