ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 470 ความสงสัย
ตอนที่ 470 ความสงสัย
“มิสเตอร์เย่โปรดมั่นใจได้เลยว่าหัวหน้าของเราพร้อมที่จะเข้าพบมิสเตอร์เย่ในเช้าวันพรุ่งนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือต่างๆ” เซอร์เก้วิชพุชกินก็พูดต่อ “ถ้ามิสเตอร์เย่ไม่รังเกียจก็ไปพักที่บ้านผมของผมสักหนึ่งคืนสิ..ผมไม่อยากให้เหตุการณ์แบบตอนกลางวันเกิดขึ้นอีกแล้ว..ไม่งั้นผมก็ไม่รู้จะอธิบายกับหัวหน้าของผมยังไงหรือจะอธิบายกับมิสเตอร์เย่ยังไง”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมก็คิดว่ามิสเตอร์พุชกินคงไม่อยากให้เรื่องในวันนี้เกิดขึ้น..แต่ผมอยากรู้นิดหน่อยว่าทำไมผมถึงไม่เจอคนของคุณเลย..เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เซอร์เก้วิชพุชกินก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “มันน่าอายไปหน่อยที่จะพูดแบบนี้..เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนที่ผมส่งไปนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย..แต่โชคดีที่มิสเตอร์เย่ออกจากโรงแรมได้อย่างปลอดภัยไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาคงจะเลวร้ายจริงๆ ..มิสเตอร์เย่พอรู้ไหมว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมดนี้?”
เย่เชียนแสร้งทำเป็นอยากรู้อยากเห็นมากและถามว่า “จะเป็นใครนอกเสียจากมิสโปดันโนว่า”
“ใช่! ..มิสโปดันโนว่า” เซอร์เก้วิชพุชกินพูดต่อ “เธอพยายามขัดขวางไม่ให้มิสเตอร์เย่ไปพบกับหัวหน้าของเราและทำให้หัวหน้าของเราคิดว่าผมจงใจทำแบบนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการโทษที่ผมทำลงไป..เพราะถ้าหากไม่มีผมล่ะก็โปดันโนว่าก็จะมีคู่แข่งน้อยกว่าหนึ่งคนและทำในสิ่งที่เธอต้องการได้..ดังนั้นเธอจึงขอให้มิสเตอร์เย่พูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือในครั้งนี้..จากมุมมองของเพื่อนนั้นผมคิดว่ามิสเตอร์เย่สามารถตัดสินใจอย่างระมัดระวังได้”
เย่เชียนก็แสร้งพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นเธอ..หึหึผมจะไม่ปล่อยเธอไป..ยังไงก็เถอะผมอ่านข่าววันนี้และดูเหมือนว่าจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นในโรงแรมที่ผมพักอยู่..นั่นเป็นฝีมือลูกน้องของโปดันโนว่าหรือเปล่า”
เซอร์เก้วิชพุชกินก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “จริงๆ แล้วพวกนั้นเป็นลูกน้องของโปดันโนว่า..ตอนแรกผมคิดว่ามิสเตอร์เย่เป็นคนทำ แต่ผมเพิ่งจะรู้ว่ามิสเตอร์เย่ออกจากโรงแรมไปก่อนหน้านั้นแล้ว..ผมสไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าลูกน้องของเธอ..แต่ตามการคาดเดาของผมมันก็เหลือแค่คนจากตระกูลอเล็กซานเดอร์เท่านั้น..เพราะพวกเขาไม่พอใจโปดันโนว่ามานานแล้ว”
เย่เชียนก็ยิ้มและแอบคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในอีกด้านหนึ่งโปดันโนว่ากล่าวว่าเธอและคนจากตระกูลอเล็กซานเดอร์เป็นพันธมิตรกันและต้องการจัดการกับเซอร์เก้วิชพุชกินและในทางกลับกันเซอร์เก้วิชพุชกินก็เชื่อว่าคนตระกูลอเล็กซานเดอร์นั้นปรองดองกับโปดันโนว่า ซึ่งถ้าหากเป็นแบบนี้ล่ะก็ตระกูลเล็กซานเดอร์จะเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดเพราะพวกเขาซ่อนตัวอยู่ลึกเกินไปจนเย่เชียนถึงกับสงสัยว่าความขัดแย้งระหว่างเซอร์เก้วิชพุชกินและโปดันโนว่าถูกยั่วยุโดยพวกเขาจุดประสงค์นั้นก็ชัดเจน
