มีฉันเต็มไปหมด [Yuri/Selfcest] - ตอนที่ 6.1 อาวุธนอกระบบ (1)
จุดนัดพบในตัวเมืองที่ซีกเกอร์ให้มาเป็นสถานีรถไฟฟ้าแห่งหนึ่ง
ตำแหน่งของฉันอยู่เขตปริมณฑล ดูจากระยะทางในมือถือแล้วคงใช้เวลาไม่นานในการเข้าเมือง ถึงออกพรุ่งนี้เช้าก็คงไปทันเวลานัดหากมีบาโฟเมตเพ่นพ่านตามถนนไม่เยอะนัก
ทว่าเพราะบ้านถูกเผาไปหนึ่งในสาม แม้ชั้นล่างยังพอใช้งานปกติอยู่แต่ชั้นบนสภาพดูไม่ได้ จึงตั้งใจจะให้ฟ่างเก็บของแล้วขี่บิ๊กไบค์เข้าไปหาที่นอนดีๆ ใกล้จุดนัดพบแทน
แต่ก่อนอื่นก็… ตั้งชื่อร่างแยกใหม่
เพราะมีทักษะแบบเดียวกันเลยเลือกไม่ถูกว่าจะใช้ชื่ออะไร
ถ้าแยกร่างออกมาอีกก็ต้องจับไปย้อมผมให้เข้าหน่วยต่างๆ ถึงจะได้จำได้ถูก… ต่อให้เป็นตัวฉันเองก็เถอะ การจะมาจำร่างแยกของร่างแยกอีกรอบก็เกินไปหน่อยนะ ไม่ไหวหรอก
สักพักคงต้องตั้งชื่อแบบ เรด2 บลู2 เยลโล่2 แน่ๆ…
ว่าแต่มันใช้ทักษะเดียวกันซ้ำได้ใช่ไหมนะ ในเมื่อสร้างบุคลิกล่าสุดเป็นการเลียนแบบฉันซ้ำทุกอย่างก็ควรจะแปลว่าซ้ำได้สิ
เอางี้แล้วกัน เจ้าคนใหม่ เธอชื่อไวต์… สีขาวที่สามารถแตกแขนงออกมาได้อีกมากมาย ดั่งแสงซึ่งส่องผ่านปริซึมแล้วกลายเป็นสายรุ้ง
ไอเดียฉันนี่มันก็เจ๋งเหมือนกันนะเนี่ย ดูดีมีหลักการ~
“ฉันชื่อไวต์…” ดูเหมือนนิสัยของไวต์จะไม่ชอบการสื่อสารผ่านความคิดอย่างเดียว แต่จะพูดออกมาพร้อมคิดไปด้วยเลย
“ฉันอยากให้เธอเป็นคนเดียวที่จะไว้ผมสีขาวเหมือนกับฉัน เพราะงั้นห้ามสร้างร่างแยกทักษะนี้อีก เข้าใจไหม” เพื่อไม่ให้สับสนไปมากกว่านี้ เผื่อกรณีฉุกเฉินแล้วพวกเรดวิ่งมาปกป้องร่างหลักไม่ถูก ผมด้านในสีขาวควรมีแค่สองคน
ไวต์พยักหน้าตอบรับแล้วยิ้มบาง
ทำไมรู้สึกขนลุกแปลกๆ กันนะ…
[เอาแว่นตาไปใส่แทนแล้วกัน] บลูรื้อของในทักษะพิเศษออกมา เป็นแว่นกรอบเหลี่ยมที่ใส่เลนส์กรองแสงไว้ถนอมสายตาเฉยๆ
ความคิดดีไม่เบา ถ้าให้ไวต์กับร่างแยกอื่นที่จะเกิดตามมาทีหลังใส่แว่นเอาไว้ก็จะแบ่งได้ชัดเจนดีว่ามีร่างหลักเชื่อมกับใคร
บุคลิกน้องใหม่ลดมุมปากลง “…ก็ได้”
เยลโล่ถือวิสาสะเอาโทรศัพท์มือถือของฉันไปหาข้อมูลระหว่างสร้างกระสุน แต่ในเมื่อฉันยังไม่ได้ใช้เลยไม่ออกปากท้วงติง แค่ชาร์จแบตฯ ก่อนคืนหน่อยก็พอ
