ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 477 คำพูดที่หนักแน่น
ตอนที่ 477 คำพูดที่หนักแน่น
หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็ถามว่า “สุภาพบุรุษคนนี้ชื่ออะไรหรือ”
“อ๋อเขาเป็นเพื่อนของผม..ชื่อหลินเฟิง” เย่เชียนแนะนำอย่างเร่งรีบ
“สวัสดีผมได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว!” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พูดโดยเรียนรู้จากคำทักทายและประจบประแจงของคนจีน ซึ่งเย่เชียนและหลินเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะชื่อของหลินเฟิงไม่ได้ถูกเปิดเผยและไม่ค่อยมีใครรู้จักเขาเลยซึ่งคำว่า ‘ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว’ ของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นไม่รู้ว่าเขาจะสื่อถึงอะไร
หลินเฟิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มิสเตอร์อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็พูดเกินไป..ผมเองก็ได้ยินชื่อเสียงของมิสเตอร์อัสลานฮอร์ดมิลฟ์มานานแล้ว..ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าในเมืองมูร์มัคส์มิสเตอร์อัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน”
สิ่งที่หลินเฟิงพูดไม่ใช่คำชมแต่มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะมูร์มันสค์อัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นมีอำนาจและทรงอิทธิพลมาก และถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ภายใต้คูลอฟส์อังเดรก็ตามแต่อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็เป็นถึงหนึ่งในผู้นำคนสำคัญของกลุ่มมาเฟียมูร์มัคส์และไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลท้องถิ่นหรือองค์กรใต้ดินต่างๆ ก็ไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายเขา ซึ่งอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ได้ปฏิบัติตามคำบัญชาของคูลอฟส์อังเดรจนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้พลังและอำนาจของเขาลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะถ้าหากย้อนกลับไปตอนนั้นเมืองมูร์มัคส์แห่งนี้ก็แทบจะกล่าวได้ว่าเป็นอาณาจักรของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์แต่เพียงผู้เดียวเลยก็ว่าได้
ทั้งสามคนพูดคุยและหัวเราะกันตลอดทางโดยไม่รู้ตัวว่าพวกเขามาถึงหน้าประตูโกดังแห่งหนึ่งของมาเฟียคูลอฟส์ในมูร์มัคส์แล้ว ซึ่งหลังจากหยุดรถอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็เชิญเย่เชียนและหลินเฟิงลงจากรถจากนั้นก็พาพวกเขาเข้าไปที่โกดัง
เมื่อมาเฟียเหล่านี้ที่ทำหน้าที่รักษาการณ์ที่ประตูโกดังเห็นอัสลานฮอร์ดมิลฟ์พวกเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะหยุดเย่เชียนและหลินเฟิงเอาไว้โดยธรรมชาติและพวกเขาก็กล่าวคำทักทายแล้วพูดว่า “ทุกอย่างอยู่ข้างในแล้ว..มิสเตอร์เย่..มิสเตอร์หลินเชิญด้านใน” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พูดอย่างช้าๆ
