ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่204 พลังแห่งความเชื่อมั่น
ตอนที่204 พลังแห่งความเชื่อมั่น
ซีหลู่เฉิงตระหนักดีว่า ฉีเล่ยพยายามทำเพื่ออะไร แต่ก็ควรเข้าใจด้วยว่า ณ ปัจจุบัน วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์มันค่อนข้างเจริญก้าวหน้าไปมากแล้ว และไม่มีที่ว่างให้แก่การบูรณาการแพทย์แผนจีนอีกต่อไปแล้ว
แต่ตัวซีหลู่เฉิงกลับไม่ได้ตระหนักเลยว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ในขณะนี้มันกำลังผิดพลาดอย่างร้ายแรง ตรงหน้าของเขาคือคณะตัวแทนจากต่างประเทศที่กำลังดูหมิ่นการแพทย์แผนจีนอยู่ และการที่ไม่มีชาวจีนแม้แต่คนเดียวออกมาโต้แย้ง นั่นหมายความว่ายังไง? มันไม่ต่างอะไรกับการประกาศโดยอ้อมเลยว่า พวกเราชาวจีนแพ้แล้ว นี่ถือเป็นความอัปยศของทุกคนเลยไม่ใช่เหรอ?
ประเทศหนักกว่าใบหน้าไม่รู้กี่เท่า ถ้ายอมเสียหน้าสักหน่อยแต่แลกมาซึ่งศักดิ์ศรีของประเทศที่ยังคงรักษาไว้ได้ ฉีเล่ยก็ยอมเช่นกัน
ฉีเล่ยกรนเสียงต่ำเอ่ยขึ้นว่า
“ผมคิดว่าคุณไม่ควรปริปากพูดอะไรแล้วนะ”
ความเร็วในการกล่าวของเขาไม่ได้เร็วแต่อย่างใด เหมือนเขาสะกดทีละคำออกมา โดยหวังว่าจะมีสักคำหนึ่งที่มันจะไปเข้าสะกิดใจของซีหลู่เฉิงได้
“คุณไม่แคร์ แต่ผมแคร์ ถึงคุณจะไม่จริงจังและปล่อยให้การแพทย์แผนจีนโดยย่ำยี แต่ผมจะขอสู้สุดใจเพื่อปกป้อง ยังดีกว่ายืนอยู่เฉยๆ แบบคุณ ผมขอเวลาแค่สามปีเท่านั้น โลกใบนี้ในภายภาคหน้าจะต้องถูกขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งศาสตร์แพทย์แผนจีน นี่คือปณิธานสูงสุดของผม แต่ถ้าภายในสามปีผมทำให้ชื่อเสียงของการแพทย์แผนจีนดังก้องไปทั่วโลกไม่ได้ ผมก็ขอวางมือจากวงการนี้ไปตลอดชีวิต เพราะนี่แสดงให้เห็นแล้วว่า ผมไม่คู่ควรกันมันพอ”
ซ๊หลาเฉิงกล่าวสวนกลับไปโดยไร้ปรานีใดๆ
“คุณมันไร้สาระสิ้นดี”
“เพราะมีแต่ตาแก่แบบคุณพูดแต่เรื่องไร้สาระไง สังคมจีนมันถึงได้ห่วยแตกอย่างทุกวันนี้! สิ่งที่พวกเขาต้องการคืออาจารย์ที่คิดต่างแบบอาจารย์ฉี!”
“ถูกต้อง! อาจารย์ฉี ผมขอสนับสนุนอาจารย์อีกแล้วครับ! ผมเชื่อว่าอาจารย์ต้องทำได้แน่นอน!”
“การที่คุณไปว่าคนอื่นว่าไร้สาระโดยยังไม่แม้แต่เริ่มลงมือทำด้วยซ้ำ กลับเป็นตัวคุณเองนั่นแหละที่ไร้สาระ! คุณกล้าพูดกล้าแสดงจุดยืนแบบอาจารย์ฉีรึเปล่า? ไม่ใช่มีดีแต่เลียเท้าคนอื่น!”