หลังจัดการเรื่องร่างแยกได้ฉันจึงมุ่งความสนใจไปดูเด็กสาวในชุดผ้ากันเปื้อนหน้าครัว “ฟ่าง สรุปว่าวัตถุดิบตอนนี้ทำอาหารเผื่อได้กี่มื้อ”
“เต็มที่ก็คงสิบจาน… มีข้าวสารเหลือ แต่เนื้อสัตว์กับผักไม่พอน่ะ ผักยิ่งเสียง่ายด้วย” ฟ่างเอียงคอครุ่นคิด “เก็บของไว้ในทักษะของร่างแยกนิลน่าจะดีกว่า พื้นที่ของเราคงไม่พอน่ะ”
ฟ่างยังอยู่เลเวลหนึ่ง ไม่ได้ฆ่าบาโฟเมตสักตัวจึงมีทักษะที่ใช้ได้จำกัดมาก ฉันเลยส่งบลูเข้าไปจัดการเก็บข้าวของเพิ่ม
…เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว พวกเราก็มาหยุดอยู่ตรงรั้ว ฉันสะพายกระเป๋าไว้ด้านหน้าและขึ้นขี่พาหนะ
บิ๊กไบค์นั่งพอแค่สองคน ร่างแยกอื่นๆ จึงต้องสลายเข้ามาในตัวฉัน
แต่เดี๋ยวก่อนสิ นี่มันโอกาสดีในการทดสอบว่าฉันสามารถเว้นระยะห่างกับร่างแยกได้ไกลแค่ไหนไม่ใช่เหรอ ให้ตัวแทนสักคนอยู่ในบ้านนี้ไว้น่าจะดี
บุคลิกที่เหมาะสุดก็คือไวต์ เพราะฉันต้องใช้เรด บลู กับเยลโล่ถ้าเจอกรณีฉุกเฉิน แต่ไวต์สามารถสร้างร่างแยกเพิ่มได้หากพบอันตราย
“เข้าใจแล้ว ฉันจะเฝ้าบ้านระหว่างนี้เอง” เจ้าตัวออกปากระหว่างอ่านความคิดในเครือข่ายร่างแยกไปด้วย
ฟ่างซ้อนท้ายขึ้นมาขณะร่างแยกคนอื่นสลาย ยกเว้นแต่ไวต์
จากนั้นพวกเราก็ออกเดินทางสู่ตัวเมือง ท่ามกลางอาคารหลายแห่งที่กลายเป็นซาก ถนนซึ่งเต็มไปด้วยเศษเหล็ก และศพมนุษย์กับร่างปรสิตหัวแพะ รวมถึงกลิ่นเหม็นไหม้จากกองเพลิงที่ไม่ยอมดับลงจนเกิดควันลอยให้เห็นอยู่เนืองๆ
เพิ่งเป็นวันที่สองของการนับถอยหลังสู่ปราการลอยฟ้า ทิวทัศน์โลกาวินาศก็ปรากฏให้เห็นอย่างชวนหดหู่แล้ว
ไม่มีใครมาคอยทำความสะอาดเมืองในภาวะวิกฤต
คราบเลือด แมลง สิ่งสกปรกต่างๆ ปนเปกันจนชวนขยาด หากทิ้งช่วงนับถอยหลังนานกว่านี้คงปรากฏโรคระบาดจากกองศพแน่
ฟ่างกระชับอ้อมแขนกอดเอวฉันแน่นขึ้น เบียดหน้าอกนุ่มเข้ามาจนชวนให้คิดดีไม่ได้… อะแฮ่ม ใจเย็นไว้ตัวฉัน สาวน้อยคนนี้ก็แค่กลัวสภาพเมืองเท่านั้นแหละ
ขณะขี่บิ๊กไบค์ไปจุดนัดพบก็พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะให้ได้มากที่สุด เพราะพวกเราไม่มีทักษะพิเศษสำหรับต่อสู้ ปืนก็อยู่ในตัวบลู ไม่สะดวกใช้ระหว่างเคลื่อนที่เลยสักนิด ดังนั้นเวลาเห็นเงาหัวแพะอยู่ไกลๆ ฉันจะเร่งความเร็วให้ซิ่งผ่านจนมันไล่ตามไม่ทัน
