ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 315 ความรุ่งโรจน์ของดาร์คลิลลี่ที่บานสะพรั่ง
ตอนที่ 315 ความรุ่งโรจน์ของดาร์คลิลลี่ที่บานสะพรั่ง
เมื่อเข้าไปข้างในแล้วชิงเฟิงก็รีบเอนตัวไปที่ด้านข้างของนากาจิมะชินนะและถามอย่างเป็นห่วงว่า “ชินนะเธอโอเคมั้ย?”
เห็นได้ชัดว่านากาจิมะชินนะยังคงมีร่องรอยของการต่อต้านในความบุ่มบ่ามของชิงเฟิงอยู่บ้างและเธอก็ขยับออกไปเล็กน้อยแต่คำพูดของเธอนั้นไม่ได้เฉยเมยเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป “ฉันไม่…ฉันไม่เป็นไร!” นากาจิมะชินนะรู้สึกเพียงว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วผิดปกติและความรู้สึกที่ไม่เคยประหม่าเช่นนี้มาก่อนแต่ตอนนี้เธอรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
ในขณะนี้ม่อหลงกับเซี่ยจือยี่ก็เดินเข้ามาพร้อมกันซึ่งการแสดงออกของม่อหลงก็ดูอึดอัดเล็กน้อยและเมื่อเขาเห็นเย่เชียนและชิงเฟิงแล้วเขาก็ยิ้มแห้งๆ
“คุณเย่คะ..พวกคุณเชิญคุยกันก่อนได้เลยค่ะ..ถ้าคุณต้องการอะไรก็เรียกฉันได้เลย” เซี่ยจือยี่พูด เธอนั้นมีไหวพริบอย่างมากเพราะเธอเข้าใจโดยธรรมชาติได้ว่าเธอนั้นเป็นคนนอกและในเวลานี้ก็จำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อให้เย่เชียนและคนอื่นๆ ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
“ขอบคุณครับ..คุณผู้หญิงเซี่ย” เย่เชียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ
“โถ่บอส..ไม่จำเป็นต้องสุภาพไปหรอก..เดี๋ยวคุณเซี่ยก็จะมาเป็นครอบครัวเราแล้ว..และไม่ช้าก็เร็วบางทีผมอาจจะเรียกว่าพี่สะใภ้เลยด้วยซ้ำ” ชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
ม่อหลงถึงผงะและจ้องเขม็งไปที่ชิงเฟิงอย่างดุดัน ส่วนเซี่ยจือยี่ก็ยังคงยิ้มและเธอก็พูดว่า “งั้นฉันขอตัวไปก่อนนะคะ..ไว้เจอกันค่ะ”
“พี่ม่อหลง..ไปส่งเธอสิ!” ชิงเฟิงหยอกล้ออย่างซุกซน
เซี่ยจือยี่ก็หันหน้าไปมองม่อหลงและยิ้มเล็กยิ้มน้อยแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ..ฉันคิดว่าพวกคุณมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกเยอะ..ฉันขอตัวก่อนนะ” หลังจากนั้นเซี่ยจือยี่ก็ออกไปอย่างสบายใจ
เมื่อม่อหลงสังเกตเห็นร่างของมารุยาม่ามิซูกิแล้วเขาก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “บอส! ..เธอคือ..”
“ผู้นำขององค์กรดาร์คลิลลี่!” ชิงเฟิงพูดแทน
ม่อหลงก็จ้องมองไปที่เย่เชียนด้วยความงุนงงและถามด้วยความประหลาดใจอีกว่า “บอสพาร่างของเธอกลับมาทำไม?”
