ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 527 ความลับของเหล่ยเจียง
ตอนที่ 527 ความลับของเหล่ยเจียง
เย่เชียนนั้นก็เข้าใจถึงเหตุผลที่แม่ของเขากระตือรือร้นที่จะแก้แค้นเพราะท้ายที่สุดแล้วตระกูลเย่นั้นกลับทอดทิ้งเธอหลังจากที่เธอสูญเสียสามีและพลัดพรากจากลูกชายเป็นเวลา 19 ปีเช่นนี้ ในตอนนี้อันซือเองก็ป่วยนอนติดเตียงซึ่งครั้งหนึ่งอันซือเคยเป็นถึงนักนู้ที่มีศิลปะการต่อสู้โบราณที่ทรงพลังมากแต่ตอนนี้เธอทำได้แค่นอนบนเตียงและไม่สามารถทำอะไรได้เลยดังนั้นความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้
ที่สำคัญกว่านั้นความหวังของอันซืออยู่ที่ใคร? คนนั้นก็คือเย่เชียน! เพราะเย่เชียนมีข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติและที่สำคัญเขาเป็นถึงลูกชายของเย่เจิ้งหรานดังนั้นเขาจึงไม่สามารถถูกคนอื่นดูถูกได้และเขาควรไปเยือนตระกูลเย่เพื่อทวงคืนสิ่งที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา อย่างไรก็ตามอันซือก็จะไม่ละเลยชีวิตของลูกชายเพื่อแก้แค้นเช่นนั้นเพราะถ้าหากมีเพียงทางเลือกเดียวระหว่างครอบครัวและการแก้แค้นล่ะก็เธอก็อยากจะปล่อยวางความเกลียดชังของเธอออกไปและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างเงียบๆ กับลูกๆ ของเธอ
อย่างไรก็ตามถ้าหากอันซือไม่ให้เย่เชียนฝึกฝนล่ะก็เย่เชียนคงจะไม่สามารถควบคุมพลังลมปราณได้ ดังนั้นการที่เธอต้องการให้เย่เชียนฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นมันไม่ใช่แค่เพื่อแก้แค้นแต่เพื่อตัวของเย่เชียนอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีนัยสำคัญในสายตาของเธอเพราะมันอาจทำให้เย่เชียนมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่และสามารถปกป้องครอบครัวและผองเพื่อนของเขาได้ในอนาคตนั่นเอง
เย่เชียนนั้นรู้ดีว่าเส้นทางสายนี้ยากลำบากและอาจจะไม่มีใครช่วยเขาได้แต่ถ้าหากเขาไม่พยายามล่ะก็เขาจะถูกขนานนามว่าราชาหมาป่าได้อย่างไร? ดังนั้นไม่ว่าการฝึกฝนมันจะยากแค่ไหนถึงยังไงเย่เชียนก็จะไม่ยอมแพ้เพราะเย่เชียนนั้นรู้ดีว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เขาสามารถเลือกได้ในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องกังวลทุกวันว่าลมปราณของเขานั้นจะคลุ้มคลั่งขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่ ดังนั้นแทนที่จะรอความตายคงเป็นการดีกว่าที่จะริเริ่มต่อสู้กับมันและนี่คือนิสัยที่แท้จริงของเย่เชียนนั่นเอง
สำหรับเย่เหวินสิ่งที่เธอฝึกฝนนั้นได้รับการสอนโดยอันซือเองเพราะมันเป็นศิลปะการต่อสู้โบราณที่อันซือเคยฝึกฝนและถึงแม้ว่าความคืบหน้าจะช้ากว่าเย่เชียนมากก็ตามแต่เนื่องจากคำแนะนำของอันซือจึงทำให้ปัจจัยด้านความปลอดภัยนั้นสูงกว่าของเย่เชียนมาก
ไม่มีใครคาดคิดว่าลมปราณนั้นจะอยู่กับเย่เชียนเนื่องจากเย่เจิ้งหรานนั้นมีความชอบธรรมที่บริสุทธิ์และจิตใจของเขาก็เที่ยงธรรมดังนั้นพลังแห่งความชั่วร้ายจึงไม่เหมาะกับเย่เจิ้งหราน แต่สำหรับเย่เชียนไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อโลกใบนี้ก็จามแต่เย่เชียนก็เคยสัมผัสกับวิญญาณที่ชั่วร้ายและพรากวิญญาณมาหลายชีวิตซึ่งมันก่อให้เกิดสิ่งที่ชั่วร้ายออกมา ดังนั้นแน่นอนว่าอันตรายจากการฝึกนั้นย่อมมากกว่าการฝึกขั้นต้นของเย่เจิ้งหรานมาก