ส่วนการลัดเลาะซากรถนั้นลำบากหน่อยช่วงสี่แยกที่มีรถติดสาหัสและศพกองพะเนิน เดาได้เลยว่าตอนหมอกกระจายตัวอ่อนบาโฟเมตไปทั่วคงต้องทิ้งข้าวของเอาชีวิตรอดกันอย่างโกลาหลแน่
ข้อมูลในระบบที่พวกนักวิจัยลงไว้วิเคราะห์ว่าพวกมันไปได้ทุกแห่ง ต่อให้เป็นพื้นที่โล่งหรือพื้นที่ปิด หมอกขาวเหล่านั้นไม่มีการละเว้นเขตใดๆ เหตุโลกาวินาศจึงเกิดพร้อมกันทั่วโลก
และทั้งปรสิตบาโฟเมต ระบบ กับปราการลอยฟ้า… หากไม่ได้มาจากต่างดาวหรือต่างมิติก็คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่เสกสร้างขึ้นได้
…เข้าช่วงบ่ายแก่ๆ ฉันกับฟ่างก็เข้าใกล้จุดนัดพบตามแผนที่
พอเจอโรงแรมอยู่ไม่ไกลจึงชะลอความเร็วลงและเรียกร่างแยกออกมาเตรียมเคลียร์พื้นที่โดยรอบทันที บลูหยิบไรเฟิลจู่โจมให้ฉันกระบอกหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ใช้เองกับเยลโล่
แม็กกาซีนซึ่งบรรจุกระสุนไว้เต็มแล้วช่วยให้รู้สึกอุ่นใจได้มากทีเดียว ยิ่งพอยกประทับบ่าแล้วเล็งศีรษะบาโฟเมต…
“เดี๋ยว!” เยลโล่ยกมือขึ้นห้ามทั้งฉันและบลู
นั่นทำให้เรดต้องรับบทหนักในการควบคุมไฟมาเผาบาโฟเมตตัวใกล้ๆ “มันอันตรายนะ!!”
“ขอโทษที แต่ว่าเมื่อเช้าฉันหาองค์ประกอบกระบอกเก็บเสียงปืนน่ะ… ก็เลยจะทำออกมาให้ลอง” ร่างแยกผมเหลืองรีบใช้ทักษะสร้างสสารขึ้นกลางฝ่ามือ
พวกเราเลเวลเจ็ดแล้ว ขนาดของสิ่งที่สร้างได้จึงใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่แน่ใจในเรื่องคุณภาพการใช้งานว่าจะสมบูรณ์หรือเปล่า เพราะไม่มีต้นแบบที่จับต้องได้เหมือนตอนสร้างกระสุนมาให้เทียบ
บลูรับอุปกรณ์ใหม่ไปต่อเข้ากับปากกระบอกปืนและลองยิงดู
แม้จะไม่เงียบสนิทแต่เสียงก็เบาลงมากทีเดียว ถือว่าอยู่ในระดับไม่สนั่นจนเรียกพวกบาโฟเมตจากพื้นที่ไกลๆ ให้เข้ามาเพิ่มไปมากกว่านี้นัก
ตัวกระบอกเก็บเสียงทำได้ดีมากเลยนะเนี่ย คงอ่านข้อมูลเยอะแหงๆ …ก่อนหน้านี้ขอโทษด้วยแล้วกันที่ตัดเสียงเธอออกจากหัวอัตโนมัติน่ะ เลยเมินทุกอย่างที่เธอคิดไปด้วย
[…ใจร้าย] เยลโล่เบะปากทันที
[ถึงเสียงจะเบา แต่แรงกระสุนก็เหมือนจะน้อยลงไปหน่อยด้วยเหมือนกันนะ] บลูยังคงยิงตัวที่เข้ามาใกล้ [พอยิงต่อเนื่องแบบนี้เหมือนเสียงจะดังขึ้นนิดหน่อย]
ฉันใช้ตัวเก็บเสียงช่วยกำจัดบาโฟเมตอีกทาง ส่วนค่าประสบการณ์ที่เห็นจากหน้าต่างนั้นแทบไม่เพิ่มขึ้นเลยสักนิด