เย่เชียนก็พูดด้วย้เสียงต่ำๆ ว่า “พี่ม่อหลง..พี่ก็รู้จักเธอ..เธอคือพี่มิซูกิ”
“ห๊ะ..อะไรนะ!” ม่อหลงถึงกับสั่นไปทั้งตัวและภายในดวงตาที่ตกตะลึงของเขาที่กำลังมองร่างอันไร้วิญญาณของมารุยาม่ามิซูกิที่มีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้านั้นเขาก็ไม่พบมารุยาม่ามิซูกิคนเดิมในความทรงจำของเขาเลย “ทำไม..ทำถึงเป็นครูฝึกล่ะ..ครูฝึกไปเป็นผู้นำของดาร์คลิลลี่ได้ยังไง?” ม่อหลงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นและสิ่งที่ได้ยินเลยเขาจึงพูดด้วยความประหลาดใจ
“เดี๋ยวก่อนๆ ..พวกพี่ๆ กำลังพูดถึงอะไรกัน..พี่มารุยาม่ามิซูกิคือใคร..พวกพี่ๆ รู้จักเธอเหรอ” ชิงเฟิงถามด้วยความประหลาดใจ ส่วนนากาจิมะชินนะเองก็รู้สึกสับสนและงุนงงเช่นกัน เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาทั้งสองไม่ได้คาดหวังเลยว่าเย่เชียนกับม่อหลงจะรู้จักผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่ผู้ลึกลับคนนี้และยิ่งไปกว่านั้นการแสดงออกของพวกเขาก็ดูคุ้นเคยอย่างมากอีกด้วย
“มารุยาม่า..มิซูกิ..เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งเขี้ยวหมาป่าในยุคแรกเริ่ม..ร่วมกับกัปตันและจู้จื้อ..พวกเขาทั้งสามถูกเรียกว่าสามทหารเสือแห่งโลกทหารรับจ้าง..พวกเขาได้สร้างความรุ่งโรจน์ให้เขี้ยวหมาป่าและนำพาเขี้ยวหมาป่ามาจนถึงทุกวันนี้..ในตอนนั้นนายยังไม่ได้เข้ามาในเขี้ยวหมาป่านายก็เลยไม่รู้จักเธอ” เย่เชียนพูดอย่างขมขื่น
ชิงเฟิงก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “ห๊ะ! ..บอส! ..เดี๋ยวนะ..นี่บอสบอกว่าเธอเป็นถึงผู้ก่อตั้งเขี้ยวหมาป่าเลยเหรอ..มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!”
“บอส..แล้วบอสไม่รู้หรอว่าครูฝึกเธอคือ…” ม่อหลงกำลังจะพูดคำต่อไปแต่ก็ต้องกลืนน้ำลายลงไปอีกครั้ง
เย่เชียนนั้นรู้ดีว่าม่อหลงกำลังจะถามว่าตัวเองนั้นเป็นคนฆ่ามารุยาม่ามิซูกิด้วยมือของเขาหรือเปล่า เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็ส่ายหัว “ไม่! ..พี่มิซูกิฆ่าตัวตาย..” จากนั้นเย่เชียนก็อธิบายถึงฉากนั้นอย่างละเอียดและม่อหลงก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น
หลังจากเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งม่อหลงก็ถามอย่างช้าๆ ว่า “แล้วบอสจะทำอะไรต่อ?”
“ผมจะนำขี้เถ้าของเธอกลับไปยังประเทศจีนและฝังไว้กับกัปตัน..นี่อาจถือได้ว่าเราได้ทำให้กัปตันและพี่มิซูกิสมหวังและเราก็ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของเธอแล้ว..จากนั้นผมก็จะบอกให้พี่เล้งยี่สลักชื่อของพี่มิซูกิเอาไว้บนสุสานนักรบแห่งเขี้ยวหมาป่าของเรา..ถึงยังไงเธอก็คือผู้สร้างเขี้ยวหมาป่าและถ้าหากไม่มีเธอก็จะไม่มีเขี้ยวหมาป่าในทุกวันนี้..เธอคือพี่น้องของเขี้ยวหมาป่ามาเสมอและจะเป็นตลอดไป” เย่เชียนพูด
ม่อหลงก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่งเพราะแท้ที่จริงแล้วไม่ว่ามารุยาม่ามิซูกิจะทำผิดพลาดอะไรไปถึงยังไงเธอก็ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งเขี้ยวหมาป่าอยู่ดีและถ้าหากไม่มีเธอก็จะไม่มีเขี้ยวหมาป่าอย่างแน่นอน และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ไม่สามารถโทษมารุยาม่ามิซูกิได้เลยหรือถ้าหากใครต้องการจะตำหนิหรือโทษใครล่ะก็จงกล่าวโทษโชคชะตาเสียเถอะ
เย่เชียนหยิบตราโทเค่นที่มารุยาม่ามิซูกิมอบให้ตัวเองก่อนที่เธอจะตายไปขึ้นมาและพูดว่า “คุณนากาจิมะครับ..พี่มิซูกิเธอมอบสิ่งนี้ให้ผมก่อนที่เธอจะตาย..ผมหวังว่าคุณจะสามารถดูแลองค์กรดาร์คลิลลี่นี้ได้..และนอกจากนี้ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นความพยายามและความมุ่งมั่นของพี่สาวของผม..และผมก็ไม่สามารถปล่อยให้มันสูญสลายและหายไปได้อีกแล้ว..และผมก็หวังว่าคุณนากาจิมะจะสามารถเปลี่ยนดาร์คลิลลี่ให้กลายเป็นดินแดนที่สดใสและรุ่งโรจน์กว่าเดิมได้..และไม่จำเป็นที่จะต้องยึดมั่นในกฎระเบียบและกฎเหล็กก่อนหน้าอีกต่อไป..คุณทำได้ใช่มั้ย?”
