ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 388 ศาสตราวุธโบราณ
ตอนที่ 388 ศาสตราวุธโบราณ
หลังจากวางสายโทรศัพท์ของแจ็คไปแล้วเย่เชียนก็กดเบอร์โทรศัพท์ของหวังหู่อีกครั้ง เพราะตอนนี้หวังหูได้ดูแลหงเหมินกรุ๊ปและเครือชิงกรุ๊ปอยู่ ส่วนม่อหลงก็ยังคงตามหาสาวกม่อจื๊อต่อไปซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้ห้ามหรือไม่เห็นด้วยแต่ยังสนับสนุนม่อหลงให้ทำตามความฝันของเขาอีกด้วย
อย่างไรก็ตามม่อหลงนั้นถูกพ่อและแม่ทิ้งไปตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็กและความทรงจำของเขาก็แทบจะจำความประทับใจของพ่อและแม่ได้เลยพร่ามัวและเลือนรางไปหมด ซึ่งเดิมทีสำนักม่อจื๊อนั้นเป็นกลุ่มคนที่ลึกลับอย่างมากและถึงแม้ว่าม่อหลงจะพบเจอแล้วก็จริงแต่เขาก็กลัวว่าเขาอาจจะไม่รู้ว่าเขานั้นหาเจอแล้วก็เป็นได้เพราะมันไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าใครคือสาวกม่อจื๊อบ้าง ดังนั้นการค้นหาสาวกม่อจื๊อนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ด้วยการค้นหาและแสวงหาเพียงเท่านั้น เพราะการแสดงหาสาวดม่อจื๊อนั้นเป็นสิ่งที่สามารถพบเจอได้เสมอตลอดเวลาแต่ทว่ามันก็ไม่สามารถยืนยันได้เลยว่าเป็นใครได้
เมื่อเห็นว่าเย่เชียนโทรมาหานั้นหวังหูก็รู้สึกประหลาดใจและดีใจอย่างเห็นได้ชัดเพราะท้ายที่สุดแล้วที่เขาสามารถมีวันนี้ได้ก็เป็นเพราะเย่เชียนจริงๆ ที่ทำให้เขามีวันนี้ ซึ่งในตอนแรกเขาก็เป็นเพียงแค่คนคุมผับบาร์และเหล่านักเลงตามท้องถนนเท่านั้นแต่ทว่าในตอนนี้เขากลับกลายเป็นบุคคลที่ทรงพลังและทรงอำนาจไปทั่วเมืองเซี่ยงไฮ้ไปแล้วและเขาก็ได้กลายเป็นบุคคลชั้นแนวหน้าแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้และแม้แต่ชนชั้นสูงของประเทศจีนเลยด้วยซ้ำ
“พี่สอง! ..พี่กลับมาจีนแล้วหรอ” อีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์หวังหูก็พูดด้วยความตื่นเต้น
“ใช่! ..พอดีฉันต้องการขอความช่วยเหลือจากนายหน่อยน่ะ” เย่เชียนพูด
“โถ่พี่สอง..พี่อย่าทำให้ผมต้องละอายใจตัวเองได้มั้ย..พี่เพียงแค่สั่งผมมาไม่ว่าจะเป็นอะไรผมก็จะทำและผมก็สัญญาว่าจะทำอย่างถูกต้องตามที่พี่ต้องการเลย” หวังหูพูดอย่างจริงใจ เพราะไม่ว่าตอนนี้หวังหูจะอยู่ในสถานะแบบไหนแต่ถึงอย่างไรตำแหน่งของเย่เชียนในใจของเขานั้นก็ไม่เคยมีใครเทียบได้มาเสมอและหวังหูเองก็เข้าใจดีว่าถ้าหากไม่มีเย่เชียนในวันนั้นก็คงจะไม่มีตัวเขาเองในวันนี้ เย่เชียนนั้นถือได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณสำหรับเขาอย่างยิ่งและที่สำคัญกว่านั้นความเป็นพี่น้องกันนั้นก็ไม่สามารถมีสิ่งใดมาทำลายได้เลย ซึ่งในความคิดของเขานั้นไม่ว่าตัวเองจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงส่งและยิ่งใหญ่มากแค่ไหนในอนาคตข้างหน้าก็ตามถึงยังไงเขาก็ยังคงเป็นหวังหูคนเดิมที่ยังคงยืนหยัดและเคารพเย่เชียนอย่างยิ่งยวดนั่นเอง
“นายรู้เรื่องการประมูลที่จะจัดขึ้นอีกสามวันข้างหน้าบ้างมั้ย?” เย่เชียนถาม “แล้วนายได้รับคำเชิญหรือบัตรเชิญบ้างหรือเปล่า?”
หวังหูถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วก็ตอบว่า “ผมได้รับคำเชิญครับพี่สอง..มันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? ..การประมูลจะมีปัญหาหรอ”
“ถ้างั้นนายก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่าไฮไลต์ของการประมูลครั้งนี้ก็คือกริชที่ชื่อ ‘กริชดาวตก’ ฉันจะบอกนายว่าฉันชอบกริชดาวตกมาก..ฉันอยากได้มัน..แต่ฉันน่ะไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่ากริชมันจะเป็นของฉัน..และฉันก็อยากให้การประมูลดำเนินไปตามปกติ” เย่เชียนพูด
หลังจากที่หยุดไปชั่วขณะหวังหูก็พูดว่า “มันจะไปยากอะไร..ผมก็แค่ชนะการประมูลแล้วแอบมอบมันให้พี่สองแบบนั้นก็จะไม่มีใครรู้แล้ว”
เย่เชียนก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเพราะถึงแม้ว่านี่จะเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีแต่ก็ไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุดเพราะวิธีนี้มันอาจจะสร้างปัญหาให้กับหวังหูก็เป็นได้เพราะเย่เชียนนั้นเชื่อว่ามีหลายคนที่คิดจะครอบครองสิ่งนี้อยู่ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็พูดว่า “ไอ้เสือ..นายเองก็อยู่ในเซี่ยงไฮ้มาตั้งนานแล้ว..นายรู้จักนักลอกเลียนแบบปลอมแปลงของโบราณบ้างมั้ย? ..ตัวอย่างเช่นผู้เชี่ยวชาญด้านการปลอมแปลงของเก่าและการประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดอะไรพวกนั้นน่ะ?”
“พี่สอง! ..พี่ต้องการที่จะ…อ๋อผมเข้าใจแล้ว!” หวังหูพูดต่อ “ถ้าแบบนั้นผมก็รู้จักชายชราอยู่คนหนึ่ง..เขาเชี่ยวชาญมากและเขาก็เคยติดคุกในข้อหาปลอมแปลงโบราณวัตถุและว่ากันว่าสิ่งที่เขาปลอมแปลงขึ้นมานั้นแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินราคาวัตถุโบราณก็ยากที่จะแยกแยะได้เลยนะพี่”
“ดี! ..นายพาฉันไปพบเขาที” เย่เชียนพูด
“พี่สอง..แต่ผมได้ยินมาว่าเขาวางมือไปแล้วน่ะสิ…เพราะเขาไม่เคยทำแบบนั้นอีกเลยตั้งแต่ที่เขาได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก” หวังหูพูด
“ไม่เป็นไรๆ ..ฉันจะไปหานายก่อน” เย่เชียนพูด “นายรอฉันที่บ้านน่ะ..เดี๋ยวฉันจะไปหานายก่อนแล้วนายก็พาฉันไปหาเขา” หลังจากพูดจบแล้วเย่เชียนก็วางสายโทรศัพท์และตรงไปหาหวังหู
เย่เชียนนั้นทำงานหนักเสมอและเป็นแบบนี้จนเขาไม่ได้พักผ่อนเต็มอิ่มสักที ซึ่งการที่อยู่บนเครื่องบินมานานนั้นก็เหนื่อยมากแล้วแต่แค่นี้เย่เชียนก็ไม่สามารถยับยั้งความตื่นเต้นของเขาได้เมื่อเขาได้ยินข่าวของกริชดาวตก หลังจากเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแล้วเย่เชียนก็โบกแท็กซี่ไปที่บ้านของหวังหูทันที