“อาจารย์ฉี เดิมพันไปเลยครับ อย่าไปกลัว! ถ้าเงินไม่พอจริงๆ เดี๋ยวผมไปขอพ่อให้ก็ได้!”
“…..”
เหล่านักศึกษาต่างยืนขึ้นเพื่อยืนหยัดและสนับสนุนความคิดของฉีเล่ยทีละคนสองคน
หนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ยังมีใจรักต่อการแพทย์แผนจีนขนาดนี้ คุณสมบัติดังกล่าวหาได้ยากยิ่งจริงๆ ในยุคสมัยปัจจุบัน
กล่าวได้ว่า ถ้าสายเลือดใหม่อย่างหนุ่มสาวพวกนี้ถูกฆ่าตัดตอนไปฉับพลัน จะบอกว่า อนาคตของประเทศชาติคงจบสิ้นลง สิ่งนี่ไม่ใช่คำพูดเกินจริงแต่อย่างใด
สีหน้าการแสดงออกของซีหลู่เฉิงดูอึดอัดทรมานอย่างยิ่ง เขาชี้นิ้วใส่กลุ่มนักศึกษาพวกนั้นและตะคอกขึ้นลั่นว่า
“หมอนั่นกำลังหลอกพวกเธออยู่! มันกำลังหลอกเด็กอย่างพวกเธออยู่! ไม่รู้ตัวกันเลยรึไง!!”
ทันใดนั้นก็มีนักศึกษาคนหนึ่งตะคอกสวนกลับไปทันทีว่า
“พวกเราไม่ใช่กบที่อยู่แต่ในกะลาแบบคุณ! ไม่มีใครหลอกใครทั้งนั้น พวกเขาขอลุกขึ้นสู้เพื่อศักดิ์ศรีของวงการแพทย์แผนจีนด้วยใจจริง!”
พวกเขาเหล่านี้ได้รับแรงกระตุ้นจากฉีเล่ย จนปลุกจิตวิญญาณให้ลุกโชนขึ้นแล้ว และทำให้ทุกคนได้ตาสว่างว่า สิ่งใดกันแน่ที่พวกเขาควรปกป้องด้วยชีวิต
“พวกเธอ…พวกเธอ…”
ซีหลู่เฉิงกล่าวตะกุกตะกักพึมพำไม่หยุด ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้และหันไปหาผู้อำนวยการจากมหาวิทยาลัยอื่นที่ติดตามมาด้วย พร้อมเร่งกล่าวขึ้นว่า
“ผู้อำนวยการจาง คุณเองก็เห็นมันกับตาแล้วใช่ไหม? เราจะปล่อยให้คนแบบนี้เป็นอาจารย์ต่อไปได้ยังไง!?”
ผู้อำนวยการจางเองก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่พยักหน้าตามน้ำไป
“ผมเห็นแล้วครับ”
หลังจากจบคลาสเรียนนี้ เขาคงต้องไปคุยกับอธิการบดีสักหน่อยเกี่ยวกับเกณฑ์การคัดเลือกอาจารย์เข้ามาสอน
ด็อกเตอร์ทอมสันที่เฝ้าสังเกตและรับฟังบทสนทนาระหว่างฉีเล่ยกับซีหลู่เฉินมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ปฏิกิริยาของเขาไม่ค่อยมีอะไรเป็นพิเศษ ในทางตรงข้าม เขากลับจดอะไรสักอย่างลงในสมุดบันทึกแทน
พอเห็นนักศึกษาเริ่มส่งเสียงดังแสดงความไม่พอใจกับคณะชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมเยือนมากขึ้น ด็อกเตอร์ ทอมสันก็ปิดสมุดบันทึกประจำตัวลง และเดินไปกล่าวกับฉีเล่ยว่า
“คุณอาจารย์ โผมขอพูดอะไรสักอย่างกับลูกศิษย์ของคุณได้ม้าย?”