นากาจิมะชินนะจ้องมองไปที่ตราโทเค่นที่เย่เชียนยื่นมาให้และเธอก็ตกตะลึงอย่างมากและเธอก็รีบกล่าวขอโทษว่า “คุณเย่คะ! ..ฉันต้องขอโทษจริงๆ ..ฉันไม่อยากใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นอีกแล้ว..คือฉัน…”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดขัดจังหวะเธอว่า “เชื่อผมสิ..ผมคิดว่าไม่ใช่แค่คุณหรอกที่ไม่ต้องการ..เพราะคนอื่นๆ ของดาร์คลิลลี่ก็อาจจะมีความคิดนี้แบบเหมือนกัน..เอาเถอะ..คุณถือครองตราโทเค่นนี้เอาไว้เถอะ..ส่วนวิธีการดูแลและการจัดการสิ่งต่างๆ ของดาร์คลิลลี่คุณเป็นคนตัดสินใจเถอะ..จริงๆ แล้วในฐานะนักฆ่าน่ะคุณก็ยังสามารถใช้ชีวิตตามที่คุณต้องการได้ไม่ใช่หรอ..อีกอย่างนอกจากนี้คุณก็ยังสามารถรวบรวมสมาชิกทั้งหมดของดาร์คลิลลี่มาและถามพวกเธอว่าพวกเธอคิดยังไงกันบ้าง..และถ้าหากพวกเธอต้องการใช้ชีวิตแบบปกติล่ะก็..บอกพวกเธอได้เลยว่า..พวกเธอสามารถมาทำงานในเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของผมได้เหมือนกัน..ผมยินดีต้อนรับทุกคน”
“รับไปเถอะ!” ชิงเฟิงหยิบโทเค่นจากมือของเย่เชียนและยัดใส่มือนากาจิมะชินนะและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป..ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธอ..เธอจะไม่อยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป”
นากาจิมะชินนะจ้องมองไปที่ชิงเฟิงอย่างว่างเปล่าด้วยความปั่นป่วนเล็กน้อยในใจที่บีบบังคับเธอให้เผยรอยยิ้มออกมาและเธอก็พยักหน้าและพูดว่า “ขอบคุณค่ะคุณเย่..เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อสมาชิกทั้งหมดของดาร์คลิลลี่เอง”
ชิงเฟิงก็ยิ้มอย่างมีความสุขราวกับว่าเขาได้เห็นรุ่งอรุณแห่งชัยชนะแล้วและการแสดงของนากาจิมะชินนะนั้นก็ทำให้เขามีความมั่นใจอย่างมาก
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ โดยไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
“แล้วบอสจะทำยังไงต่อไป” ม่อหลงถาม
“หยุดเคลื่อนไหวกันไปก่อน..เพราะหลังจากเหตุการณ์นี้สถานการณ์ในโตเกียวตึงเครียดมาก..แน่นอนว่าเราไม่ต้องการดำเนินการใดๆ ในเร็วๆ นี้” เย่เชียนพูดต่อ “ส่วนพี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านั้นจัดเตรียมให้พวกเขากลับไปยังประเทศจีนและส่วนพี่น้องที่เสียชีวิตไปก็นำขี้เถ้าของพวกเขากลับไปเพื่อที่พวกเขาจะได้กลับสู่รากเหง้าของตัวเอง..และแยกเงินจำนวนหนึ่งออกจากบัญชีของบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดและใช้เงินจำนวนนี้เพื่อสนับสนุนชีวิตในอนาคตของครอบครัวของพี่น้องที่ตายไป..พวกเขาไม่ควรได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดี..ต้องทำให้พวกเขาพึงพอใจให้มากที่สุด..ส่วนพี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บจะแจกจ่ายโบนัสให้พวกเขาด้วย..ส่วนร่างของพี่มิซูกิเราก็จะเผาทันที..หลังจากเรื่องต่างๆ ที่โตเกียวเบาลงแล้วผมจะพาเธอกลับไปที่ประเทศจีนเอง”