เพราะเลเวลสูงขึ้นแล้วการฆ่ามอนสเตอร์แต่ละตัวในระดับนี้จึงได้น้อยลงมากทีเดียว
บลูถอดอุปกรณ์ใหม่ออกมาคืนตอนเรดจัดการร่างสุดท้ายให้ล้มลง “น่าจะต้องพัฒนาต่ออีก”
“นั่นสินะ” เยลโล่ขมวดคิ้วรับของที่ตัวเองสร้างไปสำรวจ “เดิมทีพวกตัวเก็บเสียงก็ไม่ได้มีอายุการใช้งานนานอยู่แล้วแหละ จะสร้างเผื่อไว้เรื่อยๆ คู่กับกระสุนแล้วกัน”
ฟ่างมองพวกร่างแยกคุยกันแล้วก็เบนสายตามาสบมองฉันอีกทีด้วยสีหน้าเหมือนกลั้นหัวเราะ “พอมาเห็นชัดๆ แล้วมันก็ตลกดีนะ นิลน่ะ… ปกติก็คุยกับตัวเองแบบนี้เหรอ”
รู้สึกเหมือนทำอะไรขายขี้หน้าชอบกล
ฉันกระแอมทีหนึ่ง “โดยทั่วไปคนเราก็มีความขัดแย้งในตัวเองอยู่แล้วแหละ โต้เถียงกันนิดหน่อยเพื่อหาข้อสรุปมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
เหมือนตอนอยากได้ของราคาสูงสักอย่างหนึ่งแล้วมีเสียงในหัวบอกว่าแพงเกินไป ส่วนอีกเสียงก็บอกว่าซื้อมาเถอะน่า คุ้มค่าแน่นอน
…ในกรณีนี้แต่ละบุคลิกของฉันมีพัฒนาการแตกต่างกันเพราะมีทักษะพิเศษหลากรูปแบบ เยลโล่จึงมุ่งเน้นศึกษาวัสดุและโครงสร้าง บลูสนใจประสิทธิภาพข้าวของในการใช้งานระยะยาว ส่วนเรดก็ใจกล้าเข้าสู้อย่างห้าวหาญ
แต่ละส่วนของตัวฉันเริ่มปรับเปลี่ยนและเติบโตขึ้นตามสิ่งที่สามารถทำได้ในวันโลกาวินาศ พอเฝ้าดูแบบนี้แล้วก็รู้สึกเปลี่ยวเหงานิดหน่อย ถึงนั่นจะเป็นร่างแยกของฉันที่เชื่อมความคิดและความรู้สึกกันอยู่ดีก็เถอะ
[ฉันยังอยู่นะ…] ไวต์ส่งความคิดมาจากระยะแสนไกล
ขนาดข้ามจังหวัดยังติดต่อกันได้อยู่อีกแฮะ ทักษะพิเศษของฉันนี่มันโคตรโกงจริงๆ นั่นแหละ
เพื่อทดสอบต่ออีกหน่อยว่าร่างแยกจะอยู่ได้นานแค่ไหนหากไม่ได้อยู่ใกล้ตัว ฉันจึงต้องให้ไวต์อยู่ในบ้านเดิมไปก่อน อย่างน้อยที่สุดก็หนึ่งคืน
เรดนำทุกคนเข้าไปในโรงแรม จัดการบาโฟเมตแถวประตูหน้าและรื้อหาคีย์การ์ดออกมาสักใบ
พอขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้นบนแล้วพวกเราก็ปิดประตูล็อกอัตโนมัติก่อนนอนแผ่บนเตียงขนาดใหญ่ที่ถูกจัดพับไว้อย่างดี
ฉันลูบสายรัดข้อมือเรียกหน้าต่างเครือข่ายขึ้นมาดูในขณะที่ฟ่างเปิดโทรทัศน์ซึ่งฉายข่าวด่วนอยู่พอดี
