ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 405 ความปรารถนาของสาวน้อย
ตอนที่ 405 ความปรารถนาของสาวน้อย
หัวหน้าทีมตำรวจชุดอาชญากรรมคนนี้เดิมที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหลี่ฮ่าวเมื่อเขากลายเป็นอธิการสำนักงานความมั่นคงสาธารณะในตอนนั้น ดังนั้นเขาจึงเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชียนและหลี่ฮ่าวเป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะหัวหน้าทีมตำรวจชุดอาชญากรรมนั้นเขาก็มีการติดต่อกับคนในท้องถิ่นมากมายและไม่ว่าจะเป็นการจับกุมหรือสืบข่าวนั้นเขาจึงรู้เกี่ยวกับตัวตนของเย่เชียนไม่มากก็น้อย ซึ่งคนแบบนี้ก็ไม่ใช่คนที่เขาจะไปทำให้ขุ่นเคืองได้เลยไม่เช่นนั้นตราบใดที่เย่เชียนพูดอะไรสักคำเขาก็เกรงว่าเครื่องแบบและยศตำรวจบนร่างของเขาก็จะถูกถอดออกเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้นตามสถานการณ์ในที่เกิดเหตุเย่เชียนก็ทำไปเพราะเพื่อการป้องกันตัวและแม้แต่รางวัลพลเมืองดีก็ยังสมควรได้รับอีกด้วย เพราะถ้าหากเย่เชียนไม่สามารถจัดการกับนักฆ่าเหล่านั้นได้ล่ะก็มันอาจจะมีผู้เสียชีวิตหลายรายและสถานการณ์อาจจะร้ายแรงกว่านี้เป็นแน่
“คุณ..คุณเย่เป็นอะไรไหมครับ? ” หลังจากที่หัวหน้าทีมตำรวจชุดอาชญากรรมโบกมือเพื่อสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาลดปืนลงแล้วเขาก็เดินเข้าไปหาเย่เชียนและถาม
เย่เชียนก็รู้สึกโกรธเพียงแค่ชั่วขณะเพราะเนื่องจากอีกฝ่ายสุภาพมากเย่เชียนจึงไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจอีกต่อไปและยิ่งไปกว่านั้นก็ยังจำหัวหน้าทีมตำรวจอาชญากรรมคนนี้ต่อหน้าเขาได้ ซึ่งเย่เชียนก็เคยคุยโวและเล่าเรื่องตลกให้เขาฟังเมื่อตอนที่เย่เชียนอยู่ในสำนักงานความมั่นคงสาธารณะในครั้งนั้น เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “คุณจัดการเรื่องที่นี่ไปก็แล้วกัน..ผมมีธุระที่ต้องไปทำ”
“ครับ..คือว่า..คุณช่วยให้ปากคำกับเราหน่อยจะได้ไหมครับ?” หัวหน้าทีมตำรวจอาชญากรรมพูดอย่างประหม่า
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “มันไม่จำเป็นหรอก..เพราะถ้าคุณนำศพพวกนี้กลับไปก็จะมีคนจากหน่วยงานความมั่นคงมาหาพวกคุณเอง..เพราะงั้นผมขอตัวก่อนผมมีเรื่องด่วนที่ต้องทำ!” หลังจากนั้นเย่เชียนก็อุ้มเย่หลินเข้าไปในรถแล้วเขาก็ขึ้นรถไป นั่นก็เพราะว่านักฆ่าเหล่านี้คือทหารรับจ้างเรดซันซึ่งแน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอาชญากรรมเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเลยเพราะเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการพวกเขา อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่างและไม่สามารถจัดการได้โดยหัวหน้าทีมตำรวจอาชญากรรมเลย
เมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของเย่เชียนแล้วหัวหน้าทีมตำรวจชุดอาชญากรรมจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรใดๆ อีกและเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “ได้ครับคุณเย่!”
