ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 358 สะเทือนแวดวงการเมือง
ตอนที่ 358 สะเทือนแวดวงการเมือง
หลังจากที่กินมื้อค่ำกันมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วเย่เชียนก็เห็นว่าตอนนี้มันเป็นเวลาห้าทุ่มแล้วและหลังจากที่พวกเขากินมื้อค่ำเสร็จพวกเขาก็ไปที่ห้องนั่งเล่นและเย่เชียนก็ค่อยๆ หยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดไฟ
“ว่าแต่ทำไมคุณอู๋จิ่วถึงได้มาหาผมดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนี้?” เย่เชียนแสร้งถาม
อู๋จิ่วก็มีใบหน้าที่ดูขมขื่นอย่างมากเพราะเขานั้นรอเย่เชียนมานานหลายชั่วโมงแล้วและกว่าเย่เชียนจะโผล่มามันก็ดึกดื่นถึงขนาดนี้แล้ว แต่ทว่าเนื่องจากในตอนนี้ก็ไม่ควรที่จะพูดเรื่องไร้สาระใดๆ ดังนั้นอู๋จิ่วจึงรีบพูดว่า “คุณเย่..คุณได้ดูข่าวของวันนี้หรือยัง?”
“เอ่อ..ใช่ข่าวที่เกิดขึ้นในอาคารรัฐสภาหรือเปล่าครับ?” เย่เชียนแสร้งถามอย่างไม่แน่ใจ
“ใช่ๆ ..นายิบถูกฆ่าต่อหน้าสาธารณชนอย่างร้ายแรงเลย..มันเป็นเรื่องใหญ่มาก..ไม่ทราบว่าคุณเย่รู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ?”
เย่เชียนก็ส่ายหัวและพูดว่า “ผมไม่รู้เลยครับ..ผมรู้แค่ตอนที่ดูข่าวเมื่อตอนกลางวัน..ผมเองก็คิดว่าคุณอู๋จิ่วส่งคนไปฆ่าเขาเสียอีก..สรุปว่าคุณไม่ได้ทำหรอ?”
อู๋จิ่วก็มีสีหน้าที่ขมขื่นและพูดด้วยความหดหู่ว่า “จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงล่ะ..ฉันไม่ทำแบบนั้นอย่างแน่นอน..ฉันสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองหรอก..เพราะถ้านายิบตายไปใครๆ ก็ต้องชี้เป้ามาที่ฉันว่าฉันเป็นคนทำน่ะสิ..และไม่เพียงแค่การเลือกตั้งจะเลื่อนไปแค่นั้นหรอกแต่ฉันอาจจะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งเลยก็ได้”
“ใช่ๆ ..พี่เย่ครับตอนนี้พ่อของผมไม่ใช่แค่จะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมนายิบแค่นั้นนะครับ..แต่เขาจะถูกเพิกถอนสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งอีกด้วย” ไท่เหอพูดเพิ่มเติม
“มันขนาดนั้นเลยหรอครับ?” เย่เชียนขมวดคิ้วแน่นและพูดว่า “แล้วคุณจะทำยังไง?”
เมื่อเย่เชียนถามอู๋จิ่วก็แทบจะเป็นลมเพราะเขาหมดหนทางจริงๆ เขาจึงมาหาเย่เชียนเช่นนี้ ซึ่งหลังจากเงียบไปชั่วครู่อู๋จิ่วก็ถอนหายใจและพูดว่า “เรื่องนี้มันร้ายแรงมากเกินไปเพราะงั้นฉันก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องทำยังไง..เพราะแบบนี้ฉันจึงมาถามคุณเย่โดยเฉพาะและมาปรึกษาว่าคุณเย่มีวิธีแก้ปัญหาหรือเปล่า”
“ขอผมคิดก่อนนะ!” เย่เชียนแสร้งทำเป็นครุ่นคิดแต่อันที่จริงแล้วเขานั้นได้คิดหาทางแก้ไขเอาไว้ล่วงหน้าแล้วไม่เช่นนั้นเขาก็จะไม่ทำอะไรโดยไม่มีแผนรับมืออย่างการฆ่านายิบอย่างแน่นอน
