ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 372 ตัดไฟแต่ต้นลม
ตอนที่ 372 ตัดไฟแต่ต้นลม
ถ้าเราต้องการช่วยซูเหวยล่ะก็อันดับแรกเราต้องทำให้เฉาฮงหลีหยุดการซื้อหุ้นสำหรับแผนครั้งต่อไปของเขา และเย่เชียนนั้นก็กลัวว่าซูเหวยจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีและแผนการของเฉาฮงหลีได้จนเธอต้องสูญเสียบริษัทไป
ดังนั้นแผนของเย่เชียนก็คือการทำให้เฉาฮงหลีไม่สามารถทำอะไรในวันนี้ได้เพราะตราบใดที่สามารถข้ามผ่านคืนนี้ไปได้เย่เชียนก็เชื่อว่าสถานการณ์โดยรวมจะคงที่และเมื่อถึงตอนนั้นถึงแม้ว่าเฉาฮงหลีจะลงมือทำตามแผนแต่ถึงยังไงเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
เฉายู่เหลียงนั้นกำลังอยู่ในโรงน้ำชาในเวลานี้และโรงน้ำชาของไต้หวันส่วนใหญ่นั้นก็จะคล้ายๆ กับโรงน้ำชาในประเทศญี่ปุ่นเพราะมันไม่ได้เป็นเพียงสถานที่สำหรับดื่มชาและพูดคุยเพียงเท่านั้นแต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมการบริการอื่นๆ อีกด้วยและนี่คือเหตุผลที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ชอบไปโรงน้ำชาเพราะพวกเขานั้นไม่ได้ไปดื่มชาแต่ไปใช้บริการบันเทิงเสียมากกว่า
ในเวลานี้เฉายู่เหลียงนั้นก็กำลังอยู่กับผู้หญิงที่สวมชุดกิโมโนและหัวเราะกันอยู่อย่างบ้าคลั่ง เพราะเขาไม่จำเป็นต้องแสร้งเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าซูเหวยอีกต่อไปดังนั้นเขาจึงไม่กลัวที่ซูเหวยจะเห็นและกลับกันเขาต้องการให้ซูเหวยเห็นเพื่อที่จะมอบความอัปยศอดสูให้เธอเมื่อนึกถึงซูเหวยที่คุกเข่าอยู่ข้างหน้าเขาพร้อมกับกระดิกหางไปมาและอ้อนวอนขอความเมตตาแล้วเฉายู่เหลียงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก
เย่เชียนและชิงเฟิงก็ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงด้านนอกโรงน้ำชาที่เฉายู่เหลียงนั้นอยู่และหลังจากทั้งสองลงจากรถแล้วพวกเขาก็สอบถามเกี่ยวกับห้องส่วนตัวที่เฉายู่เหลียงนั้นใช้บริการอยู่และเดินตรงไป
แน่นอนว่าทั้งสองจะไม่เคาะประตูอย่างสุภาพแน่นอนเพราะพวกเขาผลักประตูเข้าไปและเมื่อเฉายู่เหลียงได้ยินเสียงเปิดประตูเขาก็หันหน้าไปมองด้วยความประหลาดใจและเมื่อเขาพบว่าเป็นเย่เชียนเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปและพูดว่า “แกมาทำอะไรที่นี่?”
เย่เชียนก็ไม่แยแสและเดินไปฝั่งตรงข้ามของเฉายู่เหลียงและนั่งลงจากนั้นก็โบกมือให้หญิงสาวคนนั้นที่อยู่ในอ้อมแขนของเฉายู่เหลียงเพื่อส่งสัญญาณให้เธอออกไป ซึ่งเมื่อเห็นท่าทางที่ดุร้ายของเย่เชียนแล้วหญิงสาวก็เริ่มรู้สึกหนาวสั่นและรีบเดินหนีออกไป
เฉายู่เหลียงก็ถึงกับผงะและพูดด้วยความโกรธว่า “แกจะทำอะไร?”
“มันก็ไม่มีอะไร..ผมแค่อยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณเฉาหน่อย..คุณคงไม่รังเกียจหรอกใช่มั้ย?” เย่เชียนพูดอย่างเป็นมิตร
“จะให้ฉันช่วยอะไร?” เฉายู่เหลียงถามด้วยความสับสน
“มันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักหรอก..ผมก็แค่อยากจะให้คุณเฉาพูดอะไรสักหน่อยก็แค่นั้น” เย่เชียนพูด
“พูดกับใคร?” เฉายู่เหลียงขมวดคิ้วและถาม
“กับพ่อของคุณเฉาฮงหลี..ให้เขาหยุดการซื้อหุ้นของบริษัททะเลสี่ทิศ!” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมคิดว่าคุณคงไม่รังเกียจใช่มั้ย?”