หลังจากสตาร์ทรถและขับออกไปจากที่เกิดเหตุแล้วเย่เชียนก็กดโทรศัพท์ของเขาและโทรไปหาแจ็คทันที “แจ็ค! ..นายคัดคนของหวังหูจำนวนหนึ่งแล้วสั่งให้พวกเขาไปล้อมรอบบ้านของอู๋หยางเฉิงเอาไว้..และจำเอาไว้ด้วยว่าฉันอนุญาตให้พวกนั้นเข้าได้เท่านั้นแต่ไม่อนุญาตให้มีใครออกมาไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม..ถ้ามันมีอะไรผิดพลาดไม่ใช่แค่พวกเราที่จะซวยแต่เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดของเราด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วแจ็คก็รู้ได้ทันทีว่ามันต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งแจ็คก็ถามว่า “บอส! ..มันเกิดอะไรขึ้น? ”
“หึ..มันเป็นเรื่องใหญ่มาก..เมื่อกี้ฉันโดนลอบยิงและเกือบจะกลายเป็นศพไปแล้ว!” เย่เชียนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้และเขาเองก็ยังมีความกลัวอยู่บ้างเพราะถ้าเย่หลินไม่ได้มีความกล้าเช่นนั้นล่ะก็เธอคงจะตายไปแล้ว “เมื่อไหร่ที่ฉันจัดการกับเรื่องต่างๆ ที่นี่เสร็จแล้ว..ฉันต้องการทำให้พวกมันหายออกไปจากโลกใบนี้ให้หมด! ..แต่ฉันได้ยินบทสนทนาของอาซูกะนากาจิมะมา..ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะมีองค์กรบางอย่างอยู่เบื้องหลังพวกนั้น..นายช่วยตรวจสอบให้ฉันหน่อยสิ”
การที่เย่เชียนถูกลอบยิงเช่นนี้ก็ทำให้แจ็คอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่มากและไม่น่าแปลกใจเลยที่เย่เชียนจะเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ ซึ่งแจ็คเองก็ไม่ยอมให้ใครมาท้าทายเขี้ยวหมาป่าของเขาเช่นนี้ซึ่งหลังจากได้รับฟังเรื่องต่างๆ แล้วแจ็คก็วางสายโทรศัพท์ไปและเริ่มทำสิ่งที่ตนเองถนัดทันที
เย่หลินก็มองไปที่เย่เชียนด้วยดวงตาที่กลมโตของเธอจนเย่เชียนงุนงงและหันหน้าไปมองเธอด้วยความประหลาดใจแล้วถามว่า “มีอะไรหรอ? ”
“พ่อคะ..หนูอยากเป็นเหมือนกับพ่อในอนาคตน่ะ..หนูจะทำให้ทุกคนยอมจำนนใต้แทบเท้าของหนู!” เย่หลินพูดอย่างหนักแน่น
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและหลังจากนั้นเขาก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยแล้วลูบหัวของเย่หลินเบาๆ และพูดว่า “นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ..แต่พ่อก็เชื่อว่าหนูจะต้องทำได้เพราะหนูเป็นลูกสาวของเย่เชียนคนนี้..