“ขณะนี้รัฐบาลพยายามรวบรวมผู้รอดชีวิตทั้งหมดไว้ด้วยกันเพื่อความปลอดภัยสูงสุดสำหรับประชาชน โดยจัดตั้งกองกำลังทหารของแต่ละจังหวัดคอยคุ้มกันดูแล…” ภาพโทรทัศน์เปลี่ยนจากพิธีกรสาวไปเป็นค่ายของที่ไหนสักแห่ง “ส่วนฝั่งการไฟฟ้าและการประปาภายในกรุงเทพมหานคร ระบุว่าจะหยุดให้บริการตั้งแต่เที่ยงคืนนี้เป็นต้นไป”
ข่าวด่วนขยายรายละเอียดของประเด็นเดิมอีกเล็กน้อยก่อนจะวนกลับมาเล่นซ้ำเป็นภาษาอื่นอีกสองสามรอบและทวนใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
ไม่ว่าจะช่องไหนในประเทศก็เหมือนกันหมด แม้ข้ามไปรายการของต่างประเทศก็มีแต่การแจ้งข้อมูลให้ประชาชนในพื้นที่ของตัวเองรับรู้
หมายความว่าอีกไม่นานจะตัดน้ำตัดไฟ เป็นการกึ่งบังคับกลายๆ ให้ไปเข้าร่วมกับกองกำลังของรัฐบาลโดยโยนขนมหวานที่เรียกว่าความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้ชีวิตออกมาล่อ
“พวกเราควรจะ…”
“ไม่” ฉันขัดคำพูดของฟ่าง “ถ้าไปอยู่กับรัฐบาลคงไม่ได้เพิ่มเลเวล ตอนเทเลพอร์ตเข้าปราการลอยฟ้าพวกนั้นจะดูแลประชาชนได้ทุกคนเหรอ”
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีการแบ่งประเภททักษะพิเศษ ใครใช้งานไม่ได้ก็ให้ความสำคัญน้อยลง และดูแลผู้มีอำนาจหรือทักษะสนับสนุนดีๆ ในกองกำลังก่อนอยู่แล้ว สิ่งที่รัฐบาลต้องการจะทำนั้นมองออกไม่ยากเลย มันคือการจัดระเบียบผู้เล่น รวบรวมทรัพยากรมนุษย์เพื่อตั้งทีมเตรียมเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ของระบบ
แม้แผนล่อด้วยน้ำและไฟฟ้าจะดึงดูดพลเรือนทั่วไปได้ง่าย แต่มาตรการนี้รับมือช้าไปหน่อย หากตัดเที่ยงคืนนี้ก็เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งวันเต็มก่อนการเทเลพอร์ต ขาดน้ำประปากับไฟฟ้าแค่นี้ไม่ได้ทำให้ยากลำบากจนต้องคลานไปหารัฐบาลเลยสักนิด
ทักษะกลั่นน้ำเองก็ใช้แทนได้ ถึงไม่แน่ใจว่าจะมีประเภทสร้างพลังงานไฟฟ้าด้วยหรือเปล่าก็เถอะ
“นิลเนี่ย หัวดีจริงๆ แหละนะ” ฟ่างปิดโทรทัศน์และยกขาขึ้นมาขดตัวบนเตียง “ทั้งที่อายุสิบเจ็ดเท่ากันแท้ๆ ฉันดูพึ่งพาไม่ได้เอาซะเลย”
“แต่เธอทำอาหารได้นะ” ฉันดึงมืออีกฝ่ายมากุมไว้และนึกคำพูดต่อ “ฉันกับร่างแยกยังทำอาหารกันไม่เป็นเลยสักคน”
[งั้นจะลองเรียนรู้ดูนะ] ไวต์ตอบมาจากที่บ้าน
จริงจังสุดๆ เลยแฮะ น้องใหม่ของพวกเรา…