ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 518 กำลังในการซื้อ
ตอนที่ 518 กำลังในการซื้อ
“ผมจะบอกคุณว่าไม่มีใครในเมืองนี้ที่ไม่ไว้หน้าหลูป้อคนนี้..เพราะงั้นถ้าคุณต้องการให้โครงการโรงแรมเสร็จสมบูรณ์ในวันที่กำหนดเอาไว้คุณก็ต้องใช้วัสดุจากบริษัทของฉันเข้าใจไหม?” หลูป้าตบหน้าผู้จัดการด้วยท่าทางหยิ่งผยองและพูดว่า “ไม่งั้นผมจะทำให้โรงแรมของคุณปิดทำการทันที ”
ที่จริงแล้วเย่เชียนเคยเห็นการบังคับซื้อและขายแบบนี้มาก่อนแล้วและบางคนก็ดูโลภอย่างมากและบางคนก็หยิ่งผยองและเกรี้ยวกราดเพราะมีความสัมพันธ์กับองค์กรใต้ดินและบังคับให้ผู้ลงทุนมาทำธุรกิจกับตัวเอง ในความเป็นจริงมันก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากในด้านคุณภาพของวัสดุแต่ราคานั้นอาจจะสูงกว่าเล็กน้อยแต่หลายคนต้องกลั้นใจเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
ถ้าหากเย่เชียนไม่เห็นเรื่องนี้เขาก็จะไม่สนใจมันแต่เมื่อเขาเห็นแล้วเขาจะต้องเข้าไปโดยธรรมชาติเพราะโรงแรมแห่งนี้ก็เป็นของเขาเช่นกัน ผู้จัดการที่เย่อหยิ่งก็ไม่ยอมเสียหน้าหลัวป้อซึ่งเรื่องเงินนั้นเป็นเรื่องเล็กแต่เรื่องเสียหน้านั้นเป็นเรื่องใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้นหลัวป้อก็ค่อนข้างที่จะโลภมากเพราะถ้าหากเขาสามารถขายวัสดุก่อสร้างให้กับโรงแรมแห่งนี้ได้เขาก็คงจะสบายไปนานแล้ว แต่ตอนนี้วัสดุตกแต่งของโรงแรมถูกยกเลิกการสั่งซื้อและโดยทั่วไปแล้วเขาก็ไม่ควรยอมใช่ไหม? แล้ววัสดุที่ถูกทิ้งเหล่านี้ล่ะ?
“ประธานหลัว..เราได้ทำสัญญากันไว้แล้วและจะไม่แทรกแซงเพราะถ้าประธานหลัวต้องการทำจริงๆ ก็ไปคุยกับบริษัทต่อเติมและตกแต่งได้เลย..สำหรับผมน่ะไม่มีปัญหาอะไรเลย” ผู้จัดการพูด เขาใช้คำเหล่านี้เพื่อปัดปัญหาได้อย่างชำนาญเพราะยังไงก็ตามการตกแต่งและต่อเติมของโรงแรมก็หมดสัญญาไปแล้วและต่อรองราคากับเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นวัสดุก่อสร้างที่ซื้อมานั้นมันก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเขาเลย
“คุยกันรู้เรื่องแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้ว! ” หลัวป้อพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูด
“คุณหลัว..ผมไม่รู้ว่าการกระทำของคุณถือเป็นการบังคับซื้อและขายหรือเปล่า” เย่เชียนยิ้มอย่างขี้เล่นและเดินไปตรงหน้าหลัวป้อ
ผู้จัดการก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งเพราะเขาเคยเห็นเหอปิงทักทายเย่เชียนเมื่อเขาพาเย่เชียนเข้ามาเมื่อคืนนี้และบอกว่าเย่เชียนเป็นแขกคนสำคัญมากดังนั้นเขาต้องระมัดระวังในการบริการ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเย่เชียนนั้นมีหุ้นในโรงแรมนี้ด้วยและถือว่าเย่เชียนนั้นเป็นหัวหน้าพวกเขาเช่นกัน ซึ่งเมื่อเห็นเย่เชียนออกมาพูดผู้จัดการก็อดไม่ได้ที่จะต้องตกตะลึงไปส่วนหลัวป้อที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เขาต้องขุ่นเคืองเพราะเขาเป็นภัยพิบัติที่ทุกคนต้องการหลีกเลี่ยงสาม อย่างไรก็ตามเนื่องจากพี่เขยของเขาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะของเจิ้งโจวจึงไม่มีใครกล้ายั่วยุเขาซึ่งทำให้เขายิ่งหยิ่งผยอง
เดิมหลัวป้อนั้นเป็นเพียงนักเลงข้างถนนและต่อมาภายใต้การดูแลของพี่เขยเขาก็ได้เปิดบริษัทวัสดุก่อสร้าง ซึ่งอันที่จริงมันเป็นเพียงบริษัทจัดซื้อวัสดุก่อสร้างในราคาต่ำแล้วขายเกร็งกำไรในราคาสูงซื้อและขายอย่างมากและทำกำไรได้มาก
เย่เชียนก็แสร้งทำเป็นไม่พอใจหลัวป้อจนผู้จัดการตกใจและพูดอย่างรีบร้อนว่า “คุณเย่…” แต่เมื่อเขากำลังจะพูดหลัวป้อก็มองไปที่เย่เชียนและกลืนคำพูดลงไป