กงห่าวอายุห้าสิบแปดปีเขาเรียนช่างไม้เมื่อตอนที่เขายังเด็กและเขาก็เป็นคนที่ชอบศึกษาเรื่องแปลกๆ เสมอมา ซึ่งเมื่อเขายังเด็กเขาก็มักจะไปช่วยพ่อค้าของเก่าฟื้นฟูและซ่อมแซมการประดิษฐ์ตัวอักษรและเริ่มทำของเลียนแบบและเรียนรู้การวาดภาพและแกะสลักลายเขาจึงหลงรักงานนี้ตั้งแต่นั้นมา เขานั้นชอบเรียนรู้วัตถุต่างๆ และควบคู่ไปกับความพยายามและความตั้งใจของเขาดังนั้นเขาจึงเริ่มประดิษฐ์วัตถุลอกเลียนแบบและของปลอมอย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติได้
ผลงานที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเขาก็คือแจกันลอกเลียนแบบจากสมัยราชวงศ์หมิงและไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินราคาโบราณคนใดจากทั่วประเทศที่เห็นว่าชิ้นนั้นเป็นแจกันปลอมเลยแม้แต่คนเดียว และยิ่งไปกว่านั้นแจกันชิ้นนั้นก็ยังถูกขายในราคาที่สูงกว่า 5 ล้านหยวนในการประมูลของเก่าในแถบยุโรปและหลังจากนั้นมากงห่าวก็มีชื่อเสียงโด่งดังจากคนตัวเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมาก่อนกลายเป็นนักออกแบบและประดิษฐ์ของโบราณยอดฝีมือที่แม้แต่พ่อค้าของเก่าที่ทำของเก่าโบราณเสียหายก็จะใช้กงห่างซ่อมแซมกันทั้งนั้น
การปลอมแปลงโบราณวัตถุนั้นไม่ใช่งานง่ายๆ ใช่ไหม? เพราะไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือหรือวิสัยทัศน์และการอ้างอิงจากประวัติศาสตร์ก็ต้องมีรายละเอียดที่ครบถ้วนและต้องรู้ประวัติความเป็นมาของโบราณเท่านั้นจึงจะสามารถแสดงรูปแบบเดียวกับของเก่าจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ชื่อเสียงของกงห่าวนั้นก็ถูกแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างแต่ปัญหาหลายๆ อย่างก็ตามมาเพราะตัวเขาเองเป็นคนที่ดื้อรั้นที่ยึดความคิดของตัวเองเป็นหลักและไม่ทำตามคำขอของใครง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงไปทำให้หลายๆ คนขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัวและสุดท้ายเขาก็ถูกจับเข้าคุกเพราะถูกหักหลังและแฉความลับจนถูกตัดสินจำคุกยี่สิบปี และหลังจากออกจากคุกมาเขาก็ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาก็เปิดร้านขายภาพประดิษอักษรและภาพวาดและของเก่าปลอมและสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่สุดในปีนี้ก็คือบรรดาคนรวยและไฮโซที่อยากได้ของปลอมไปเสริมบารมีนั่นเอง ดังนั้นชีวิตของเขาจึงไม่ได้มีปัญหาอะไรหลังจากออกจากคุกมาและเขาก็ชอบการใช้ชีวิตแบบนี้อีกด้วย