อู๋จิ่วและไท่เหอก็รอฟังอย่างใจจดใจจ่ออยู่ข้างๆ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดรบกวนความคิดของเย่เชียน ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่เฝ้ารอกันอย่างใจจดใจจ่อ หลังจากนั้นไม่นานคิ้วของเย่เชียนก็คลายออกและเขาก็พูดว่า “ผมลองคิดๆ หาวิธีดูแล้วแต่ไม่รู้ว่าพวกคุณจะคิดยังไงบ้าง..ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สมัครสามคนใช่มั้ย? ..ซึ่งนอกจากคุณกับนายิบแล้วก็ยังมีอีกหนึ่งคนคือฉานเซ่อผู้สมัครจากพรรคอิสระ..ซึ่งคะแนนเสียงในปัจจุบันของเขาก็ต่ำกว่าทั้งของคุณและนายิบอยู่มาก..เพราะฉะนั้นเขาจึงมีแนวโน้มที่จะทำแบบนี้มากที่สุด..ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทำเรื่องแบบนั้นหรือไม่ถึงยังไงคุณก็ต้องผลักความรับผิดชอบไปที่เขา..ไม่งั้นก็ไม่มีทางอื่นแล้ว”
“โยนความผิดให้ฉานเซ่อ!” อู๋จิ่วถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะและรีบพูดว่า “นั่นก็สมเหตุสมผลอยู่เหมือนกันที่ฉานเซ่อจะใช้เรื่องนี้เพื่อโจมตีฉัน..เพราะงั้นก็มีแนวโน้มมากที่เขาจะอยู่เบื้องหลัง..แต่ทางเราก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลย..ต่อให้ฉันจะพูดไปถึงยังไงใครๆ ก็ไม่เชื่อหรอก”
“เรื่องนี้มันไม่ใช่ประเด็นตำรวจจับโจร..เพราะงั้นคุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปพูดให้ใครเชื่อ..เราก็แค่แสดงให้ทุกคนเห็นและหลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะตกไปอยู่ที่ฉานเซ่อทั้งหมด” เย่เชียนพูดต่อ “ด้วยวิธีนี้คุณไม่เพียงแค่กำจัดคู่แข่งที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นแต่คุณยังสามารถได้รับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุนของนายิบอีกด้วย..และยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งนายกรัฐตรีของเมียนมาร์ก็จะเป็นของคุณไปโดยปริยาย” เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ท่านนายกรัฐมนตรีอู๋จิ่ว..ผมขอแสดงความยินดีกับคุณล่วงหน้าเลยก็แล้วครับ”
เมื่ออู๋จิ่วได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูดเขาก็ตกตะลึงอย่างมากเพราะปรากฏว่าเย่เชียนนั้นสามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาได้แต่ขั้นตอนในการทำนั้นก็คือกุญแจที่สำคัญเพราะถึงยังไงเขาก็ไม่สามารถตะโกนดังๆ และชี้นิ้วใส่ฉานเซ่อว่าเขาคือฆาตกรหรอกใช่ไหม? เมื่อคิดเช่นนั้นอู๋จิ่วก็หัวเราะแห้งๆ และพูดว่า “คุณเย่ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยได้มั้ย?”
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “มันง่ายมากครับ..คุณอู๋จิ่วก็แค่ทำให้เรื่องมันเกิดขึ้นต่อหน้าสาธารณชนอีกยังไงล่ะครับ”
อู๋จิ่วก็ตกใจและรีบถามอย่างร้อนรนว่า “คุณเย่กำลังบอกว่าให้ฉันเป็นเป้าล่อแบบนั้นน่ะหรือ?”
“ใช่! ..แต่แค่เป้าล่อเท่านั้น..แต่คุณอู๋จิ่วก็อาจจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงสาหัสนะครับ!” เย่เชียนถามต่อ “คุณอู๋จิ่วคิดว่าไงบ้าง?”