“ฮ่าๆ” เฉายู่เหลียงหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “นี่แกล้อฉันเล่นงั้นเหรอ? ..ถึงยังไงบริษัททะเลสี่ทิศก็จะกลายเป็นของฉันในไม่ช้า..ซูเหวยบอกให้แกมาพูดแบบนี้เหรอ? ..แกกลับไปบอกเธอเลยนะว่าถ้าเธอต้องการให้พ่อของฉันเลิกซื้อหุ้นล่ะก็เธอจะต้องขอร้องฉันด้วยตัวเอง..และถ้าเธอทำให้ฉันมีความสุขฉันก็อาจจะยอม”
มุมปากของเย่เชียนฉีกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและเขาก็ค่อยๆ พูดว่า “คุณคงเข้าใจอะไรผิดไปนะ..ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอร้องคุณ..ในเมื่อคุณเฉาไม่ให้ความร่วมมือล่ะก็..ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้นะ” ในขณะที่เย่เชียนพูดเขาก็ขยิบตาให้ชิงเฟิงซึ่งชิงเฟิงก็พยักหน้าและเดินไปที่ด้านข้างของเฉายู่เหลียงและล็อคแขนเอาไว้พร้อมกับใช้มีดจ่อที่คอ
ทันใดนั้นใบหน้าของเฉายู่เหลียงก็ซีดลงและเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆ ว่า “แก..แกจะทำอะไร?”
“อ้อผมลืมบอกไป..คุณรู้มั้ยว่าเขาเป็นคนนิสัยเสียเพราะเขาชอบใช้มีดสั้นกรีดผิวหนังออกมาทีละน้อยและมันก็เหมือนกับการประหารชีวิตหลิงฉีของจีนโบราณ” เย่เชียนพูดเบาๆ
ชิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะและเขาก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนอย่างหมดหนทาง อย่างไรก็ตามเพื่อให้บรรลุผลเขาก็ยังคงร่วมมือแสร้งทำเป็นโหดร้ายและจ้องมองไปที่เฉายู่เหลียงอย่างดุเดือด
เห็นได้ชัดว่าเฉายู่เหลียงนั้นหวาดกลัวอย่างมากจนใบหน้าของเขาซีดเหมือนกระดาษ ซึ่งเขาเองก็เคยเล่นทรมานผู้หญิงและเขาก็ชอบทรมานผู้หญิงแบบซาดิสม์และตอนนี้มันเป็นเขาแล้วและจะไม่เขากลัวได้อย่างไร มันเคยเป็นเพียงแค่เทียนและแส้หนังแต่ทว่าตอนนี้ชิงเฟิงกลับใช้มีดเช่นนี้แล้วจะไม่ให้เขากลัวได้อย่างไร
“นี่..ที่นี่เป็นที่สาธารณะ..ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะกล้าทำแบบนี้” เฉายู่เหลียงก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆ
“งั้นจะลองดูมั้ยล่ะ?” เย่เชียนยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ชิงเฟิงจัดการซะ..ฉันไม่อยากเห็นฉากนองเลือดแบบนั้น” เย่เชียนยืนขึ้นและแสร้งทำเป็นว่าเขากำลังจะจากไปจริงๆ
ตอนนี้เฉายู่เหลียงรู้สึกหวาดกลัวและเขาก็ไม่กล้าสงสัยอีกต่อไปว่าชิงเฟิงจะกล้าทำเช่นนั้นและเขาก็ตะโกนว่า “เดี๋ยวก่อน..เดี๋ยวก่อน!”
“หือ..แล้วคุณเฉาจะเอายังไง” เย่เชียนหยุดและพูดด้วยท่าทางที่ดูประหลาดใจ
“ได้ๆ!” เฉายู่เหลียงพูดอย่างเร่งรีบ
“มันไม่ทันแล้ว..เดี๋ยวผมจะไปหาพ่อของคุณเอง” เย่เชียนพูด
ทันทีที่เย่เชียนพูดเช่นนี้เฉายู่เหลียงก็ดูหวาดกลัวด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงและร้องอ้อนวอนออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “เย่เชียน! ..นายให้โอกาสฉันหน่อยได้มั้ย..ฉันจะทำเดี๋ยวนี้แหละ!”
“เห็นแก่ความพยายามอ้อนวอนของคุณผมจะยอมให้ก็ได้” เย่เชียนพูด “เอาสิ! ..ผมจะรอฟัง”
เฉายู่เหลียงก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและโทรออกไปยังหมายเลขของเฉาฮงหลี “พ่อ..นี่ผมเอง!” ทันทีที่เขาพูดสิ่งนี้เย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดีครับคุณเฉา”
เฉาฮงหลีก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดและถามด้วยความประหลาดใจว่า “แกเป็นใคร..ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน..แกทำอะไรกับเขา..ฉันขอเตือนเลยนะว่าอย่ามาสร้างปัญหาไม่งั้นแกแย่แน่”
“คุณคิดว่าคุณจะทำให้ผมกลัวได้งั้นเหรอ..น้องชายจัดการเขาเลย?” เย่เชียนพูด
“เดี๋ยวก่อน!” เฉาฮงหลีรีบพูดว่า “แกต้องการอะไร”
“คุณจำเอาไว้นะว่าคุณเป็นคนขอร้องผมไม่ใช่ผมเป็นฝ่ายขอร้องคุณ!” เย่เชียนพูด “อ้อคุณเฉา..ผมลืมแนะนำตัวเองไป..ผมชื่อเย่เชียนที่แปลว่าอ่อนน้อมถ่อมตัวและเจียมเนื้อเจียม..คุณน่าจะจำผมได้ผมเป็นผู้ช่วยของประธานซู”
เฉายู่เหลียงถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะตอนแรกเขาคิดว่าจะเป็นองค์กรบางอย่างลักพาตัวลูกชายของเขาไปและเรียกค่าไถ่แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ “ซูเหวยสั่งให้แกทำแบบนี้เหรอ?” เฉาฮงหลีแสยะยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้จริงๆ”
“มันไม่ใช่คำสั่งของซูเหวย..ผมคิดจะทำเอง!” เย่เชียนพูด “เธอไม่ได้ใจร้ายขนาดนี้หรอก..คุณเฉารู้ใช่มั้ยว่าต้องทำอะไร?”