พ่อเชื่อว่าจะไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรคของหนูอย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดออกมาจากใจจริง เพราะตั้งแต่วันที่เขารับเลี้ยงเย่หลินเขาก็คิดว่าถ้าเด็กผู้หญิงคนนี้นั้นสนใจเดินเส้นทางสายนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องฝึกฝนเธอให้เป็นผู้หญิงที่สง่างามและยิ่งใหญ่ให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนจะไม่ใช้พลังและอำนาจของเขาเพื่อช่วยเธอมากเกินไปเพราะมันจะไม่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเธอ ซึ่งเพียงแค่ช่วยสนับสนุนเธอเมื่อเธอมีปัญหาเพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเห็นว่าเย่หลินคิดเช่นนี้เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะแอบคิดอย่างสงสัยว่าเด็กคนนี้ในอนาคตเธอจะเป็นเช่นไร? แต่ไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไรเย่เชียนก็จะไม่มีวันปล่อยให้เธอกลายเป็นคนรุ่นใหม่ที่งี่เง่าและไร้ค่าอย่างแน่นอน และเมื่อใครมาคุกคามเธอล่ะก็เย่เชียนก็จะฆ่าพวกเขาด้วยมือของเขาเองเพื่อไม่ให้เธอได้รับอันตรายใดๆ
เย่หลินก็กัดริมฝีปากแน่นและไม่พูดอะไรเลยราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งเย่เชียนตอนนี้ก็ไม่ได้รบกวนเธอเช่นกัน เพราะเย่เชียนกำลังเตรียมพร้อมทางจิตใจและทำความคุ้นเคยสำหรับการเติบโตก่อนวัยอันควรของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้
หลังจากที่กลับไปถึงที่บ้านของซ่งหลันแล้วก็พบว่าพวกเธอยังไม่ได้กลับบ้าน ดังนั้นเย่เชียนจึงเริ่มจัดเตรียมสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็วและเย่หลินก็ยินดีที่จะช่วยเหลือราวกับว่าเธอลืมสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นออกไปหมดแล้ว ซึ่งหลังจากจัดห้องอาหารเรียบร้อยแล้วเย่เชียนก็เข้าไปในครัวอีกครั้งและเริ่มทำอาหารและเย่หลินก็ยิ้มเยาะและในบางครั้งเธอก็แอบหยิบอาหารสองสามอย่างเข้าปากด้วยมือของเธอเอง
เย่เชียนก็ไม่ได้ตำหนิเธอเพราะเขาคิดว่าเธอนั้นควรจะเป็นเด็กแบบนี้มากกว่าเพราะเธอดูน่ารักมาก
ไม่ว่าทหารรับจ้างเรดซันจะมาคุกคามแค่ไหนถึงยังไงเย่เชียนก็จะมาร่วมงานวันเกิดของซ่งหลันอยู่ดี เพราะเย่เชียนเชื่อว่าอาซูกะนากิจิมะยังคงอยู่ที่บ้านของอู๋หยางเฉินและยิ่งไปกว่านั้นแจ็คก็ได้ส่งคนไปล้อมบ้านของอู๋หยางเฉิงเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์เอาไว้แล้วและจะไม่มีใครสามารถออกไปจากบ้านได้แม้แต่อาซูกะนากาจิมะเองก็ไม่สามารถเพราะถึงแม้ว่าเธอจะเก่งกาจสักแค่ไหนแต่ก็ไม่มีวันรับมือกับคนจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้อยู่ดี ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นเย่เชียนเองก็ตามเขาก็ไม่สามารถรับมือกับคนจำนวนมากขนาดนี้พร้อมๆ กันได้
ยังไม่สายเกินไปที่จะจัดการกับอู๋หยางเฉิงและอาซูกะนากาจิมะ เพราะหลังจากที่เขามาฉลองวันเกิดของซ่งหลันแล้วเย่เชียนจะไม่ทำเหมือนกับครั้งที่แล้วที่เพียงแค่ส่งอู๋หยางเฉิงไปที่สำนักงานตรวจสอบวินัยกลางเพียงเท่านั้นเพราะครั้งนี้เย่เชียนจะส่งอู๋หยางเฉิงไปเยือนเจ้าแห่งยมโลกตามลูกชายของเขาไปนั่นเอง
อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆ ในไต้หวันนั้นก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ดังนั้นเย่เชียนจึงสามารถจัดการเรื่องต่างๆ ในประเทศจีนได้อย่างสบายใจและนอกจากนี้สิ่งต่างๆ ก็เริ่มมีเสถียรภาพแล้ว ไม่เช่นนั้นเย่เชียนก็คงจะคอยกังวลอย่างไม่รู้จบเพราะถ้าเมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจะต่อสู้กับศึกครั้งนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้เย่เชียนรู้สึกว่ามันมีหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย
การที่เย่เชียนได้พบกับเฟิงกั๋วฟู่นั้นจึงทำให้เย่เชียนต้องการขยายอิทธิพลของเขาไปยังมณฑลกวางตุ้งเพราะท้ายที่สุดมันก็อยู่ติดกับเขตการปกครองฮ่องกงซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาเขี้ยวหมาป่า แต่ทว่าตอนนี้ก็มีอยู่อีกเรื่องที่เย่เชียนยังไม่สามารถผ่อนคลายได้ซึ่งนั่นก็คือองค์กรที่อาซูกะนากาจิมะพูดถึงซึ่งทำให้เย่เชียนถึงกับปวดหัวเพราะองค์กรที่สามารถทำให้แก๊งยากูซ่ายามากุจิหวั่นเกรงและยังสามารถควบคุมองค์กรทหารรับจ้างเรดซันได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้เย่เชียนก็ทำได้เพียงแค่คอยแก้ปัญหาและจัดการไปทีละเรื่องเพื่อที่เขาจะได้ไม่เหนื่อยล้ามากเกินไป
เมื่อวานนี้เย่เชียนได้บอกแจ็คเกี่ยวกับสถานการณ์ของเฟิงกั๋วฟู่และขอให้เขาตรวจสอบ ซึ่งหวังหู่เองก็ได้สั่งให้สมาชิกภายใต้หงเหมินกรุ๊ปและแก๊งชิงร่วมกันสืบข้อมูลและเย่เชียนก็เชื่อว่าภายใต้เครือข่ายข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่าและหงเหมินกรุ๊ปและแก๊งชิงขนาดนี้ใหญ่นี้นั้นข้อมูลของเฟิงกั๋วฟู่ทั้งหมดก็จะถูกรวบรวมมาอย่างละเอียดแน่นอน
การรู้จักศัตรูนั้นเป็นสิ่งที่ดีเสมอและเย่เชียนก็มีความตั้งใจที่จะขยายกองกำลังเขี้ยวหมาป่าของเขาไปทั่วประเทศจีนและแม้แต่ทั่วโลกและเขาก็จะไม่พลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นหงเหมินกรุ๊ปก็ยังมีความแข็งแกร่งอย่างมากในตอนใต้ของประเทศจีนและเย่เชียนก็เชื่อว่าด้วยรากฐานของหงเหมินกรุ๊ปนั้นมันก็จะง่ายกว่าการที่จะเข้ามาในนามของเขี้ยวหมาป่านั่นเอง
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้วเย่เชียนก็นำอาหารมาที่โต๊ะด้วยกันกับเย่หลินอย่างมีความสุขและหลังจากนั้นเขาก็หยิบไวน์แดงออกมาหนึ่งขวดจากตู้ไวน์และเปิดมันออก เนื่องจากไม่มีเวลาการจัดเตรียมาสถานที่จึงดูไม่ค่อยโรแมนติกนักและไม่เหมือนกับการจัดเตรียมงานของหลินโรวโร่วหรือฉินหยู แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหัวใจของเขาและเย่เชียนก็เชื่อว่าซ่งหลันจะไม่ขุ่นเคืองอย่างแน่นอน
หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วก็มีเสียงเครื่องยนต์ของรถดังมาจากด้านนอกและจากนั้นก็ได้ยินเสียงของซ่งหลันและหลินโรวโร่วดังเข้ามา ซึ่งเย่เชียนและเย่หลินก็มองหน้ากันแล้วยิ้มและปิดไฟทั้งหมดลงและเริ่มซ่อนตัวอยู่หลังประตูโดยถือริบบิ้นที่เตรียมเอาไว้ในมือ
ซ่งหลันก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันมีบางอย่างผิดปกติเพราะเมื่อครู่นี้ไฟในบ้านก็ยังเปิดอยู่แต่จู่ๆ มันก็ดับลงหมดและหลังจากงุนงงอยู่เล็กน้อยซ่งหลันก็เข้าใจได้ว่าเย่เชียนกำลังทำอะไรอยู่และความรู้สึกอบอุ่นก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอและเธอก็รู้ว่านี่จะต้องเป็นเย่เชียนที่ฉลองวันเกิดให้เธอ ซึ่งเมื่อคิดถึงความพยายามอย่างเงียบๆ ของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาแล้วซ่งหลันก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าและมีความสุขอย่างมาก
ซ่งหลันก็ค่อยๆ เปิดประตูและเย่เชียนกับเย่หลินก็กระโดดออกมาและในทันใดนั้นริบบิ้นสีในมือก็ลอยขึ้นไปเหนือศีรษะของซ่งหลันและในขณะเดียวกันเย่เชียนก็เปิดไฟในบ้าน ซึ่งมันทำให้ซ่งหลันตกใจอย่างมากเพราะการกระทำที่กะทันหันเช่นนี้จึงทำให้ซ่งหลันตกใจจนเธอลืมตัวปล่อยหมัดออกไปแต่โชคดีที่หมัดของเธอนั้นไม่ได้เร็วมากไม่เช่นนั้นคงโดนเย่หลินไปเสียแล้ว
“อยากให้ฉันหัวใจวายตายหรอ!” ซ่งหลันพูดอย่างโกรธเกรี้ยวแต่อย่างไรก็ตามน้ำเสียงของเธอนั้นมีความซาบซึ้งและความสุขอย่างมาก
หลังจากหยุดไปชั่วขณะซ่งหลันก็มองเย่เชียนอย่างอ่อนโยนและหลังจากนั้นเธอก็โน้มตัวไปจูบที่แก้มของเย่เชียนและพูดว่า “ขอบคุณนะ!” จากนั้นเธอก็ลูบหัวของเย่หลินแล้วพูดว่า “หลินหลินขอบใจนะ!”
“พี่หลันคะ! ..สุขสันต์วันเกิดค่ะ!” เย่หลินพูดแล้วจูบไปที่แก้มของซ่งหลัน
“น่ารักจริงๆ!” ซ่งหลันพูดด้วยรอยยิ้ม
“มาเถอะ..ชุดอาหารแคริบเบียนของผมน่ะพี่คงไม่ได้กินมันมานานแล้วใช่มั้ยล่ะ..เอาล่ะวันนี้ทุกคนจะได้ลิ้มลองอาหารดีๆ อีกครั้ง!” เย่เชียนยิ้มและเดินไปที่โต๊ะร้านอาหาร
ซ่งหลันหันหน้าไปมองหลินโรวโร่วและพูดว่า “ไปกันเถอะอาหารแคริบเบียนของเจ้าหมอนี่น่ะรสชาติดีจริงๆ..ฉันไม่ได้กินมานานแล้ว”
“ต้องขอบคุณสำหรับวันเกิดของพี่หลันจริงๆ..เพราะงั้นฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าเมื่อไหร่เขาจะลงมือทำอาหารเองบ้าง” หลินโรวโร่วยิ้มและพูด เพราะเดิมทีหลินโรวโร่วไม่ได้วางแผนที่จะกลับมาในวันนี้เพราะเธอคิดว่านี่คือโอกาสที่ดีที่จะให้ซ่งหลันและเย่เชียนอยู่ด้วยกัน แต่ซ่งหลันก็ยืนกรานที่จะดึงเธอกลับมาด้วย ดังนั้นหลินโรวโร่วจึงไม่สามารถไม่สามารถปฏิเสธซ่งหลันได้เลยแล้วเธอก็ต้องยอมตกลงมากับซ่งหลันในที่สุด
.
.
.
.
.
.
.