ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่241 ผู้ช่วยประธาน
ตอนที่241 ผู้ช่วยประธาน
“ทำไมล่ะ? มีแค่ระบบหุ้นส่วนเท่านั้นล่ะที่จะทำให้นักลงทุนอย่างพวกเราได้มั่นใจได้ นายอย่าลืมนะว่า ถึงแม้ตอนนี้นายจะมีท่านรองรัฐมนตรีคอยหนุนหลังอยู่ แล้วถ้าเขาเกษียณอายุไปแล้วล่ะ นายจะแน่ใจได้ยังไงว่ารัฐจะไม่ยื่นมือเข้ามาวุ่นวายกับองค์กร แล้วถ้าไม่นายยอมรับการสนับสนุนจากรัฐบาล นายว่าสภาแพทย์แผนจีนของนายจะอยู่ต่อไปได้อีกสักกี่ปีกัน”
หลินชูวโม่อธิบายให้ฉีเล่ยฟังด้วยแววตาเป็นประกาย สำหรับเรื่องธุรกิจนั้น ต้องยอมรับว่าสมองของผู้หญิงคนนี้เฉียบคมกว่าผู้หญิงทั่วไปจริงๆ
“ทำแบบนี้ องค์กรจะไม่กลายเป็นบริษัทร่วมทุนไปเหรอ?” ฉีเล่ยเอ่ยถาม
“แล้วเสียหายตรงไหน? การผลักดันองค์กรออกสู่ตลาด และปล่อยให้มีการแข่งขันเท่านั้น ที่จะไม่เพียงแค่สามารถรักษาองค์กรไว้ได้ แต่ยังจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนา และทำให้องค์กรแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย”
“ต่อให้มีผู้ถือหุ้นร่วมด้วย องค์กรก็ยังสามารถทำงานวิจัย แล้วก็ขายผลงานวิจัยให้กับโรงงานต่างๆที่สนใจได้นี่นา อีกอย่าง ทุกวันนี้ การวิจัยก็เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมทุกชนิดอยุ๋แล้ว”
“ฉันจะบอกอะไรให้ ลำพังวิธีของนายคงจะปลุกเร้าอารมณ์ร่วมของบรรดาแพทย์แผนจีนให้ฮึกเหิมแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นล่ะ แต่พอเวลาผ่านไป ความกระตือรือร้นพวกนี้ก็จะลดน้อยลงตามด้วย ถึงตอนนั้น พวกเขาก็คงหันไปตั้งหน้าตั้งตาเปิดคลินิกหาเงินเหมือนเดิมนั่นล่ะ”
“แต่ถ้านายสามารถทำให้แพทย์แผนจีนที่เข้าร่วมองค์กร สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย พวกเขาก็จะยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น ถึงตอนนั้นต่อให้นายขับไล่ไสส่ง พวกเขาก็คงไม่ยอมไปด้วยซ้ำ”
ฉีเล่ยจ้องมองหลินชูวโม่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนหลินชูวโม่ต้องทำหน้าล้อเลียน
“นี่! เรื่องฝังเข็มนายอาจจะเก่งกว่าฉัน แต่เรื่องธุรกิจ นายยังอ่อนหัดกว่าฉันมาก! เพราะฉะนั้น นายจำเป็นต้องมีผู้ช่วย”
“ผู้ช่วยงั้นเหรอ?” ฉีเล่ยทวนคำด้วยสีหน้างุนงง
“ใช่.. ตำแหน่งผู้ช่วยประธาน!”
หลินชูวโม่พยักหน้า พร้อมกับขยิบตาให้ฉีเล่ยพร้อมกับถามขึ้นว่า “นายคิดว่าเหมาะสมกับฉันไหม?”
ในความเห็นของฉีเล่ย วิธีการคิดของหลินชูวโม่นั้น เน้นไปในเชิงพาณิชย์มากกว่าจะไปในแนวทางอุดมคติของเขา
แนวคิดในการก่อตั้ง ‘สภาแพทย์แผนจีน’ ของเขานั้น ตั้งใจไว้ว่าจะให้องค์กรแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของแพทย์แผนจีนทั่วโลก และให้ทุกคนร่วมกันพัฒนาวงการแพทย์แผนจีนให้ก้าวหน้าแข็งแกร่ง รายได้ที่ได้จากการขายผลงานวิจัย จะถูกนำกลับมาพัฒนาองค์กรทั้งหมด
แต่ในความคิดของหลินชูวโม่นั้น รายได้ที่ได้มาจะถูกแบ่งสรรให้กับผู้ร่วมลงทุนตามสัดส่วนหุ้น ให้กับบรรดาแพทย์กับบุคคลากรในองค์กร และนำมาพัฒนาองค์กรต่อ
แต่ด้วยเงินจำนวนยี่สิบล้านนี้ เขาก็จะสามารถก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนได้เร็วขึ้น
ฉีเล่ยได้แต่คิดว่า ไหนๆเขาก็ไม่ใช่นักบวช การมีสาวสวยคอยติดตามไปไหนต่อไหนด้วยก็คงไม่เลว มิหนำซ้ำยังจะได้เงินเป็นของแถม และสามารถก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนได้สำเร็จ นี่เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัวทีเดียว!