อาจเป็นเพราะลมปราณแห่งความชั่วร้ายนั้นอยู่ในร่างของเย่เชียนมานานเกินไปดังนั้นมันจึงก่อตัวและปะทุขึ้นกับเย่เชียนอย่างกะทันหันและอาจเป็นเพราะเหตุนี้เองที่เย่เชียนมักจะปล่อยจิตสังหารและเจตนาฆ่าที่แฝงไปด้วยวิญญาณที่ชั่วร้ายเวลาที่เขาพูดและกระทำสิ่งต่างๆ
ในวันต่อมาเย่เชียนได้ศึกษาและฝึกฝนตามตำราคัมภีร์ลับทุกวัน ซึ่งสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือการที่หูวเค่อได้เริ่มสอนวิธีการบ่มเพาะให้กับเขาแล้วและเมื่อนึกถึงสิ่งนี้เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มเพราะดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะชอบเขาจริงๆ และไม่ได้มองตัวเขาว่าเป็นตัวหมากรุกที่ถูกควบคุมโดยเบื้องบนของจีน
เนื่องจากที่นี่เป็นพื้นที่แบ่งเขตของเมืองและชนบทจึงทำให้มันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยภูเขาและแม่น้ำจึงสะดวกกว่ามากสำหรับเย่เชียนในการฝึกฝนและบ่มเพาะ ไม่เช่นนั้นถ้าหากเย่เชียนฝึกซ้อมริมถนนหรือที่สาธารณะล่ะก็ผู้คนคงจะเข้าใจผิดว่าเย่เชียนนั้นกำลังซ้อมละครอยู่เป็นแน่
ในช่วงนี้แจ็คก็ยังโทรมารายงานและส่งต่อข้อมูลของชาวต่างชาติที่เย่เชียนถ่ายภาพในวันนั้น ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้คาดหวังว่าชาวต่างชาติคนนั้นจะเป็นสมาชิกขององค์กรมาเฟียอเมริกา ดังนั้นเย่เชียนจึงสับสนเพราะเหล่ยเจียงนั้นมีเครือข่ายในแถบทวีปเอเชียดังนั้นเขาจึงไม่ควรติดต่อกับเหล่ามาเฟียอเมริกาหรือเขาควรจะปล่อยให้สมาชิกองค์กรสัมพันธมิตรรับผิดชอบสิ่งเหล่านี้เอง อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงความขัดแย้งระหว่างเหล่ยเจียงและฮัวซงเจี๋ยแล้วเย่เชียนก็คิดว่าหรือเหล่ยเจียงจะติดต่อเหล่ามาเฟียอเมริกาเพื่อตอบโต้เช่นนั้น
เห็นได้ชัดว่าฮัวซงเจี๋ยนั้นไม่เต็มใจที่จะแบ่งปันผลกำไรอันมหาศาลกับเหล่ยเจียง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เหล่ยเจียงจะทำการติดต่อพวกมาเฟียอเมริกาเพื่อช่วยเหลือเขา ซึ่งทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามาเฟียอเมริกานั้นมีส่วนร่วมในด้านนี้มาโดยตลอดและในหลายๆ กรณีพวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะควบคุมผลลัพธ์ของโลกพนันเลย ดังนั้นถ้าหากเหล่ยเจียงได้ติดต่อกับเหล่ามาเฟียอเมริกาจริงๆ ล่ะก็สิ่งต่างๆ จะน่าสนใจอย่างมาก
ทางด้านของชิงเฟิงเองเขากฌได้ไปตรวจสอบเหล่ยเจียงทุกๆ วันในช่วงนี้และบันทึกข้อมูลและสืบค้นเกี่ยวกับทุกคนที่ติดต่อกับเหล่ยเจียง ซึ่งสิ่งที่เขาทำอยู่ทุกวันนี้ชิงเฟิงก็มีความสุขมากเนื่องจากเหล่ยเจียงได้ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำหรือไปที่ไนท์คลับและบาร์คาราโอเกะรวมไปถึงอาบอบนวดและอีกหลายๆ สถานที่ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์และกำไรสำหรับชิงเฟิงอย่างมากและตอนนี้ชิงเฟิงก็ทำงานได้อย่างสมบูรณ์และสนุกสนานไปกับมันอย่างมาก
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าชิงเฟิงจะหลงระเริงไปกับแสงสีแต่เขาก็ยังคงรู้ตัวเสมอว่าควรจะทำอะไรเป็นอย่างดี