“ก็ได้ๆ ..ฉันจะยุติการไล่ซื้อหุ้นที่เหลือทันที..ฉันหวังว่าแกจะรักษาคำพูดนะ..ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของฉันล่ะก็..ฉันจะไม่ปล่อยแกไป” เฉาฮงหลีพูด
“ผมเป็นคนรักษาคำพูดอยู่แล้ว!” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ตราบใดที่คุณทำตามที่ผมบอกผมก็จะปล่อยเฉายู่เหลียงไป..ถ้างั้นก็ตามนั้น”
หลังจากพูดจบเย่เชียนก็วางสายไปโดยไม่รอให้เฉาฮงหลีตอบสนองแต่อย่างใด
เย่เชียนนั้นไม่ได้กำจัดเฉายู่เหลียงเพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่จะกำจัดสุนัขของเฉาฮงหลี เพราะมันก็ค่อนข้างลำบากมากเกินไปเพราะเย่เชียนนั้นไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองหรือแม้แต่เขี้ยวหมาป่าในไต้หวันเร็วเกินไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกิจการของบริษัททะเลสี่ทิศนั้นและไม่ใช่ว่าจะจัดการไม่ได้เพราะเราเพียงแค่ต้องวางระบบโครงสร้างองค์กรใหม่ก็เพียงเท่านั้น
เย่เชียนและชิงเฟิงก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรและพวกเขาก็ยังไม่ได้ออกไปจนกว่าร้านจะปิดจนเฉายู่เหลียงรู้สึกกลัวและเหงื่อออก ถึงแม้ว่าเย่เชียนกับชิงเฟิงจะดูเหมือนกำลังคุยกันอย่างสบายๆ ก็ตามแต่ถึงยังไงเฉายู่เหลียงก็ไม่สามารถผ่อนคลายได้เลย
เมื่อตลาดหุ้นปิดตัวลงซูเหวยก็โล่งใจแต่ในใจของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยความสงสัยแต่ถึงยังไงถ้าหากไม่เป็นเช่นนี้เธอก็รู้ดีว่าเธอนั้นไม่สามารถต้านทานแผนการของเฉาฮงหลีได้อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่คาดคิดที่เฉาฮงหลีจะล้มเลิกการไล่ซื้อหุ้นในตลาดหุ้นเช่นนี้ซึ่งทำให้ซูเหวยงงงวยและสับสนอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับสิ่งที่เฉาฮงหลีกำลังทำอยู่
เฉาฮงหลีก็รู้สึกขมขื่นอย่างมากเพราะชัยชนะของเขาถูกทำลายโดยเย่เชียนอย่างสิ้นเชิง และไม่เพียงแค่ความพยายามทั้งหมดของเฉาฮงหลีในวันนี้จะไม่บรรลุผลลัพธ์ใดๆ ทั้งสิ้นเพียงเท่านั้นแต่เขายังสูญเสียหุ้นในตลาดหุ้นอีกมากมายด้วย ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้ไปเฉาฮงหลีก็ไม่ต้องการให้เย่เชียนมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่ง
เฉาฮงหลีนั้นเป็นดั่งทหารผ่านศึกในคราบนักธุรกิจเพราะเขานั้นได้ติดตามพ่อและแม่ของซูเหวยตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัททะเลสี่ทิศแล้ว ซึ่งเขานั้นมีเครือข่ายในไต้หวันไม่น้อยเลยและไม่ว่าจะเป็นคนของรัฐหรือผู้มีอิทธิพลจากโลกใต้ดินเฉาฮงหลีเองก็ยังคงมีความสัมพันธ์อยู่บ้าง ในความเป็นจริงแล้วเดิมทีเฉาฮงหลีก็ไม่จำเป็นจะต้องไปพึ่งพาคนนอกเพื่อจัดการกับซูเหวยเลยเพราะเขาเองก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่ทว่าตอนนี้ซูเหวยได้ใช้เย่เชียนและกลอุบายนี้ดังนั้นแน่นอนว่าเฉาฮงหลีก็จะไม่ยอมเป็นแน่และในความคิดของเขานั้นเขาคิดว่าสิ่งที่เย่เชียนทำนั้นเป็นคำสั่งของซูเหวยดังนั้นเขาก็จะไม่มีวันยอมปล่อยผ่านไปอย่างแน่นอน
.
.
.
.
.
.
.