“ใช่..ฉันบังคับให้เขาซื้อแล้วคุณจะทำไม? ” หลัวป้อพูดอย่างหยิ่งผยอง จากนั้นเขาก็มองไปที่เย่เชียนจากหัวจรดเท้าและยิ้มอย่างดูถูก “คนนอกเหรอ? ..ถ้ามาท่องเที่ยวก็ไปเที่ยวให้สนุกอย่ามายุ่งวุ่นวาย..ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน..มันไม่คุ้มกันหรอก”
หลัวป้อกำลังข่มขู่อย่างเห็นได้ชัดแต่ทว่าเย่เชียนก็ชอบคนประเภทนี้และชอบเล่นกับคนประเภทนี้มากที่สุดซึ่งมันดูน่าสนใจและสนุกเป็นพิเศษ “คุณ…คุณกำลังข่มขู่ผมเหรอ..หืม? ..ในโลกใบนี้มันไม่มีราชาที่ไหนหรอก?” เย่เชียนแสร้งทำเป็นประหม่าและต้องการรักษาความยุติธรรม ซึ่งเขาเกือบจะเหมือนกับนักวิชาการที่ตัวสั่นและชี้ไปที่ผู้พิพากษาเขตและพูดในสิ่งที่ชอบธรรมอย่างมาก
ชิงเฟิงก็มองจากด้านข้างและกลอกตาไปมาและคิดว่าพวกนี้คิดอะไรกันอยู่ที่คิดแค่ว่าการหักหน้าผู้คนแล้วทุกอย่างจะคลี่คลายได้
“หวังเฟ่อ..แกรู้จักหวังเฟ่อไหม” หลัวป้อยิ้มอย่างหยิ่งผยองและหันไปพูดกับลูกน้องของเขา “บอกเขาไปซิว่าในมณฑลเหอหนานหวังเฟ่อคือใคร”
คนเบื้องบนเป็นยังไงคนเบื้องล่างก็เป็นเช่นนั้นซึ่งลูกน้องของหลัวป้อนั้นส่วนใหญ่ก็มีนิสัยเหมือนเขา ซึ่งคนประเภทเดียวกันก็มักจะอยู่กลุ่มเดียวกันเสมอ เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวป้อแล้วลูกน้องของเขาต่างก็ยิ้มและพูดว่า “ประธานหลัวคือหวังเฟ่อ! ”
“แกเคยได้ยินชื่อหวังเฟ่อแห่งมณฑลเหอหนานแห่งนี้ไหม..ไอ้หนุ่มอย่าหาว่าฉันเตือนนะ..แกจะยั่วยุใครก็ได้ที่นี่แต่อย่ามาทำให้ฉันขุ่นเคืองไม่งั้นแกจะต้องตายอย่างอนาถรู้ไหม? ” หลัวป้อพูดอย่างเย่อหยิ่ง “แกรู้ไหมว่าพี่เขยของฉันคือใคร..เขาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะประจำมณฑลเหอหนาน..ไม่ว่าจะขาวหรือดำฉันก็สามารถบีบแกให้ตายได้ด้วยนิ้วเดียว! ”
ใบหน้าของชิงเฟิงก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาและเย่เชียนก็รีบหยุดเขาเมื่อชิงเฟิงกำลังจะขยับ “ทำไม? ..แกจะทำอะไร? ..ฉันมีลูกน้องมากมาย..ฉันจะฆ่าแกตอนไหนก็ได้” หลัวป้อจ้องไปที่ชิงเฟิงและพูด
“ประธานหลัว..คือพวกเขาเป็นแขกของผม..ผมขอโทษแทนพวกเขาด้วย..กรุณารับสิ่งนี้ไปด้วย” ผู้จัดการพูดขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าและหยิบซองกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา
หลัวป้อก็โบกมือให้ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ เขาเพื่อให้ลูกของรับซองเงินเอาไว้แล้วพูดว่า “มาๆ ..พี่น้องมาดื่มกันเถอะ”
“ขอบคุณครับประธานลู่!” ลูกน้องตะโกนเสียงดัง
“แกเคยเห็นไหม..นี่เรียกว่าโลกความเป็นจริงนะเด็กน้อย..แกควรจะตั้งใจเรียน” หลัวป้อมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “แต่ฉันไม่ชอบบุคลิกของแกนัก..เพราะงั้นก็รีบออกไปจากมณฑลเหอหนานเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ซะ..ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างขี้เล่นและไม่ได้พูดอะไรใดๆ เพราะเขารู้สึกว่าหลัวป้อนั้นน่าสนใจมาก “พวกเราไปกันเถอะ! ” หลัวป้อก็โบกมือและพาลูกน้องของเขาเดินออกไปอย่างสบายๆ
เมื่อเห็นหลัวป้อและคนอื่นๆ ออกไปผู้จัดการก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเขาก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “คุณเย่..คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่จะไปทำให้พวกเขาขุ่นเคืองได้เลย..โชคดีที่เขาไม่เอาเรื่อง..ไม่งั้นผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องมันจะจบลงยังไง”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยิ่งคุณยอมเขามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งหยิ่งผยองมากขึ้นเท่านั้น..ถ้าเราสั่งสอนเขาบ้างเขาจะได้ไม่ผยิ่งผยองอีกในอนาคต..ไม่ต้องกังวลไปคุณเป็นคนของผมเพราะงั้นผมจะช่วยคุณ”