ตอนนี้เซอร์เก้วิชพุชกินและโปดันโนว่าก็ได้รู้ความคิดของกันและกันแล้ว ส่วนเย่เชียนก็คิดกับตัวเองว่าเขาสงสัยว่าสมาชิกในตระกูลอเล็กซานเดอร์จะมาหาเขาด้วยหรือไม่ ซึ่งในตอนนี้เย่เชียนเหมือนมีภาพลวงตาราวกับว่าเขากลายเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับพวกเขา
หากทั้งหมดนี้ถูกวางแผนโดยตระกูลอเล็กซานเดอร์นั่นหมายความว่าศัตรูกลุ่มนี้แข็งแกร่งเกินไปและซ่อนตัวอยู่ลึกเกินไป
“หืม” เย่เชียนตอบอย่างแผ่วเบาและไม่พูดอะไร
“มิสเตอร์เย่..มิสเตอร์หลิน..เชิญครับ! ” เซอร์เก้วิชพุชกินแสดงท่าทางเชิญเย่เชียนและหลินเฟิงขึ้นรถอย่างสุภาพ จากนั้นไม่นานเขาก็ขับออกไปจากบริเวณบ้านของโปดันโนว่าอย่างรวดเร็วและหายไปในความมืด
ในฉากนี้นั้นโปดันโนว่าก็ยืนมองอยู่ที่ชั้นบนพร้อมรอยยิ้มจางๆ ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขาแต่เธอก็รู้ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรโดยไม่ต้องคาดเดา ซึ่งเธอคิดว่าเซอร์เก้วิชพุชกินต้องการดึงเย่เชียนไปอยู่ข้างเขาแต่ถ้าหากเธอรู้ความจริงล่ะ? โปดันโนว่าก็มั่นใจมากว่าชายที่ชื่อเย่เชียนนั้นจะไม่สามารถหลุดพ้นไปจากกำมือของเธอได้
คนที่มีความมั่นใจในตัวเองมักจะเป็นสิ่งที่ดีและคนประเภทนี้ก็จะมีความสุขมาก
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เย่เชียนไม่คาดคิดก็คือการที่เขาเอาชนะราชาสังเวียนจนสิ้นชีพไปด้วยหมัดเดียวนั้นมันทำให้เกิดพายุลูกใหญ่ในวงการการแข่งขันการต่อสู้ใต้ดินอย่างมาก ซึ่งปรากฏว่าหลงเฟยกลายเป็นที่เหล่านักสู้ใต้ดินหลายคนต่างก็เคารพและถึงแม้ว่าจะมีหลายคนในโลกการต่อสู้ใต้ดินที่เก่งกว่าราชาสังเวียนก็ตามแต่พวกเขาก็รู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถล้มราชาสังเวียนได้ด้วยหมัดเดียว ซึ่งสิ่งนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนเลย
ในขณะเดียวกันการแข่งขันการต่อสู้ใต้ดินในประเทศรัสเซียก็ได้เริ่มต้นการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ของจีนซึ่งนำไปสู่การมีส่วนร่วมของเยาวชนบางคนและพวกเขาทุกคนต่างก็ยกย่องเย่เชียนและอยากเป็นปรมาจารย์ที่สามารถเอาชนะราชาสังเวียนด้วยหมัดเดียวได้เหมือนเย่เชียน ดังนั้นพวกเขาจึงยื่นขอวีซ่าเพื่อเรียนศิลปะการต่อสู้จีนที่โรงยิมศิลปะการต่อสู้ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีน โชคดีที่แม้ว่าเย่เชียนจะเป็รเจ้าของโรงยิมเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้เข้าร่วมมากนักจังทำให้ไม่มีรูปถ่ายของเย่เชียนในโรงยิมศิลปะการต่อสู้ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้กันว่าพวกเขาได้ก้าวเข้ามาสู่ความสำเร็จแล้ว
อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีวิดีโอโปรโมตโรงยิมแห่งนี้อยู่บนอินเทอร์เน็ตและพวกเขาต่างก็ตกตะลึงในทันทีแต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่หลงเฟยสามารถโค่นล้มราชาสังเวียนได้ด้วยหมัดเดียว อย่างไรก็ตามความบ้าคลั่งนี้เกี่ยวกับการเดินทางมายังประเทศจีนก็ทำให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนดำเนินการอย่างจริงจังด้วยความวุ่นวายเมื่อคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจีนรู้ว่าเย่เชียนที่เอาชนะราชาสังเวียนและทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งมนต์ขลังเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ของจีนในแผ่นดินแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับโดยไม่มีที่สิ้นสุด
จากข้อมูลที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองส่งมาขณะนี้มีคนอย่างน้อยหลายสิบคนขอหนังสือเดินทางเพื่อเตรียมเดินทางมาประเทศจีนเพื่อศึกษาศิลปะการต่อสู้และยิ่งไปกว่านั้นมันยังคงมีมากขึ้นทุกวันๆ แต่ทว่าจากการสำรวจเศรษฐกิจของเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีนในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์นั้นรายได้ภาษีของเมืองเซี่ยงไฮ้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและเป็นตัวเลขที่ไม่สามารถจินตนาการได้เลย
เนื่องจากโรงยิมไม่มีที่พักจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ลูกค้าเหล่านั้นต้องไปสมัครโรงยิมทุกสาขาในประเทศจีนและการเข้าพักในโรงแรมหรือเช่าบ้านหรือแม้แต่การทุ่มเงินซื้อบ้านเป็นจองตัวเองเพื่อให้สามารถเรียนศิลปะการต่อสู้ในโรงยิมศิลปะการต่อสู้ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในระยะยาว ซึ่งในเวลาว่างพกวเขาก็มักจะมองหาสถานที่ท่องเที่ยวจึงทำให้เศรษฐกิจของเมืองเซี่ยงไฮ้เฟื่องฟูอย่างยิ่ง
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลังดังนั้นจะไม่พูดถึงในตอนนี้
ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญของเซอร์เก้วิชพุชกินในการไปที่บ้านของเขาพร้อมกับหลินเฟิง อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้เป็นวันที่สำคัญมากและเย่เชียนก็ไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ ขึ้นอีกและถึงแม้ว่าโปดันโนว่าจะไม่ส่งคนมาอีกก็ตามแต่ใครจะรู้ว่าคนของตระกูลอเล็กซานเดอร์จะเข้ามายุ่มย่ามด้วยหรือไม่? ดังนั้นการอาศัยอยู่ในบ้านของเซอร์เก้วิชกุชกินนั้นจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
การตกแต่งภายในบ้านของเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นมีขนาดเล็กและเรียบง่ายกว่าของโปดันโนว่าอย่างเห็นได้ชัดและไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย ดังที่เซอร์เก้วิชพุชกินพูดเอาไว้ว่าเขาเป็นเพียงสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์ภายใต้เจ้านายและไม่ว่าบ้านของเขาจะสวยงามแค่ไหนแต่มันก็ยังคงเป็นแค่เพิงหมาแหงนและแทนที่จะใช้เงินจำนวนมากโดยปราศจากสิ่งที่หาค่าไม่ได้อย่างน้อยๆ ก็ควรจะมีกินและเสื้อผ้าสวมใส่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