“ไม่มีปัญหาครับ”
แม้ว่าฉีเล่ยจะไม่ทราบเช่นกับว่า ชายชาวต่างชาติคนนี้อยากจะพูดอะไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากขอมาขนาดนี้ จะให้ปฏิเสธคงก็ไม่ได้เช่นกัน
คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าพูดจาดูถูกการแพทย์แผนจีนอีกแล้ว และต่อให้เขาจะขึ้นไปพูดแบบนั้นจริงๆ มันก็คงเป็นสิทธิ์ของอีกฝ่ายเช่นกัน ด็อกเตอร์ ทอมสันก้าวขึ้นไปบนเวทีสอนชำเลืองสายตามองนักศึกษาในห้อง และกล่าวเป็นภาษาจีนขึ้นว่า
“โผมเป็นเกียรติอย่างยิ่งนะครับที่ได้มาเจอกับเด็กวัยหนุ่มสาวอย่างพวกคูณทุกคนในปักกิ่ง”
เงียบ…
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ด็อกเตอร์ทอมสันก็กล่าวต่อว่า
“เอ่อ…ตรงนี้พวกคูณควรต้องปรบมือกันหน่อยไม่ใช่เหรอครับ?”
แป๊ะๆ …
ภายใต้การนำของฉีเล่ย ทุกคนที่ได้ยินเสียงปรบมมือก็รีบปรบมือตามกันทันที
บางคนถึงกับหัวเราะด้วยความขำขัน และเพราะเรื่องตลกนี้เองก็เลยทำให้บรรยายกาศภายในห้องดูกลมเกลียวกันขึ้นเล็กน้อย
“พูดตามตรงเลยนาครับ โผมไม่ชอบปักกิ่งเลย เพราะเมืองนี้มีฝุ่นควันค่อนข้างเยอะ อากาศแย่มาก ยิ่งไปกว่านั้น ตัวโผมก็รู้สึกอึดอัดมากที่ต้องทนนั่งที่เล็กๆ บนเครื่องบินกว่าหลายชั่วโมง แต่พอมาถึงที่นี่ มุมมองของโผมก็เปลี่ยนไป ทั้งหมดต้องขอบคุณอาจารย์ผู้ใช้เวทมนตร์คนนี้…”
จากนั้นด็อกเตอร์ทอมสันก็ก้มลงไปเปิดสมุดบันทึกที่จดไว้ และอ่านต่อว่า
“โผมได้รับการรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยวิชาสามเข็มปาฏิหาริย์ ซึ่งมันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก เขาเป็นดั่งผู้ใช้เวทย์มนต์ ซึ่งเสกให้มีทัศนคติจ่อยาจีนในทางที่ดีขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือ”
“ตอนนี้โผมพูดได้อย่างเต็มปาก โผมรักแพทย์แผนจีน และโผมก็จะพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือในจุดนี้ ถ้าในมือของผมมีกุญแจที่นำมาการแพทย์แผนจีนสู่สากล ผมก็จะมอบให้พวกคุณด้วยความเต็มใจ ในอดีต ตัวโผมนั้นคิดเสมอว่า การแพทย์ฉผนจีนเป็นสิ่งเกินจริงและลวงโลก จนกระทั่งได้มาสัมผัสกับการฝังเข็มของคุณอาจารย์คนนี้ โผมก็ตระหนักได้ทันทีว่า ตัวเองคิดผิดมหันต์ ในการนี้ผมก็ต้องขอโทษแทนเพื่อนร่วมงานทุกคนของผมด้วย”