เมื่อเย่เชียนและหวังหูมาถึงหน้าร้านของกงห่าวแล้วและกำลังจะปิดประตูเข้าไปและเมื่อกงห่าวเห็นว่าเย่เชียนและหวังหูกำลังจะเดินเข้ามาในร้านกงห่าวก็เหลือบมองและพูดว่า “ร้านจะปิดแล้วไอ้หนู..ถ้าต้องการซื้ออะไรก็กลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้”
ระหว่างทางนั้นหวังหูก็ได้บอกเย่เชียนเกี่ยวกับอารมณ์และนิสัยของกงห่าวมาบ้างแล้วและตอนนี้เย่เชียนก็ได้เห็นมันด้วยตาของเขาเองจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเพราะปรากฏว่าชายชราคนนี้ไล่แขกที่เป็นเด็กออกจากร้าน แต่บ่อยครั้งที่คนคนนั้นยิ่งแปลกมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเป็นคนจริงมากเท่านั้นเพราะเย่เชียนเคยเห็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้มามากมายซึ่งแต่ละครก็ล้วนมีอารมณ์และการแสดงออกที่แปลกประหลาดกันทั้งนั้น เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ยิ้มจางๆ และพูดว่า “เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อของ..แต่เรามาหาอาจารย์กงครับ”
กงห่าวก็มองไปที่เย่เชียนจากหัวจรดเท้าและพูดอย่างไม่แยแสว่า “ฉันวางมือแล้วไอ้หนู..พวกเอ็งกลับไปเถอะ!” เห็นได้ชัดว่ากงห่าวนั้นรู้ได้ว่าเย่เชียนนั้นมาหาเขาในฐานะนักปลอมแปลงโบราณวัตถุ
“โถ่อาจารย์กง..ถ้าไม่รับฟังก่อนแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามันน่าสนใจหรือเปล่า” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะในการรับมือกับคนประเภทนี้เขาจำเป็นต้องมีความอดทนแต่ถึงยังไงเวลาก็กำลังจะหมดลงเพราะการประมูลจะเริ่มในอีกสามวันข้างหน้าดังนั้นเย่เชียนต้องทำให้กงห่าวยอมรับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
กงห่าวก็หัวเราะอย่างเย้ยหยันและพูดว่า “ฉันก็บอกเอ็งไปแล้วหนิว่าฉันวางมือแล้ว..เอ็งจะพูดอะไรอีก” หลังจากพูดจบกงห่าวก็ดึงประตูม้วนลงแล้วจากไป
“นี่ปู่…” หวังหูอยากจะระเบิดอารมณ์ออกมาแต่เย่เชียนก็รีบหยุดเขาเอาไว้ หลังจากนั้นเย่เชียนก็รีบพูดกับกงห่าวว่า “ผมได้ยินชื่อเสียงของอาจารย์กงมานานแล้ว..ว่าอาจารย์กงเชี่ยวชาญด้านการซ่อมแซมของเก่าและปลอมแปลงวัตถุโบราณ..คุณคือผู้ยิ่งใหญ่ในด้านนี้จริงๆ ..ผมล่ะเสียดายจริงๆ”
“ไอ้หนู..ฉันอายุเยอะแล้ว..ฉันเคยเห็นอะไรมาเยอะ..มันไม่มีประโยชน์ที่จะใช้วิธีก้าวร้าวกับฉันหรอกนะ” กงห่าวดูเหมือนจะรับยืนหยัดที่จะไม่กลับไปทำแบบเดิมอีกแล้ว หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “ไอ้หนู..ฉันแนะนำให้พวกเอ็งไปทำสิ่งต่างๆ ด้วยความซื่อสัตย์เถอะ..อย่าเป็นเหมือนฉันเลย..ฉันสูญเสียเวลาไปหลายสิบปีและความเยาว์วัยก็เป็นสิ่งที่ต้องชดใช้นะไอ้หนู”