หลัวป้อก็ถึงกับตะลึงไปชั่วขณะและเขาก็ไม่เข้าใจว่าเย่เชียนหมายถึงอะไรด้วยคำว่า “คุณเป็นคนของผม” ซึ่งเขาก็มองไปที่เย่เชียนอย่างว่างเปล่า จากนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมเองก็มีหุ้นในโรงแรมนี้เหมือนกัน..เพราะงั้นคุณก็เป็นคนของผมและผมก็จะไม่ปล่อยให้คนของผมต้องถูกกระทำแบบนี้..ผมจะให้เขาคุกเข่าขอโทษคุณ”
“บอสทำไมเราต้องมากความด้วย..เราก็แค่จัดการเขาซะตอนนี้” ชิงเฟิงพูด
“แบบนั้นมันน่าเบื่อไม่ใช่เหรอ..เราค่อยๆ เล่นกันดีกว่า” ปากของเย่เชียนฉีกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและพูด
ชิงเฟิงพยักหน้าเข้าใจแล้วหัวเราะ
“คุณออกไปก่อนเถอะ” เย่เชียนตบไหล่ผู้จัดการและพูดด้วยรอยยิ้มแล้วเดินออกไป
บางทีเย่เชียนก็อยากรู้ว่าบริกรที่เขาเห็นเมื่อวานนี้คือใครดังนั้นหลังจากใช้เวลาทั้งเช้ากับชิงเฟิงเขาก็ไปที่ร้านอาหารอีกครั้งในตอนเที่ยง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเธอเห็นเย่เชียนแล้วพนักงานสาวเสิร์ฟก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดและดูเหมือนเธอลังเลที่จะพูด
“บอส..ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะรู้จักบอสจริงๆ นะ..บอสอยากไปถามเธอตรงๆ ไหม” ชิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจกับการแสดงออกของพนักงานสาวเสิร์ฟอย่างมาก
เย่เชียนก็เงียบไปครู่หนึ่งและพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “เมื่อมองจากรูปลักษณ์ของเธอแล้วเธอก็ไม่น่าจะใช่คนของฮัวซงเจี๋ยเลย..ถ้างั้นก็น่าจะถามเธอได้” หลังจากลังเลอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อคืนที่ผ่านมาซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้ทำอะไรสักที แต่หลังจากสังเกตผ่านการแสดงออกและสายตาของเธอเมื่อเธอเห็นตัวเองแล้วเขาก็สงสัยอย่างมากว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่ หรือจะเป็นอย่างที่ชิงเฟิงพูดจริงๆ ที่ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นญาติของตน?
ชิงเฟิงก็พยักหน้าและกวักมือเรียกบริกรที่ชื่อเย่เหวิน ซึ่งแน่นอนว่าหญิงสาวเดินเข้ามาอย่างประหม่าและตื่นเต้นเล็กน้อย และหลังจากเห็นเย่เชียนแล้วเย่เหวินก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดว่า “คุณสองคนต้องการสั่งอะไรไหมคะ? ”
“ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงมองผมอยู่ตลอดเวลา..ถ้าคุณบอกว่าผมหน้าคล้ายเพื่อนเก่าของคุณแบบนั้นผมก็บอกไปแล้วหนิว่าผมไม่รู้จักคุณ..คุณมีอะไรจะพูดไหม? ” เย่เชียนพูด
เย่เหวินก็ถึงกับตะลึงเล็กน้อยและหายใจเข้าลึกๆ เพื่อพยายามระงับความตึงเครียดและพูดว่า “ฉันอยากถามคุณว่า…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบจู่ๆ ก็มีเสียง ‘เพล้ง’ อย่างกะทันหันซึ่งคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ โยนจานทั้งหมดลงบนพื้นและตะโกนเสียงดังว่า “แม่งเอ๊ย..ของพวกนี้ทำมาให้มนุษย์กินรึไงวะ?”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นก็หันหน้าไปมองจากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านั้นมาเพื่อสร้างปัญหาให้กับฮัวซงเจี๋ย อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นได้ขัดจังหวะการสนทนาระหว่างเขากับเย่เหวินซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“ขอโทษค่ะ..ฉันขอตัวก่อนนะคะ!” เย่เหวินกล่าวขอโทษเย่เชียนและรีบเดินไปที่โต๊ะข้างๆ ทันที หลังจากที่เธอเดินไปที่กลุ่มคนแล้วเย่เหวินก็พูดอย่างเคารพว่า “ขอโทษค่ะ..เกิดอะไรขึ้นหรือคะ..มีอะไรผิดปกติกับอาหารของพวกเราหรือเปล่า?”
.
.
.
.
.
.
.