พลังขององค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะในมูร์มัคส์นั้นเหมือนกับพลังของเขี้ยวหมาป่าในทวีปตะวันออกกลางแต่เนื่องจากมังกรที่แข็งแกร่งที่เรียกว่าไม่สามารถถูกบดขยี้ด้งบงูได้ ดังนั้นจิ้งจอกหิมะจึงถือได้ว่าเป็นงูบนพื้นดินจริงๆ ซึ่งในเมืองมูร์มันสค์แห่งนี้เขี้ยวหมาป่าของเย่เชียนและองค์กรเซเว่นคิลของหลินเฟิงก็ได้มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งมีน้อยกว่า 20 คนและไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการกับเหล่าทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะมากกว่า 200 คน ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องใช้ประโยชน์จากพลังของมาเฟียและใช้กำลังพลและอาวุธของพวกเขาเพื่อช่วยจัดการกับองค์กรทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะเพื่อให้มีผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น ไม่งั้นมันจะเหมือนกับการปล่อยให้คนของเขาใช้มีดสั้นไปสู้กับปืนกลของคนอื่นใช่ไหม? นั่นคือการมองหาความตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
เมื่อเข้าไปในโกดังพวกเขาก็เห็นกล่องไม้ขนาดใหญ่วางอยู่ข้างในและอัสลานฮอร์ดมิลฟ์พสั่งให้คนของเขาเปิดกล่องไม้ทีละกล่องจากนั้นก็เชิญเย่เชียนและหลินเฟิงเข้าไปใกล้ๆ สิ่งนี้ทำให้เย่เชียนและหลินเฟิงตกตะลึงจริงๆ เพราะปรากฏว่าพวกเขามีอาวุธสงครามและอุปกรณ์ต่างๆ อย่างครบครันและไม่ได้มีเพียงแค่อาวุธหนักเท่านั้นแต่ยังมีชุดเกราะและแว่นไนท์วิชั่นสำหรับมองกลางคืนอีกด้วย ซึ่งอาวุธเหล่านี้นั้นไม่ได้มีเอาไว้ทำสงครามเล็กๆ แค่ในท้องถิ่นเท่านั้นแต่มันมีไว้สำหรับทำสงครามครั้งใหญ่อย่างแท้จริง
ในความเป็นจริงเย่เชียนนั้นก็คุ้นชินมากเพราะเขาเคยอยู่ในทวีปตะวันออกกลางมานานและเขาก็มีการติดต่อกับพ่อค้าอาวุธเหล่ามากมาย ดังนั้นเขาจึงมักจะเห็นอาวุธเช่นนี้อยู่บ่อยครั้งแต่สำหรับหลินเฟิงนั้นแตกต่างกันออกไปเพราะองค์กรเซเว่นคิลนั้นอยู่ในประเทศจีนมาโดยตลอดและประเทศจีนก็มีกฎหมายและการครอบครองปืนที่เข้มงวดมากและนอกจากนี้พวกเขาก็เป็นองค์กรนักฆ่าจึงไม่ได้มีความต้องการปืนมากนักเพราะส่วนมากพวกเขามักจะใช้ปืนพกเก็บเสียงและปืนสไนเปอร์เท่านั้นและถึงแม้ว่าพวกเขาจะไปปฏิบัติภารกิจในที่อื่นแต่พวกเขาก็แค่หาซื้ออาวุธเถื่อนง่ายๆ เท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจะเคยเจอแบบนี้ที่ไหนเพราะที่นี่มีทั้งปืนกลหนักและเครื่องยิงจรวดราวกับกองทหารของรัฐบาลอย่างไงอย่างงั้น
“มิสเตอร์เย่เป็นยังไงบ้าง..คุณอยากได้อย่างอื่นอีกหรือเปล่า..ถ้างั้นก็บอกเรามาได้เลยตราบใดที่มิสเตอร์เย่พูดเราก็สามารถหามันได้..ต่อให้เป็นรถถังของกองกำลังรัสเซียก็ตาม!” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พูด
ว่ากันว่ามาเฟียรัสเซียนั้นโหดร้ายที่สุดในโลกและมันก็เป็นเรื่องจริงเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มคนบ้าคลั่งและยังมีชนชั้นสูงพัวพันอยู่กับพวกเขาด้วยพร้อมกับอาวุธระดับสูงที่สามารถทำอะไรก็ได้
“แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว!” เย่เชียนพูดและหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็พูดว่า “การกวาดล้างพวกจิ้งจอกหิมะครั้งนี้เป็นการโจมตีที่กะทันหันซึ่งเหมือนกับภารกิจล่าหัวในสนามรบ..ดังนั้นหากเราใช้อาวุธที่ทรงพลังเกินไปมันก็จะเป็นผลเสียของเราเอง”