แต่ถึงอย่างนั้นฉีเล่ยก็ยังคิดหนักอยู่ดี
“นี่น้องชาย จะต้องคิดอะไรมากมายขนาดนั้นห๊ะ?” หลินชูวโม่ทำเสียงหงุดหงิดใจ
“พูดง่ายๆก็คือ นายไม่อยากแต่งตั้งฉันเป็นผู้ช่วยประธานสินะ?”
ระหว่างที่เอ่ยถาม หลินชูวโม่ก็เดินบิดเอวเข้าไปหาฉีเล่ย เขาจึงได้แต่ตอบกลับไปว่า
“คงไม่ได้หรอกนะพี่สาวคนสวย ขืนผมแต่งตั้งคุณเป็นผู้ช่วย คนอื่นๆจะคิดยังไง?”
ขืนทำแบบนั้น มีหวังคนอื่นๆคงต้องคิดว่าฉันหลงเสน่ห์เธอแน่!
“ไม่ได้เหรอ? อ่อ.. แสดงว่านายคงไม่อยากได้เงินยี่สิบล้านสินะ? เอ.. แต่ถ้าไม่มีเงินจำนวนนี้ นายจะก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนได้ยังไงกันนร้า?”
ไม่มีเงินอยู่ในมือ ฉีเล่ยก็พูดไม่ออกจริงๆ!
ถงเซียวเซียวฟังแล้วก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะบอกกับฉีเล่ยว่า
“นี่ฉีเล่ย รับๆพี่สาวชูวโม่เป็นผู้ช่วยประธานไปเถอะน่า เธอจะได้สบายอกสบายใจ!”
เมื่อหันไปมองหลินชูวูโม่ที่เดินบิดไปบิดมาอยู่รอบตัว ฉีเล่ยก็ได้แต่ส่ายหน้าและพูดขึ้นอย่างหมดหนทาง “ก็ได้ๆ ผมยอมก็ได้ ถึงจะไม่เต็มใจก็เถอะ”
ฉีเล่ยรู้ว่าถ้าไม่ยอมตกลง สองสาวนี่คงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆแน่ คงจะหาเรื่องก่อกวนเขาไม่หยุดอย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เห็นด้วยกับหลินชูวโม่ การจะทำให้สภาแพทย์แผนจีนแข็งแกร่งขึ้นมาได้ ส่วนหนึ่งก็คือผลกำไรขององค์กรที่จะย้อนกลับมาเลี้ยงดูทุกคนนั่นเอง
การก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนใช่ว่าจะสามารถสำเร็จลุล่วงได้ภายในวันสองวัน และจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากหลายๆฝ่าย จึงจะสามารถทำให้องค์กรกาลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศได้
ในความเห็นของฉีเล่ย เขาไม่ต้องการให้สภาแพทย์แผนจีนแห่งนี้เป็นเพียงแค่องค์กรธุรกิจทั่วไปเท่านั้น แต่หากสามารถเป็นแบบอย่างให้กับธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนอื่นๆได้ในวันหน้า ก็จะเป็นเรื่องดีมากทีเดียว
หลังจากที่หลงเซียวเซียวเดินออกไป หลินชูวโม่จึงหันไปพูดกับฉีเล่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เอาล่ะ ต่อไปก็มาคุยเรื่องหุ้น แล้วก็เรื่องที่จะพัฒนาสภาแพทย์แผนจีนยังไงกันดีกว่า”
ฉีเล่ยทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงตอบกลับไปว่า “ในเมื่อคุณลงทุนยี่สิบล้าน ผมก็จะให้คุณถือหุ้น 35%”
“35% งั้นเหรอ?”
หลินชูวโม่ทวนคำพูด ก่อนจะพูดต่อว่า “นี่! ฉันลงทุนไปตั้งยี่สิบล้าน แต่นายกลับให้หุ้นฉันแค่ 35% นี่นะ มันไม่น้อยไปหน่อยเหรอ? แล้วนายล่ะลงเงินของตัวเองไปเท่าไหร่?”