“ผมคิดว่าถ้าอาจารย์กงมีโอกาสคุณก็ยังเลือกแบบเดิมใช่มั้ย? ..บางครั้งคนเราน่ะก็ชอบอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่เงินที่จะแลกมันมาได้..เพราะบางสิ่งมันเป็นเหมือนความรักที่แท้จริงและความผูกพันและบางทีสิ่งก็อาจจะมีความหมายพิเศษสำหรับคนคนนึง..อาจารย์กงไม่คิดแบบนั้นหรือ?” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆ
กงห่าวก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัวเพราะอันที่จริงแล้วเหตุผลที่เขาเลือกที่จะปลอมโบราณวัตถุนั้นไม่ใช่เพื่อเงินแต่เป็นความรักที่แท้จริงจากหัวใจมิฉะนั้นเขาคงจะไม่ทำให้หลายๆ คนขุ่นเคืองใจด้วยการปฏิเสธคำขอของพ่อค้าของเก่าจำนวนมากหรอก “เอ็งไม่จำเป็นต้องพูดแบบนี้กับฉันหรอก..ถึงยังไงฉันก็วางมือไปแล้ว..ฉันจะไม่กลับไปทำแบบเดิมอีกแล้ว..พวกเอ็งกลับไปเถอะ! ” กงห่าวพูดอย่างเด็ดขาดและแน่วแน่
“โถ่ตาแก่..พูดขนาดนี้แล้วยังหัวรั้นอยู่อีกเหรอ..เชื่อมั้ยผมจะโยนคุณลงแม่น้ำหวงผู่เพื่อเป็นอาหารปลาเลย” ความอดทนของหวังหูนั้นไม่แข็งแกร่งเท่าของเย่เชียนเพราะเมื่อเขาเห็นเย่เชียนที่พูดสิ่งดีๆ มากมายแต่กงห่าวกับปฏิเสธอย่างไม่แยแสเช่นนี้เขาจึงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก
“หืม!” กงห่าวก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไอ้หนู..ฉันน่ะอายุเยอะแล้ว..เอ็งคิดว่าฉันจะกลัวความตายมั้ย..ฉันน่ะไม่มีญาติไม่มีใคร..ฉันมีชีวิตที่เลวร้ายมาตลอด..ฉันไม่กลัวหรอกถ้าเอ็งจะฆ่าฉัน..ฉันผ่านอะไรมาเยอะแล้ว..น่ากลัวกว่านี้ฉันก็เคยพบเจอมาแล้ว..เพราะงั้นความตายก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับฉันเลยไอ้หนู”
“ไอ้…” หวังหูกำลังจะพูดแต่ทว่าเย่เชียนก็รีบตะโกนขัดจังหวะว่า “ไอ้เสือ! ..หุบปาก! ..อาจารย์กงท่านเป็นผู้อาวุโส..เอ็งจะพูดแบบนี้ได้ยังไง..ขอโทษเขาซะ!”
“อย่ามาเสแสร้งเลยไอ้หนู..อีกคนอารมณ์ร้อนอีกคนสุภาพ..เพื่อทำให้ฉันคล้อยตาม..คนแก่อย่างฉันเห็นอะไรแบบนี้มาเยอะแล้ว..ไม่ต้องมาเสแสร้งต่อหน้าฉันหรอก” กงห่าวพูด
“พี่สอง..พี่ดูตาแก่นี่สิ..เขาไม่สนใจอะไรเลย..เดี๋ยวผมจะสั่งสอนเขาวันนี้แหละ..ฉันจะไม่มีวันให้อภัยใครถ้าใครทำให้พี่สองต้องขุ่นเคือง” หวังหูพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“พอแล้ว!” เย่เชียนตะคอกจนหวังหูอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะและเมื่อเห็นว่าเย่เชียนโกรธมากเขาก็จำใจก้มหน้าลงทันทีโดยไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก “อาจารย์กงครับ..ผมขอโทษจริงๆ ..ผมต้องขอโทษแทนเขาด้วย” เย่เชียนพูดด้วยความจริงใจไร้การเสแสร้งใดๆ
.
.
.
.
.
.
.