“มิสเตอร์เย่ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนี้หรอก..ถึงแม้ว่าพวกจิ้งจอกหิมะจะเป็นทหารนอกเครื่องแบบที่เกษียณอายุแล้วทั้งหมดของกองกำลังพิเศษหมีขั้วโลกแห่งประเทศรัสเซียก็ตามแต่พวกนั้นก็ไม่สามารถรับมือกับคนจำนวนมากได้หรอก..ถึงยังไงหัวหน้าคูลอฟส์อังเดรก็ได้บัญชามาแล้วเพราะงั้นคราวนี้ไม่ว่าเราจะต้องใช้กำลังคนมากเท่าไหร่ในการช่วยมิสเตอร์เย่กวาดล้างพวกจิ้งจอกหิมะถึงยังไงมิสเตอร์เย่ก็สบายใจได้เลย..เพราะผมได้จัดเตรียมเหล่ามาเฟียจำนวนห้าร้อยคนเอาไว้แล้ว..เพราะงั้นผมก็เชื่อว่าคนขนาดนี้คงจะเพียงพอที่จะรับมือกับพวกจิ้งจอกหิมะแล้ว” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พูด
ห้าร้อยคนพร้อมกับอาวุธที่ครบครันเช่นนี้หากทำการโจมตีอย่างกะทันหันเป็นครั้งแรกจากนั้นก็โจมตีด้วยความรุนแรงแล้วมันก็ไม่ยากเลยที่จะจัดการกับเหล่าจิ้งจอกหิมะ ซึ่งการที่องค์กรจิ้งจอกหิมะไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นพวกเขาจึงไม่มีการป้องกันใดๆ ทั้งสิ้น
“ทำการใหญ่กันจริงๆ! ..เตรียมคนและอาวุธมากมายขนาดนี้แล้วพวกแกเคยถามฉันก่อนไหม!” ในขณะที่หลายๆ คนกำลังคุยกันจู่ๆ ชายวัยกลางคนก็เดินนำคนหลายคนเข้ามาทางประตูและผู้ที่ทำหน้าที่รักษาการณ์หน้าโกดังก็เดินตามเข้ามาด้วยและเมื่อเห็นเช่นนั้นอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
ใบหน้าของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์เปลี่ยนไปอย่างมากและเขาโบกมือให้คนของเขาเพื่อให้พวกเขาถอยออกไป ส่วนหลินเฟิงก็ยิ้มเบาๆ และกระซิบคำสองสามคำข้างๆ หูของเย่เชียนและเย่เชียนก็พยักหน้าเพราะเขาไม่คาดคิดว่าชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือวลาดิเมียร์ผู้นำอีกคนของตระกูลมาเฟียคูลอฟส์ในมูร์มันสค์ ซึ่งดูเหมือนว่าในเมืองมูร์มัคส์พลังของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์กำลังอ่อนลงอย่างช้าๆ แต่ทว่าวลาดิเมียร์คนนี้ไม่เพียงแต่กล้าส่งคนไปสะกดรอยตามอัสลานฮอร์ดมิลฟ์เท่านั้นแต่ยังสามารถตามมายังที่โกดังลับเช่นนี้ได้อีกด้วย
“หืม..ให้ผมบอกไหมว่าผมเป็นคนรับผิดชอบที่นี่..ส่วนคุณเป็นแค่คนคุมเขตอื่น..คุณมีสิทธิ์อะไร?” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พูดอย่างเย็นชา
สถานการณ์ของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์และวลาดิเมียร์ในเมืองมูร์มัคส์นั้นเปรียบเสมือนความขัดแย้งเฉพาะหน้าเพราะถึงแม้ว่าพลังของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์จะค่อยๆ ลดลงแต่อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นคนที่รับผิดชอบสิ่งต่างๆ ในเมืองมูร์มัคส์อย่างแท้จริง ซึ่งวลาดิเมียร์นั้นเข้ามาในภายหลังดังนั้นถ้าหากว่ากันตามความเป็นจริงอำนาจและอิทธิพลของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์นั้นยิ่งใหญ่กว่าของวลาดิเมียร์มาก อย่างไรก็ตามเนื่องจากความผิดพลาดด้านความเด็ดขาดของคูลอฟส์อังเดรในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจึงทำให้วลาดิเมียร์หยิ่งผยองมากขึ้น