ในระหว่างนั้นเย่เชียนก็พาอันซือไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วย ซึ่งหมอบอกว่าถึงแม้อาการป่วยจะไม่ดีเท่าไหร่แต่เนื่องจากอันซือนั้นมีร่างกายที่แข็งแรงดังนั้นก็ไม่น่าจะยากที่จะฟื้นฟูร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้อันซือและเย่เหวินมีความสุขมากและเชื่อว่าถึงแม้ว่าอันซือจะไม่สามารถฟื้นฟูลมปราณและศิลปะการต่อสู้ก่อนหน้านี้ได้อีกต่อไปก็ตามแต่เธอก็สามารถเดินหน้าต่อและทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายดายขึ้น อย่างไรก็ตามการดำเนินการนี้มีความซับซ้อนมากและต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งเพื่อให้เสร็จสมบูรณ์และเพื่อป้องกันเหตุร้ายต่างๆ เย่เชียนก็ยังสั่งให้บุคลากรในบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในต่างประเทศติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์หลายคนในแขนงการฟื้นฟูสภาพร่างกายและให้มาที่มณฑลเหอหนานเพื่อช่วยทำการผ่าตัดเชื่อมต่อเส้นลมปราณของอันซือ
เพื่อให้อันซือมีสุขภาพและร่างกายและชีวิตที่ดีนั้นหลังจากออกจากโรงพยาบาลเย่เชียนก็ยังขอร้องหลี่จื้อเทียนให้ไปหาซื้อบ้านบนภูเขาที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีมากและทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุด ซึ่งเมื่อเย่เชียนพาเย่เหวินเข้าไปในบ้านหลังนั้นแล้วเย่เหวินก็ถึงกับพูดไม่ออกและเธอก็ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเธอจะสามารถเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านที่ใหญ่โตและหรูหราเช่นนี้ได้
แผนการดำเนินการระยะยาวของหลี่จื้อเทียนเองก็ถูกทำขึ้นใหม่แล้วเช่นกัน ซึ่งเย่เชียนก็อ่านมันอย่างละเอียดและเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยเพราะในความเป็นจริงถึงแม้ว่าเย่เชียนไม่เข้าใจตัวเลขในแผนแต่เมื่อเขาเห็นทิศทางการพัฒนาและวิสัยทัศน์ในอนาคตของมณฑลเหอหนานที่กล่าวถึงในแผนแล้วเย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิงและเย่เชียนก็เชื่ออย่างยิ่งว่าแผนการพัฒนาอาณาจักรเศรษฐกิจขนาดใหญ่ครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบและแน่นอนว่ามันจะไม่มีการรบกวนและการแทรกแซงจากรัฐบาลอีก ดังนั้นตอนนี้หลีจื้อเทียนจะรับผิดชอบสิ่งต่างๆ ที่เป็นทางการ ส่วนกระบวนการอื่นๆ นอกเหนือจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของเย่เชียน
อันซือนั้นถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา ส่วนการบ่มเพาะและการฝึกฝนของเย่เชียนก็ยังคงอยู่ในจุดที่ปลอดภัยจนถึงขณะนี้เพราะพลังปราณที่ชั่วร้ายในร่างกายของเขายังไม่เดือดพล่านและปะทุออกมาและดูเหมือนว่ามันเริ่มจะยอมรับเย่เชียนและปล่อยให้เขาควบคุมมันอย่างเชื่อฟัง ส่วนเย่เหวินก็ไปโรงพยาบาลกับอันซือทุกวันและดูแลแม่ของเธอ เพราะท้ายที่สุดเย่เชียนเองก็ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมากมายเพราะงั้นเขาจึงไม่สามารถมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณและบ่มเพาะได้อย่างเต็มที่รวมไปถึงการดูแลแม่ของเขาด้วยดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเย่เหวินในการดูแลอันซือ
*********************************************
จากการติดตามสืบค้นเหล่ยเจียงของชิงเฟิงวันต่อมาหลังจากที่เหล่ยเจียงถูกชิงเฟิงลอบทำร้ายนั้นเหล่ยเจียงก็ได้ไปหาฮัวซงเจี๋ยเพื่อเจรจา ซึ่งผลของการเจรจานั้นฮัวซงเจี๋ยก็ปฏิเสธอย่างแยบยลและทั้งสองก็แยกกันอย่างไม่มีความสุข อย่างไรก็ตามอันที่จริงเหล่ยเจียงเองก็เดาได้ว่าคนที่ทำร้ายเขาในคืนนั้นไม่ใช่คนของฮัวซวเจี๋ยและหลังจากการพิจารณาสิ่งต่างๆ แล้วเขาก็มั่นใจมากขึ้นเพียงแค่เหล่ยเจียงนั้นนึกไม่ออกว่าจะมีใครที่พยายามทำให้เขากับฮัวซงเจี๋ยขัดแย้งกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดในสิ่งที่เขาคิดเพราะถึงยังไงเขาก็มีปัญหากับฮัวซงเจี๋ยอยู่ แน่นอนว่าจุดประสงค์คือเพื่อล่อคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาและบางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาก็ได้