เซอร์เก้วิชพุชกินก็ยังรู้ถึงความสำคัญของการหารือในวันพรุ่งนี้ดังนั้นเขาจึงไม่รบกวนเย่เชียนมากนัก หลังจากกลับมาถึงบ้านเขาก็แค่ดื่มชากับเย่เชียนและหลินเฟิงและหลังจากคุยกันไม่นานพวกเขาก็แยกย้ายกันไปตามห้องที่ถูกจัดเอาไว้โดยเซอร์เก้วิชพุชกิน
ความรู้สึกของเย่เชียนในตอนนี้ดีมากและเขาก็มักจะรู้สึกว่ายิ่งคู่ต่อสู้ลึกลับมากเท่าไหร่ก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเซอร์เก้วิชพุชกินและโปดันโนว่าก็นั้นชัดเจนเกินไปและดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเล่นกับตระกูลอเล็กซานเดอร์และเย่เชียนเองก็รู้สึกเบาๆ ว่าคนจากตระกูลอเล็กซานเดอร์นั้นเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด
ส่วนอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟนั้นเย่เชียนก็ยิ่งสับสนเพราะถ้ามองไปที่ประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้และความกล้าหาญและความกล้าหาญของเขานั้นทุกๆ ครั้งที่เขาเคลื่อนไหวเขาจะไม่ใช่ตัวละครที่ธรรมดาๆ เลยและเป็นตัวละครที่สามารถปล่อยให้ทั้งสามฝ่ายสั่นคลอนได้เหมือนกับจักรพรรดิในจีนโบราณ ยกตัวอย่างเช่นราชวงศ์ถังจักรพรรดิผู้สร้างยุครุ่งเรืองที่เสียชีวิตไปด้วยยาอายุวัฒนะในวัยชราซึ่งมันไม่น่าหัวเราะใช่ไหม?
ทั้งหมดนี้จะถูกตัดสินกันหลังจากที่เย่เชียนได้พบกับอเล็กซานเดอร์โซโรวิยอฟในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังคงบังคับให้หลินเฟิงนอนห้องเดียวกับเขาในตอนกลางคืนจนหลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจ ซึ่งเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น..ผมมีหลายเรื่องที่จะถามพี่”
หลินเฟิงก็ยักไหล่เล็กน้อยและเห็นด้วย
ในตอนกลางคืนทั้งสองคนก็นอนบนเตียงเดียวกันและคุยกันเงียบๆ และหลินเฟิงก็ยังบอกเย่เชียนทุกเรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับตระกูลอเล็กซานเดอร์ทีละคนโดยละเอียดและหลังจากผ่านไปเป็นเวลาตีหนึ่งแล้วทั้งสองคนก็หลับไปอย่างช้าๆ
เช้าตรู่เมื่อแสงอาทิตย์แรกสาดส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างเย่เชียนก็ตื่นขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนหลินเฟิงนั้นไม่อยู่ที่นั่นแล้วและเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปจากนั้นก็ถอนหายใจอย่างลับๆ เพราะดูเหมือนว่าเขาจะขี้เกียจเนื่องจากเขาไม่ได้ออกงานและพักผ่อนตามปกติเหมือนอย่างหลินเฟิงและเขาก็ไม่ได้ขยันเท่าหลินเฟิงอีกด้วย
เมื่อเย่เชียนลงไปชั้นล่างหลินเฟิงก็นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วและเมื่อเขาเห็นเย่เชียนเขาก็ยิ้มและกวักมือเรียกแล้วพูดว่า “ซาลาเปาเนื้อแกะนี่อร่อยมากจริงๆ ..มาลองชิมสิ”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและเขาก็ยังสามารถกินซาลาเปาเนื้อแกะแท้ๆ ได้แต่ทว่าหากอยู่ในประเทศรัสเซียแล้วเห็นได้ชัดว่าในออกจะแปลกไปหน่อย ส่วนเซอร์เก้วิชพุชกินก็นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยจากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมสนใจอาหารจีนมาโดยตลอด..เพราะงั้นผมจึงจ้างพ่อครัวจากประเทศจีนมาเป็นพิเศษ..มิสเตอร์เย่ยังมาลองชิมดูซิว่ารสชาติเป็นยังไง”
.
.
.
.
.
.
.