นี่คือปัญหา เพราะหากเทียบกับหลินชูวโม่แล้ว เขาไม่มีเงินมากมายที่จะมาลงทุนเหมือนเธอ แต่ก็ตอบกลับไปว่า
“คุณแค่ถือหุ้น 35% เท่านั้นนะ ส่วนอำนาจในการควบคุมบริหารจัดการเป็นของผมคนเดียว แต่ถ้าองค์กรเป็นไปด้วยดี ผมต้องให้โบนักพิเศษกับคุณแน่ อีกอย่างคุณยังได้ตำแหน่งผู้ช่วยประธานด้วยนะ”
ความจริงหลินชูวโม่แค่ต้องการตำแหน่งผู้ช่วยประธานเล่นๆแค่นั้นเอง แต่ในเมื่อฉีเล่ยพูดออกมาแบบนี้ หลินชูโม่วก็ไม่ต้องการที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้
“ก็ได้ๆ ในเมื่อฉันเป็นผู้ช่วยประธาน ก็ต้องเชื่อฟังคำพูดท่านประธานสินะ”
จู่ๆ หลินชูวโม่ก็ยอมง่ายๆแบบนี้ ฉีเล่ยจึงอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
“แต่เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ นายต้องรีบหาที่ตั้งสำนักงานให้ได้ก่อนนะ” หลินชูวโม่ตอบกลับยิ้มๆ
ฉีเล่ยเห็นด้วย เขาจึงได้ขอตัวกลับแล้วลุกขึ้นเดินจากไป ในเมื่อจะต้องใช้เป็นสำนักงานของสภาแพทย์แผนจีน ฉีเล่ยจึงจำเป็นต้องเสาะหาสถานที่ที่ค่อนข้างเหมาะสม และมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
ส่วนหลินชูวโม่ก็กดโทรศัพท์หาผู้ช่วย สั่งให้จัดการเตรียมเงินจำนวนยี่สิบล้านให้ พร้อมกับจ้องมองฉีเล่ยที่เดินออกไป
เวลานี้ ฉีเล่ยรู้แล้วว่า ต่อให้เขามีเงินขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับคนร่ำรวยเหล่านี้
อีกอย่าง สภาแพทย์แผนจีนก็ยังไม่ได้ก่อตั้ง และประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ และไม่รู้ว่าหลังจากประกาศออกมาแล้วจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรบ้าง
หลังจากฉีเล่ยเดินออกมาจากบ้านของหลินชูวโม่ได้ไม่นานนัก เขาก็ได้รับข้อความสั้นๆ แต่จำนวนตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือนั้น ทำให้ฉีเล่ยถึงกับใจเต้นแรง
‘ยี่สิบล้าน?’
หลังจากมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป เขาก็ได้แต่พึมพำออกมา “เงินตั้งยี่สิบล้าน โอนง่ายโอนเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
หลังจากฉีเล่ยอ่านข้อความจบ หลินชูวโม่ก็โทรเข้ามาทันที
“นี่น้องฉี ฉันโอนเงินให้นายเรียบร้อยแล้วนะ ฉันจะคอยดูว่านายจะใช้เงินก้อนนี้ไปในทางที่เหมาะสมรึเปล่า?”
ในขณะที่ฉีเล่ยเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายนั้น ในมุนหนึ่งของเมืองหลวง ใครบางคนก็กำลังพูดคุยเกี่ยวกับตัวเขาอยู่
“รู้ไหมว่าตอนนี้ฉีเล่ยเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?”
“ฉีเล่ยเหรอครับ?”
“เท่าที่ได้ยินมา ดูเหมือนเขากำลังจะก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนขึ้น โดยที่ตัวเองเป็นประธาน เท่าที่รู้มา นี่เป็นโครงการที่ใหญ่ไม่น้อยเลยล่ะครับ”
“พ่อหนุ่มคนนี้คิดจะใช้อำนาจที่ตัวเองมีอยู่ ตั้งกฏเกณฑ์ในวงการแพทย์แผนจีนขึ้นมาสินะ? ฉันคนหนึ่งล่ะที่จะไม่ยอมรับ”
“ท่านประธานจางครับ เรื่องนี้จัดการไม่ยากหรอกครับ ท่านประธานรอดูก็แล้วกัน อีกไม่นาน ผมต้องมีคำตอบที่ท่านประธานพอใจแน่ๆ”
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของชายชราคนหนึ่งเอ่ยตอบ
“ดีๆ ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฉันก็มีสบายใจ ฉันจะรอฟังข่าวดีก็แล้วกัน!”