“วิธีนี้เหมาะที่สุดแล้วในการกำจัดฉานเซ่อ..แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะทำน่ะ” อู๋จิ่วพูด “แต่เราจะไปหาคนมาจากไหนล่ะ..เพราะคนคนนั้นต้องเชี่ยวชาญอย่างมาก..และถ้าหากเขาโดนตำรวจจับเขาก็ต้องทำใจเอาไว้ว่าจะต้องติดคุกสถานเดียว..และยังมีเรื่องของแผนและวิธีการอีก..เราต้องวางแผนดีๆ ไม่งั้นมันก็มีแต่เสียกับเสียเท่านั้น”
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ถ้าคุณอู๋จิ่วเชื่อใจผมเดี๋ยวผมจะจัดหาคนให้เองครับ”
“ฉันเชื่อคุณเย่แน่นอน..ถ้าไม่งั้นฉันก็คงจะไม่มาถามคุณเย่หรอก..แต่ฉันต้องทำยังไงบ้างล่ะ?” อู๋จิ่วถาม
“คุณอู๋จิ่วก็แค่ไปที่อาคารรัฐสภาในวันพรุ่งนี้และแสร้งทำเป็นหารือเกี่ยวกับเรื่องการตายของนายิบ..และเดี๋ยวผมไปเตรียมการกับมือปืนล่วงหน้าและให้เขายิงคุณด้วยปืนไรเฟิลเมื่อคุณกำลังเข้าไปในอาคารรัฐสภา..และแน่นอนว่ามันเป็นแค่การจัดฉากเฉยๆ คุณจะไม่ตายอย่างแน่นอน..เพราะเราไม่ได้จะฆ่าคุณจริงๆ เราแค่ยิงให้ไม่โดนจุดสำคัญเพื่อทำให้คนอื่นเชื่อว่าฆาตกรกำลังจะฆ่าคุณจริงๆ เพราะถ้าไม่เป็นอย่างนั้นผมก็คิดว่ามันคงยากที่จะเชื่อได้นะครับ..คุณอู๋จิ่วคิดว่าไงบ้างครับ..ถ้าไม่งั้นเราก็ต้องคิดหาวิธีอื่นกัน” เย่เชียนพูด
“แล้วมีวิธีอื่นอีกมั้ย?” อู๋จิ่วถาม เพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากและเกี่ยวกับความเป็นความตายดังนั้นจึงทำให้อู๋จิ่วหวั่นเกรงอย่างมาก เพราะถ้าหากมือปืนทำพลาดล่ะก็นั่นก็เท่ากับว่าเขาจะต้องตายไม่ใช่หรือ?
“วิธีอื่นผมยังไม่ได้คิดเลย..แต่เราต้องคิดให้ดีๆ ..ถ้าคุณอยู่จิ่วไม่รีบล่ะก็ถึงยังไงเราก็ต้องมีทางออกอยู่ดี..แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อยคุณอู๋จิ่วไม่ต้องกังวลไป”
อู๋จิ่วก็ถึงกับผงะไปเล็กน้อยและค่อยๆ ตระหนักอย่างถี่ถ้วนซึ่งตอนนี้เขาก็ไม่มีเวลาเหลือมากแล้วเพราะยิ่งเรื่องการตายของนายิบได้รับการแก้ไขเร็วมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีมากเท่านั้น ซึ่งถ้าหากมันยังคงยืดเยื้อไปนานเท่าไหร่ผลเสียก็จะมากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาเหลือมากแล้วและมีแต่จะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งอู๋จิ่วก็พูดว่า “ใช้วิธีนี้แหละ..แต่ฉันอยากรู้ว่ามีวิธีอื่นที่ไม่ใช้ปืนอีกมั้ย..ฉันกลัวว่าในกรณีที่….”
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “คุณอู๋จิ่วไม่ต้องกังวลไปครับ..ผมไม่ทำให้คุณตายหรอกเพราะมันก็ไม่ได้เป็นผลดีอะไรกับผมหนิ..ผมรับปากเลยว่าคุณจะไม่ตาย..ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองคิดวิธีอื่นดูก็ได้..อันที่จริงมันก็ไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ที่จะให้คุณไปเสี่ยงขนาดนั้น” เย่เชียนแสร้งพูดอย่างจริงใจเพื่อทำให้อู๋จิ่วเชื่อใจเขา
“ถ้างั้นก็ว่ากันตามนั้นเลย!” อู๋จิ่วกัดฟันและพูดอย่างเด็ดขาด นั่นก็เพราะว่าเขารู้ว่ามันไม่มีทางอื่นแล้วถ้าเขาไม่ทำตามวิธีนี้เขาก็จะหมดโอกาสและไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกต่อไปแล้วและมีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคในปัจจุบันโดยสมาชิกพรรคทั้งหมดและหลังจากนั้นทั้งบัลลังก์และอาชีพการงานในอนาคตของเขาก็จะพังทลายลง
“คุณอู๋จิ่วคู่ควรกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยและนายกรัฐมนตรีของเมียนมาร์จริงๆ ..คุณมีความกล้าหาญที่คนทั่วไปเทียบคุณไม่ได้เลย” เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะใช้โอกาสนี้แสร้งชื่นชมเยินยอและยินดีกับเขา