น่าเสียดายที่ชิงเฟิงนั้นแอบฟังเนื้อหาของการเจรจาครั้งนี้อยู่แต่เขาก็ไม่สามารถรู้ถึงความคิดของเหล่ยเจียงได้ ดังนั้นจึงไม่ชัดเจนว่าเหล่ยเจียงนั้นคิดอะไรอยู่และสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นคืออะไรกันแน่
หลังจากฟังรายงานของชิงเฟิงแล้วเย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อย เนื่องจากเย่เชียนไม่ได้อยู่ที่นั่นในเวลานั้นจึงเป็นไปได้มากที่เขาอาจจะสามารถเห็นบางอย่างได้จากแววตาและการแสดงออกของเหล่ยเจียงแต่ตอนนี้เขาได้แต่ฟังมันจากปากของชิงเฟิง “ทั้งสองกำลังทำการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่หรือเปล่า?” เย่เชียนถาม
“ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ..แต่ช่วงนี้ดูเหมือนว่าทั้งเหล่ยเจียงและฮัวซงเจี๋ยจะยุ่งมากขนาดตอนที่พวกเขากำลังคุยกันสายโทรศัพท์ยังเข้าตลอดเวลา..เรื่องการสนทนาระหว่างพวกเขาส่วนมากจะเป็นการพนันบอล..บอสรู้ไหมว่าพวกเขากำลังทำอะไร?” ชิงเฟิงพูดและถาม
เย่เชียนขมวดคิ้วและครุ่นคิดแล้วพูดว่า “อ๋อ! ..ดูเหมือนว่าฟุตบอลโลกปีนี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วใช่มั้ยล่ะ? ”
“ใช่ๆ! ..ดูเหมือนว่าทีมชาติจีนจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วย” ชิงเฟิงพูด
“มาเถอะอย่ามาพูดถึงพวกทีมชาติจีนเลย..วันๆ เอาแต่สปอนเซอร์กับโฆษณาตลอดทั้งวัน..ส่วนพวกนักเตะก็เอาแต่เมาเหล้าและหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอื้อฉาว..พวกนั้นไม่มีทางชนะหรอก” เย่เชียนพูด “ฟุตบอลโลกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในฐานะเจ้าพ่อคาสิโนรายใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างฮัวซงเจี๋ยก็น่าจะยุ่งมาก..ส่วนเหล่ยเจียงก็น่าจะมีส่วนร่วมในธุรกิจการพนันครั้งนี้ด้วยดังนั้นเขาและชาวต่างชาติจึงมาหารือกัน..ฉันได้ขอให้แจ็คตรวจสอบแล้วและพบว่าชาวต่างชาติคนนั้นเป็นหัวหน้ามาเฟียอเมริกา..เพราะงั้นฉันจึงเดาเอาว่าการต่อสู้ระหว่างเขาสองคนกำลังจะเริ่มขึ้น”
“การพนันบอลเนี่ยน่าสนใจมาก..บอส! ..แล้วเราจะไปร่วมสนุกด้วยหรือเปล่า?” ชิงเฟิงถาม
“ไม่ต้องกังวลไป..เราต้องลงสนามด้วยแน่นอน..ฉันต้องการทำให้ฮัวซงเจี๋ยล้มละลาย! ” ปากของเย่เชียนฉีกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ไปกันเถอะกลับไปที่โรงแรมกัน..ช่วงนี้หลี่จื้อเทียนและคนของเขากำลังยุ่งอยู่กับการดำเนินการตามแผนใหม่..เพราะงั้นถ้าหากมีอะไรที่เราช่วยได้เราก็จะช่วย..เพราะเราเองก็เป็นหุ้นส่วนกับเขาเหมือนกันและมันคงจะไม่ดีถ้าจะผลักดันสิ่งต่างๆ ให้คนอื่นอย่างเดียว”
“ผมอดใจรอไม่ไหวแล้วกับการต่อสู้ครั้งนี้..ว่าแต่บอสให้ผมช่วยตกแต่งโรงแรมแบบนี้ไม่กลัวว่าผมจะทำให้โรงแรมกลายเป็นห้องน้ำหรอ” ชิงเฟิงพูดอย่างขี้เล่น
เย่เชียนจ้องมองอย่างว่างเปล่าและปล่อยให้ชิงเฟิงขับรถต่อ
เมื่อเขามาถึงหน้าประตูโรงแรมและก่อนจะลงจากรถเย่เชียนก็เห็นความชุลมุนวุ่นวายอยู่ด้านในล็อบบี้ซึ่งผู้จัดการโรงแรมตะโกนและสาปแช่งเสียงดังจนเย่เชียนรู้สึกตะลึงอย่างมากเมื่อพบว่าการตกแต่งของโรงแรมกลายเป็นแบบนี้เพราะจากผ่านมาหลายวันแล้วทำไมการตกแต่งของโรงแรมถึงยังคงเป็นเช่นนี้อยู่อีก?
.
.
.
.
.
.
.