ตอนนี้อัสลานฮอร์ดมิลฟ์แล้วว่าคูลอฟส์อังเดรได้ตัดสินใจที่จะเคลื่อนไหวดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าหรือยอมวลาดิเมียร์อีกต่อไปจึงทำให้น้ำเสียงการพูดของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม
นี่คือสิ่งที่วลาดิเมียร์คาดเดาเอาไว้แต่เขาก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะอยู่ดีและในทันใดนั้นวลาดิเมียร์ก็มองไปที่เย่เชียนและหลินเฟิงและมองดูพวกเขาขึ้นและลงจากหัวจรดเท้าและคิดในใจว่าทั้งสองนั้นเป็นใครแต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย
“มิสเตอร์อัสลานฮอร์ดมิลฟ์อย่าลืมสิว่านี่คือกฎของมาเฟียของเรา..คุณระดมพลและอาวุธมากมายโดยไม่บอกผมเลยนี่เป็นการดูถูกผมไม่ใช่หรือ? ..ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมคุณถึงได้ทำการใหญ่แบบนี้? ..คุณต้องการก่อกบฏเหรอ?” วลาดิเมียร์พูด
“คุณก็ด้วย..ผมล่ะฉันอยากรู้จริงๆ ว่าการส่งคนมาสะกดรอยตามผมเนี่ยมันหมายความว่ายังไง? ..ผมยังไม่ได้จัดการปัญหานี้กับคุณเลย..แต่คุณกลับมากล่าวหาผมก่อนแบบนี้มันเหมือนเรื่องตลก!” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พูดด้วยความโกรธเกรี้ยว
บทสนทนาระหว่างทั้งสองนั้นเป็นภาษารัสเซียซึ่งเย่เชียนก็ไม่เข้าใจคำศัพท์และภาษาและเขาก็ขี้เกียจฟังเขาเพียงหันหนีไปและลูบปืนในกล่องไม้และค่อยๆ หยิบปืนพก Desert Eagle .50 ออกมาหนึ่งกระบอกและจากนั้นเขาก็เริ่มถอดชิ้นส่วนปืนออกอย่างรวดเร็วและประกอบมันเข้ากลับไปเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วจากนั้นใส่กระสุนเข้าไปในนั้นอย่างช้าๆ
“โอ้..ถ้าคุณไม่พูดผมคงลืมไปแล้วว่าวันนี้คนของผมไม่ได้กลับมาหลังจากที่พวกเขาไปที่สนามบิน..ผมอยากรู้ว่าคุณทำอะไรกับคนของผม?” วลาดิเมียร์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาต้องการความยุติธรรมจากอัสลานฮอร์ดมิลฟ์
“คุณ! ..อย่ามาเสแสร้ง!” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ตะคอกอย่างโกรธ ๆ
ในขณะนี้เย่เชียนก็หยิบปืนพกขึ้นมาและจ่อไปทางวลาดิเมียร์และทำท่าทาง ‘ยิง’ ซึ่งลูกน้องของวลาดิเมียร์ก็ตกใจก็รีบหยิบปืนพกออกมาและจ่อไปที่เย่เชียนอย่างร้อนรน ส่วนอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมากและไม่กล้าลังเลเขาจึงโบกมือให้ลูกน้องของเขาชักปืนพกออกมาและเล็งไปที่ลูกน้องของวลาดิเมียร์ทั้งหมด
เย่เชียนนั้นเป็นเพื่อนของคูลอฟส์อังเดรดังนั้นอัสลานฮอร์ดมิลฟ์จึงไม่กล้าปล่อยให้เย่เชียนเป็นอันตรายอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงจะเลวร้ายอย่าง หลังจากนั้นไม่นานบรรยากาศโดยรอบทั้งหมดก็เริ่มตึงเครียดขึ้นอย่างมาก
หลังจากนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและชักปืนกลับมาช้าๆ และพูดว่า “พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่..ผมแค่ลองศูนย์เล็งของปืน..ทำไมพวกคุณต้องตื่นตระหนกกันด้วยล่ะ?”
“เหอะๆ …” หลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาจากด้านข้างและหันหน้ากลับไปอย่างรีบร้อน แต่ไหล่ของเขายังคงสั่นอยู่และเห็นได้ชัดว่ามีรอยยิ้มที่ขี้เล่นของเขาซ่อนอยู่
.
.
.
.
.
.
.