“เมื่อสักครู่นี้เกิดเรื่องแย่ๆ ที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่ผมก็อยากจะบอกกับพวกคุณทุกคนเช่นกันว่า ด็อกเตอร์ ฮาเมอร์ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเลย ที่ผ่านมาเขาเองก็อุทิศทั้งเวลาและชีวิตให้กับการรักษาคนป่วยเช่นกัน เพียงว่า ด้วยสถานการณ์ที่ตกต่ำของการแพทย์แผนจีนมันแสดงให้เห็นในทางลบ คงจะโทษเขาอยู่ฝ่ายเดียวคนไม่ยุติธรรมเท่าไหร่เช่นกัน”
“แต่สิ่งหนึ่งที่โผมรู้คือ ด็อกเตอร์ฮาเมอร์จะต้องพ่ายแพ้ต่อคุณอาจารย์ของพวกคุณอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนของผม แต่ผมก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เช่นกันในจุดนี้”
“ผมรู้สึกอิจฉาพวกคุณทุกคนมากจริงๆ ที่มีคุณอาจารย์มากความสามารถและคุณธรรมที่สูงส่ง ผมกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า เขาเป็นแพทย์แผนจีนคนเดียวที่ได้รับความเคารพนับถือจากผม”
“หลังจากที่พวกคุณเรียนจบไป โปรดจำไว้เสมอ สิ่งที่มีค่ากว่าทักษะการแพทย์ คือจริยธรรมด้านวิชาชีพ ถึงการแพทย์แผนตะวันออกและการแพทย์แผนตะวันตกจะเดินกันคนละเส้นทาง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน และนั่นก็คือ จุดหมายสูงสุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น ขอบคุณครับ”
คำปราศรัยของด็อกเตอร์ ทอมสันได้ปลุกเสียงปรบมือของซาบซึ้งและอบอุ่นจากบรรดานักศึกษาทั้งหมดที่รับฟัง
ถ้าคุณบอกว่า อาจารย์ฉีเป็นคนเดียวที่ได้รับความเคารพจากคุณ
พวกเราเองก็อยากจะบอกว่า คุณเองก็เป็นชาวต่างชาติเพียงไม่กี่คนได้ใจจากพวกเราชาวจีนไปเต็มๆ
ในทางกลับกัน สีหน้าการแสดงออกของซีหลู่เฉิงในตอนนี้ดูหมองหม่นถึงขีดสุด
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ภาพฉากบัดซบนี้จะเกิดขึ้นตรงหน้าของเขาจริงๆ
หัวหน้าคณะชาวต่างชาติที่เข้ามาเยี่ยมเยือน ไม่เพียงจะไม่ทำให้ฉีเล่ยอับอายขายขี้หน้าเท่านั้น แต่ยังยกย่องเชิดชูเขาถึงขนาดนี้…
พวกฝรั่งนี่มันหัวเบาเชื่อคนง่ายจริงๆ ถึงโดนฉีเล่ยหลอกเข้าเต็มเปา
โง่!
โง่จริงๆ!
การที่ด็อกเตอร์ ทอมสันกล่าวยกย่องฉีลเยขนาดนี้ มันทำให้ซีหลู่เฉิงรู้สึกอึดอัดใจจนแทบกระอักเลือดสดออกมาคำโต
ส่วนด็อกเตอร์ ฮาเมอร์ แม้จะไม่เข้าใจภาษาจีนที่ด็อกเตอร์ ทอมสันพูด แต่ดูจากปฏิกิริยาของบรรดานักศึกษาที่ปรบมือพร้อมรอยยิ้มแบบนั้น เขาก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะพูดในเชิงบวกแน่นอน
“สุดท้ายนี้โผมเชื่อว่า ภายใต้แกนนำอย่างคุณอาจารย์หนุ่มคนนี้ การแพทย์แผนจีนจะต้องโด่งดังไปทั่วโลก! และโผมยังเชื่ออีกว่า สักวันในอนาคตพวกเราจะต้องร่วมมือกันได้อย่างแน่นอน!”