อู๋จิ่วก็เขาหัวเราะแห้งๆ และแลกเปลี่ยนคำพูดกันอีกเล็กน้อยแต่หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความขมขื่นและในความเป็นจริงแล้วความกล้าหาญเช่นนี้มันก็ไม่ใช่ทางออกสำหรับเขาเลย
ดังนั้นอู๋จิ่วก็แค่ต้องไปที่อาคารรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ ส่วนเย่เชียนก็จะรับผิดชอบเรื่องอื่นๆ ทั้งหมดและเรื่องแบบนี้ก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาๆ สำหรับเย่เชียน ซึ่งการหามือปืนหรือมือสไนเปอร์ก็แค่ใช้สมาชิกของเขี้ยวหมาป่าก็เพียงพอแล้วและภารกิจง่ายๆ เช่นนี้แค่เฟิงหลานคนเดียวก็พอแล้ว
หลังจากกล่าวคำอำลากันแล้วอุ๋จิ่วกับไท่เหอก็ออกจากคฤหาสน์ไปและเมื่อจ้องมองพวกเขาที่กำลังจะเดินออกไปเย่เชียนก็ฉีกยิ้มอย่างชั่วร้ายเพราะทั้งหมดทั้งมวลนั้นมันก็ดำเนินไปตามการคาดการณ์ของเขาเอง และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็ได้ช่วยย้ำเตือนอู๋จิ่วว่าต่อให้เขาจะเป็นถึงนายกรัฐมนตรีก็ตามถึงยังไงเย่เชียนก็สามารถฆ่าเขาได้ง่ายๆ เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นจากเรื่องต่างๆ เหล่านี้ทำให้อู๋จิ่วมองว่าเย่เชียนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเล่นการเมืองอย่างจริงแท้ และโชคดีอย่างมากที่เย่เชียนนั้นไม่ใช่คู่แข่งของเขาเพราะไม่เช่นนั้นเขาก็คิดว่าเขาอาจจะต้องตายทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบดีใจที่เขาเลือกเส้นทางที่ถูกต้องและไม่ได้ไปทำให้เย่เชียนขุ่นเคืองอย่างบุ่มบ่ามสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนั้น ซึ่งเท่าที่ไทเห่อรวบรวมข้อมูลมานั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้อู๋จิ่วตกตะลึงอย่างมากแล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขายังไม่รู้เกี่ยวกับเย่เชียน
เช้าวันรุ่งขึ้นอู๋จิ่วก็ถูกลอบยิงที่หน้าอาคารรัฐสภาโดยกระสุนของมือปืนเจาะเข้าไปในร่างกายของเขาโดยไม่ถูกจุดสำคัญแต่อย่างใดๆ และอู๋จิ่วก็ล้มลงตรงนั้น ซึ่งในขณะที่เขาล้มลงนั้นเขามีเพียงความคิดเดียวในใจของเขาคือถ้าหากเย่เชียนแอบไปร่วมมือกับฉานเซ่ออย่างลับๆ ล่ะก็วันนี้เขาก็คงจะไม่รอดเสียแล้ว และสิ่งที่น่าขันและตลกร้ายกว่านั้นก็คือเขาเป็นคนที่เดินไปหาความตายเอง
แน่นอนว่าเย่เชียนไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะอย่างน้อยสำหรับเย่เชียนแล้วตอนนี้อู๋จิ่วก็ยังคงเป็นตัวเลือกพันธมิตรที่ดีที่สุด ซึ่งหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ก็นำตัวอู๋จิ่วไปที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ซึ่งมันเป็นดั่งที่เย่เชียนพูดนั่นเองเพราะกระสุนเจาะเข้าไปที่หน้าอกและห่างจากขั้วหัวใจเพียง 2 เซนติเมตรและถ้ามากกว่านี้อีกหน่อยล่ะก็อู๋จิ่วก็จะต้องตายอยู่ตรงนั้นทันทีอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นเหล่าประชาชนและสื่อมวลชนทั้งหลายทั้งประเทศเมียนมาร์ก็โกรธเกรี้ยวกันทันทีและผู้สนับสนุนของนายิบก็คิดกันเป็นเสียงเดียวว่าฉานเซ่อเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ เพราะฉานเซ่อต้องการชนะการเลือกตั้งจึงทำการกำจัดคู่แข่งทั้งสองคนของเขาทั้งนายิบและอู๋จิ่วโดยมีเขาที่เป็นผู้สมัครการเลือกตั้งเหลือเพียงคนเดียว และยิ่งไปกว่านั้นผู้สนับสนุนอู๋จิ่วต่างก็ระดมคำสาปแช่งของพวกเขาอย่างบ้าคลั่งไปที่ฉานเซ่อ ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้ประชาชนและคนจากทุกฝั่งทุกฝ่ายต่างก็มุ่งเป้าไปที่ฉานเซ่อจนทำให้ฉานเซ่อยากที่จะโต้แย้งใดๆ ได้
.
.
.
.
.
.
.