ม่อหลงก็พยักหน้า
เย่เชียนก็หันหน้าไปมองชิงเฟิงและพูดว่า “ชิงเฟิงเรื่องต่างๆ ของดาร์คลิลลี่นายก็ไปช่วยคุณนากาจิมะชินนะจัดการด้วยนะ..ฉันเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามความปรารถนาของพวกเธอเอง”
“ได้เลยบอสไม่ต้องห่วง..ชินนะกับผมจะจัดการทุกอย่างให้ดี” ชิงเฟิงพูดอย่างตื่นเต้นและเขาก็เห็นด้วยโดยธรรมชาติ
…..
ไม่กี่วันต่อมาแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปทำสิ่งต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งม่อหลงกับเซี่ยจือยี่นั้นก็ไปจัดการเรื่องต่างๆ ของบุคลากรจากบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดเพื่อเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนชิงเฟิงกับนากาจิมะชินนะก็คอยติดต่อกับสมาชิกขององค์กรดาร์คลิลลี่เพื่อให้พวกเธอกลับมารวมตัว เพราะหลังจากนี้ไปอีกไม่นานเย่เชียนก็จะเริ่มเตรียมตัวสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป ซึ่งเรื่องของมารุยาม่ามิซูกิก็ผ่านพ้นไปแล้วถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการผลลัพธ์เช่นนี้ก็ตามแต่ถึงยังไงสิ่งเหล่านี้มันก็เกิดขึ้นไปแล้วและตอนจบและบทสรุปเช่นนี้ก็อาจจะเป็นจุดจบที่ดีกว่าสำหรับเธอ
หวงฟู่เส้าเจี๋ยนั้นก็ไม่ได้มารบกวนเย่เชียนเลยเพราะเขาตั้งใจติดตามโย่วซวนอย่างจริงจังเพื่อเรียนรู้วิธีการและทักษะของเขา ซึ่งโย่วซวนก็ได้รับรู้ตัวตนและภูมิหลังของหวงฟู่เส้าเจี๋ยมาจากเซี่ยตงไป่ ดังนั้นโย่วซวนจึงไม่ได้ต่อต้านและตั้งใจสอนหวงฟู่เส้าเจี๋ยอย่างเคร่งครัดและถี่ถ้วน ซึ่งบางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนส่งหวงฟู่เส้าเจี๋ยให้เย่เชียนดูแลก็เป็นได้ เพราะเมื่อเย่เชียนกับหวงฟู่เส้าเจี๋ยออกไปเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆ และสามารถพบปะกับคนได้ทุกประเภท ดังนั้นพวกเขาก็จะรู้วิธีจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมในอนาคตภายภาคหน้านั่นเอง
เย่เชียนเองก็ไม่ได้ว่างเช่นกันเพราะเขานำข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับผู้นำระดับสูงของแก๊งยากูซ่ายามากุจิที่ได้รับจากเซี่ยตงไป่มาและไปเฝ้าสังเกตการณ์ฝ่ายตรงข้ามอย่างระมัดระวังใน ซึ่งแก๊งยามากุจินั้นใช้ตงเซียงกรุ๊ปเพื่อทำสิ่งที่ผิดกฎหมายและคุกคามประเทศจีนอย่างมากและยิ่งไปกว่านั้นยังพยายามคุกคามเขี้ยวหมาป่าอีก เพราะฉะนั้นในฐานะผู้นำของเขี้ยวหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่แล้วสิ่งที่แก๊งยามากุจิต้องจ่ายนั่นก็คือชีวิต
เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่สวนศาลเจ้าเมื่อไม่นานนี้แล้วสถานการณ์ในโตเกียวทุกวันนี้จึงตึงเครียดอย่างมาก ซึ่งเหล่ากรมตำรวจและสถานีตำรวจต่างๆ ในโตเกียวก็ยังดำเนินมาตรการกวาดล้างครั้งใหญ่ แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่ได้อะไรเลยเพราะพวกเขาไม่มีเป้าหมายใดๆ เลยและพวกเขาก็แค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาเพียงเท่านั้นโดยไม่ได้เจาะลึก อย่างไรก็ตามกิจกรรมต่างๆ ของแก๊งยามากุจิก็ลดลงไปมาก เพราะฉะนั้นแก๊งยามากุจติก็คงจะหาทางแก้แค้นแก๊งฝูชิงอย่างแน่นอนและควบคู่ไปกับการที่เย่เชียนไปถล่มแก๊งยามากุจิที่ร้านอาหารในวันนั้นอีกด้วย
ยามว่างเย่เชียนก็หาเวลาโทรไปหาหลินโรวโร่วด้วยการโทรทางไกลระหว่างประเทศ ซึ่งในเวลานี้ซ่งหลันก็ค่อยๆ โอนการจัดการกองทุนให้หลินโรวโร่วและหลินโรวโร่วก็ยุ่งและเหนื่อยเล็กน้อยแต่เธอก็มีความสุขมาก เพราะเย่เชียนนั้นไม่ลืมสิ่งที่สัญญาไว้กับหลินโรวโร่วเขาจึงติดต่อไปหาผู่ซุ่จิ่วผู้อำนวยการกระทรวงการศึกษาธิการเพื่อขออนุมัติให้หลินโรวโร่วจัดตั้งกองทุนนักเรียนพิเศษเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ยากจนตั้งแต่ค่าเล่าเรียนไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและการดำรงชีวิตทุกๆ อย่าง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่แค่การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเพราะตามความคิดของเย่เชียนนั้นในช่วงวันหยุดจะให้นักเรียนที่ยากไร้ที่เข้าร่วมโครงการไปทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ทางสังคมมากขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะได้รับโอกาสที่ดีมากยิ่งขึ้น
เย่เชียนก็ยังโทรไปหาซ่งหลันเกี่ยวกับเรื่องขององค์กรดาร์คลิลลี่อีกด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าซ่งหลันนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมากแต่เธอก็รู้สึกโล่งใจอย่างมากเช่นเดียวกันเมื่อรู้ว่าเรื่องเหล่านี้ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วเธอก็มีความสุขและขอให้เย่เชียนรีบกลับไปหาเธอโดยเร็วที่สุดเพราะท้ายที่สุดแล้วเทศกาลปีใหม่ของจีนกำลังจะมาถึงและเป็นเวลาที่ครอบครัวจะต้องรวมตัวและแบ่งปันความสัมพันธ์กันภายในครอบครัว
ไม่กี่วันต่อมาทางกรมตำรวจส่วนกลางของโตเกียวก็เบาบางลงและระบุว่าเหตุการณ์ที่สวนศาลเจ้าครั้งล่าสุดนั้นเป็นการปะทะกันของแก๊งใต้ดินเพียงเท่านั้นไม่ใช่การโจมตีของผู้ก่อการร้ายแต่อย่างใด
ในขณะนี้เย่เชียนก็ได้รับโทรศัพท์จากโย่วซวนและพูดคุยกันเกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอกสั้นๆ และเย่เชียนก็พยักหน้าและวางสายโทรศัพท์ไปและเดินไปที่หน้าต่างเพื่อสูบบุหรี่
“บอส!” ชิงเฟิงกับม่อหลงเดินเข้ามาและตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน
.
.
.
.
.
.
.