ในระหว่างที่ฉีเล่ยเดินเรื่อยเปื่อยไปตามท้องถนนในกรุงปักกิ่ง เพื่อมองหาสถานที่สำหรับทำเป็นสำนักงานนั้น ท้ายที่สุดดูเหมือนเขาจะต้องกลับบ้านมือเปล่า แต่แล้วจู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
“นั่นคุณฉีใช่ไหมครับ? ผมโทรมาจากบริษัทฮุยหวงเอสเตท ผมทราบมาว่าคุณกำลังมองหาพื้นที่สำหรับทำเป็นสำนักงานใช่ไหมครับ? พอดีทางเรามีพื้นที่ว่างอยู่พอดี สนใจจะมาดูไหมครับ?”
…….
แม้ว่าอาคารสำนักงานแห่งนี้จะค่อนข้างใหญ่โตโอ่อ่า แต่บริเวณโดยรอบกลับค่อนข้างรกร้าง นอกเหนือจากซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ห่างไปราวสามกิโลเมตรแล้ว ก็แทบไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลย
“คุณฉีครับ ภายในโลเคชั่นแถบนี้ ที่นี่นับว่าคุ้มค่าที่สุดแล้วล่ะครับ พื้นที่ใช้สอยกว้างใหญ่ แต่ราคาค่าเช่าเพียงแค่สองแสนหยวนต่อเดือน รับรองว่าไม่มีที่ไหนคุ้มกว่านี้แล้วล่ะครับ”
แม้ว่าฉีเล่ยจะเพียงแค่มองจากภายนอก ก็เห็นว่าด้านในมีพื้นที่กว่าพันตารางเมตร ซึ่งนับว่ากว้างขวางมากทีเดียว
“อืมม.. ไม่เลวเลย เพียงแต่…”
ฉีเล่ยรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ออกจะน่าขนลุกไปหน่อย และคงจะไม่มีใครอยากมาทำงานในบริเวณที่ดูออกจะทุรกันดารแบบนี้ จึงได้ถามออกไปว่า
“ไหนคุณบอกว่ามีสองแห่งไม่ใช่เหรอ? แล้วอีกที่อยู่ไหนเหรอครับ?”
“อีกที่อยู่รอบนอกวงแหวนที่สี่ สภาพแวดล้อมอาจจะดีกว่าที่นี่ แต่ราคาก็…”
นายหน้าลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “ที่นั่นราคาค่อนข้างสูงมาก แล้วพื้นที่ก็น้อยกว่าที่นี่มากเลยครับ พื้นที่ใช้สอยไม่น่าถึงหนึ่งพันตารางเมตร ผมคิดว่าคุณฉีคงไม่น่าจะอยากได้”
“ผมขอไปดูก่อน ถ้าสภาพแวดล้อมดูดี ก็อาจจะเอาที่นั่น”
และเมื่อได้มาเห็นสถานที่อีกแห่ง ฉีเล่ยกลับรู้สึกว่าที่นี่น่าสนอกสนใจกว่ามาก จึงได้ถามออกไปว่า “ที่นี่ไม่เลวเลย ผมค่อนข้างพอใจมาก ไม่ทราบค่าเช่าต่อเดือนเท่าไหร่เหรอครับ?”
“สามแสนห้าหมื่นหยวนครับ”
ฉีเล่ยจ้องมองนายหน้าคล้ายกับว่าเขาจงใจขึ้นราคาเมื่อเห็นว่าเขาต้องการ แต่เมื่อมองดูเอกสารในมือกลับพบว่า ราคานี้ได้ถูกระบุไว้ในเอกสารอยู่แล้ว จึงไม่น่าที่ชายคนนี้จะหลอกลวงเขา จึงได้ตอบกลับไปว่า
“ตกลงครับ! ผมเลือกที่นี่ ไม่ทราบว่าต้องทำสัญญาเมื่อไหร่ครับ?”
“เร็วสุดคงต้องเป็นพรุ่งนี้ล่ะครับ ผมไม่ได้เตรียมสัญญามาด้วย เพราะที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะมาดูกันก่อน ยังไม่มีใครทำสัญญาทันทีแบบนี้”
ในเมื่อได้สถานที่ที่จะใช้เป็นสำนักงานแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นการรวบรวมแพทย์แผนจีนที่มีความสามารถทั่วทั้งประเทศ จากนั้นสมาคมการแพทย์จีนก็จะถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ และเขาก็จะได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาแพทย์แผนจีนอย่างเป็นทางการเช่นกัน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉีเล่ยก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว!