ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 553 คาดเดา
ตอนที่ 553 คาดเดา
เนื่องจากเฉินจงข่ายอยู่ภายใต้กระสอบสวนจากทางการจึงไม่มีใครเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของเมืองเจิ้งโจวภายในระยะเวลาสั้นๆได้ ดังนั้นเหรินชุนไป่ผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางประจำมณฑลเหอหนานจึงต้องเข้ามาทำสิ่งต่างๆ ชั่วคราว อย่างไรก็ตามเหรินชุนไป่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าเมื่อเขามาประชุมและหารือเรื่องกฎหมายและมาตรการทางการเมืองของเมืองเจิ้งโจวมันจะเกิดเหตุกราดยิงที่สนามบินอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
เหตุการณ์กราดยิงที่สนามบินนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั่วไปดังนั้นเหรินชุนไป่จึงไม่สบอารมณ์อย่างมาก ซึ่งหลังจากได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วเหรินชุนไป่ก็ไม่กล้าที่จะรอช้าอีกต่อไปเขาจึงนำทีมตรงมายังที่เกิดเหตุในทันทีแต่ก็ไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรงในที่เกิดเหตุและไม่มีผู้เสียชีวิตไม่เช่นนั้นมันจะวุ่นวายอย่างมาก
เมื่อเขาเห็นคูลอฟส์อังเดรแล้วเรื่องของมือปืนที่ก่อเหตุก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไปเพราะถ้าหากเขาต้องการตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดของเหตุการณ์ในครั้งนี้เขาก็แค่ต้องรู้จักตัวตนของคูลอฟส์อังเดรและเพียงแค่เริ่มการสืบสวนจากตัวตนของคูลอฟส์อังเดรเท่านั้นเขาก็จะสามารถชี้แจงเรื่องนี้และตามหาตัวมือปืนได้
ไม่ว่าในกรณีใดเหรินชุนไป่ก็เป็นผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางดังนั้นถึงแม้ว่าเย่เชียนและคูลอฟส์อังเดรจะไม่สบอารมณ์มากแค่ไหนแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแสดงความไม่พอใจออกมาไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะถูกมองว่าไม่ดีพวกเขาจึงพูดอย่างสุภาพ
หลังจากส่งข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนและพาสปอร์ตหนังสือเดินทางของเย่เชียนและคูลอฟส์อังเดรไปยังสำนักงานใหญ่แล้วสำนักงานใหญ่ก็พบตัวตนของพวกเขาและถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบที่มาของคูลอฟส์อังเดรก็ตามแต่พวกเขาก็พบตัวตนของเย่เชียนในฐานะCEOของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปแต่พวกเขาก็รู้ได้ว่าคูลอฟส์อังเดรไม่ใช่ตัวละครที่เรียบง่าย
หลังจากรับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาแล้วเหรินชุนไป่ก็รู้สึกเหมือนยกก้อนหินและตกใส่เท้าตัวเองเพราะเครือน่านฟ้ากรุ๊ปไม่ใช่ตัวตนที่เขาจะทำให้ขุ่นเคืองได้เลยเพราะเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นถึงบริษัทชั้นนำ 20 อันดับของโลกและไม่ว่าจะเป็นทีมที่ปรึกษากฎหมายหรือเครือข่ายของพวกเขาก็ต้องใหญ่โตและถ้าหากพวกเขาไม่ระมัดระวังแล้วล่ะก็มันจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียโดยสื่อจำนวนมากและผลสุดท้ายจะทำให้รัฐบาลกลางเข้ามาแทรกแซงและเขาก็กลัวว่าถึงแม้ว่าเขาจะไม่ถูกไล่ออกก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเบื้องบนและสังคมอย่างหนักหน่วงแน่นอน
หลังจากส่งคืนบัตรประจำตัวประชาชนและพาสสปอร์ตหนังสือเดินทางคืนแล้วเหรินชุนไป่ก็พูดว่า “คุณเย่เราต้องให้คุณกลับไปที่สถานีตำรวจพร้อมกับเราและให้ปากคำโดยละเอียดกับเจ้าหน้าที่ด้วยครับ”
“ผมต้องขอโทษด้วยผมไม่คิดว่าผมจะสามารถช่วยคุณได้” เย่เชียนพูดเบาๆ “มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรเพิ่งลงมาจากเครื่องบินและเหนื่อยมากและนอกจากนี้เราก็ยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้..ซึ่งเราก็อยากรู้เหมือนกันว่ามือปืนคือใครและใครอยู่เบื้องหลังดังนั้นคุณจะต้องใช้ความพยายามอย่างสูงในฐานะตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลาง.. ผลกระทบจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เลวร้ายมากเพราะงั้นผมจะพิจารณาอีกครั้งว่าผมควรจะลงทุนในมณฑลเหอหนานต่อดีไหม..ผมหวังว่าคุณจะสามารถหาตัวมือปืนได้โดยเร็วที่สุดและอย่าทำให้ผมต้องผิดหวังล่ะ”
การแสดงออกที่มั่นใจในตัวเองของเย่เชียนนั้นทำให้เหรินชุนไป่รู้สึกละอายใจอย่างมากเพราะมันเป็นเรื่องยากมากที่ผู้อำนวยการกรมตำรวจส่วนกลางจะขอให้ใครสักคนกลับไปตรวจสอบสิ่งต่างๆ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะเสียหน้า อย่างไรก็ตามเหรินชุนไป่ก็ชัดเจนมากว่าสิ่งที่เย่เชียนนั้นพูดไม่ใช่เรื่องโกหกเพราะมณฑลเหอหนานนั้นกำลังอยู่ในช่วงนโยบายการลงทุนที่และเปิดรับเพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ ดังนั้นถ้าหากเขาทำให้เย่เชียนขุ่นเคืองจนทำให้ถอนการลงทุนในมณฑลเหอหนานไปล่ะก็เหรินชุนไป่จะต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน
หลังจากหลายปีที่ผ่านมาในตำแหน่งทางการถ้าเหรินชุนไป่ยังไม่เข้าใจประเด็นนี้อย่างชัดเจนล่ะที่ผ่านมาเขาคงจะใช้ชีวิตอย่างไร้ประโยชน์เสมอมาเพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามเมื่อมีการพัฒนาเศรษฐกิจแล้วนักลงทุนทุกคนคือสมบัติและขุมทรัพย์และรัฐบาลจะปฏิบัติต่อพวกเขาราวกับเทพเจ้าและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้พวกเขาพึงพอใจมากที่สุดและเมื่อการพัฒนาดำเนินไปถึงจุดหนึ่งรัฐบาลก็จะเริ่มตีกรอบพวกเขาและเริ่มดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในธุรกิจต่างๆ ของพวกเขา
อันที่จริงเหรินชุนไป่ก็รู้ดีว่าถึงแม้เย่เชียนกับคูลอฟส์อังเดรและคนอื่นๆ จะถูกนำตัวกลับไปที่สถานีตำรวจก็ตามแต่ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบอะไรออกจากปากพวกเขาได้อยู่ดีเพราะเขาอยู่ในตำแหน่งนี้มาหลายปีแล้วและเขาก็รู้นิสัยของพวกนักเลงและอันธพาลดีแล้วนับประสาอะไรกับเย่เชียนและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่เห็นมือปืนจริงๆ และไม่รู้ที่มาของมือปืนเหล่านั้นแต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ก็ตามแต่พวกเขาก็จะไม่พูดมัน
“ถ้างั้นพวกคุณไปได้..แต่ถ้าพวกคุณจำอะไรหรือมีบางอย่างที่สงสัยโปรดติดต่อทางเราด้วยครับ” เหรินชุนไป่พูด
เย่เชียนนั้นก็ไม่ได้คาดหวังว่าเหรินชุนไป่จะสามารถหาตัวมือปืนได้เพราะทักษะการพรางตัวและลอบเร้นของมือปืนนั้นเย่เชียนสามารถเห็นได้ว่าเขาคนนั้นเป็นทั้งนักฆ่ามืออาชีพหรือทหารรับจ้างที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าหากเขาลอบสังหารพลาดเขาจะต้องถอยทันทีและนี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับมือปืนที่ดี ถึงแม้ว่ามันอาจจะทำให้ไม่พอใจแต่ถ้าเขาไม่ถอยตั้งแต่ตอนนั้นมันจะไม่เพียงแค่จะไม่สามารถฆ่าคูลอฟส์อังเดรเท่านั้นเพราะแม้แต่ชีวิตของเขาเองก็อาจจะถูกแขวนเอาไว้บนเส้นได้ ซึ่งการหลบหนีและมองหาโอกาสในภายหลังจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แน่นอนว่าเย่เชียนไม่คิดจะใช้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเพื่อกำจัดเหรินชุนไป่เพราะถึงแม้ว่าการกระทำของเหรินชุนไป่จะทำให้เย่เชียนรู้สึกไม่พอใจก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไรมากมายเพราะจากจุดยืนของเหรินชุนไป่เขาก็ดีกว่าตำรวจที่ทุจริตที่ใช้ตำแหน่งของตัวเองเพื่อเอาเปรียบผู้อื่น
หากเย่เชียนต้องการหักหน้าเหรินชุนไป่เขาก็คงจะไม่ให้บัตรประจำตัวประชาชนแต่แสดงบัตรประจำตัวของเขาในทางการซึ่งมันจะต้องทำให้เหรินชุนไป่ไม่เชื่อและตกตะลึงไป แต่เย่เชียนไม่ได้ทำเพราะเย่เชียนไม่ได้ต้องการจัดการกับเหรินชุนไป่นั่นเอง
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปผมจะแจ้งให้คุณทราบทันที” จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่คูลอฟส์อังเดรและพูดว่า “มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรไปกันเถอะ”
คูลอฟส์อังเดรก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ครับมิสเตอร์เย่! ”
เย่เชียนนั้นไม่ได้สุภาพกับคูลอฟส์อังเดรมากนักเพราะเย่เชียนยืนอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นมาเสมอและไม่ต้องพูดถึงเลยว่านี่คือประเทศจีนและในฐานะเจ้าภาพเย่เชียนจึงมีอิทธิพลมากกว่า
เหรินชุนไป่ก็ไม่ได้หยุดเขาและหลังจากมองเย่เชียนกับคูลอฟส์อังเดรและคนอื่นๆ ขึ้นรถและออกไปแล้วเขาก็สั่งให้คนของเขาตรวจสอบที่เกิดเหตุและนำวิดีโอกล้องวงจรปิดที่สนามบินกลับไปและในเวลาเดียวกันเขาได้สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชามองหากล้องจากที่อื่นๆ เพื่อดูว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับมือปืนบันทึกเอาไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เพราะในฐานะมือปืนหรือทหารรับจ้างพวกเขาก็มักจะซุ่มยิงและหรือสังหารในจุดที่สามารถหลบเลี่ยงจากกล้องได้ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรถึงยังไงนี่ก็เป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติและเหรินชุนไป่เองก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้
หลังจากขึ้นรถแล้วคูลอฟส์อังเดรก็ได้กล่าวขอบคุณเย่เชียนอย่างสุภาพโดยพูดว่า “ขอบคุณครับมิสเตอร์เย่..คุณเย่คิดว่าจะหามือปืนเจอไหม? ”
“มันต้องใช้เวลาพอสมควร” เย่เชียนพูดต่อ “มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรไม่ต้องกังวลไปเนื่องจากคุณอยู่ที่ประเทศจีนเพราะงั้นผมจะรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของคุณเอง..ในประเทศจีนนี้จะไม่มีใครสามารถทำร้ายคุณได้! ”
คูลอฟส์อักงเดรก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มิสเตอร์เย่ผมไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผม..เพราะตั้งแต่ผมเดินบนเส้นทางนี้ผมก็รู้ดีว่าผมอาจจะเป็นศพบนถนนได้ตลอดเวลา..ประสบการณ์ชีวิตมันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมใช่ไหมล่ะ”
เย่เชียนก็ยิ้มและพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรใดๆ
คูลอฟส์อังเดรก็พูดต่อว่า “ตอนนี้มันเป็นเพียงการคาดเดาเพราะต่อให้คูลอฟส์อาสเชฟต้องการให้ผมตายมากที่สุดก็ตามแต่หลังจากเดินบนเส้นทางนี้มานานศัตรูของผมก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ..เพราะงั้นเรายังคงต้องหามือปืนและหาว่าใครเป็นคนส่งเขามา”
“ผมเข้าใจและอีกไม่นานเราจะพบมือปืนเพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปมิสเตอร์คูลอฟส์อังเดร” เย่เชียนพูด
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ชิงเฟิงนายมีหน้าที่รับผิดชอบคุ้มกันความปลอดภัยของมิสเตอร์คูลอฟส์อังเดร..ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นนายจัดการได้เลย”
ชิงเฟิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “บอสไม่ต้องกังวลครับ..ถึงแม้ว่าเรื่องคุ้มกันผมจะไม่เก่งเท่าหวนเฟิงแต่ผมสัญญาว่าจะไม่มีใครสามารถแตะต้องมิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรได้”
เย่เชียนก็พยักหน้าและหันไปมองพูดว่า “มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรแล้วคนอื่นๆ ล่ะ? ”
“ผมสั่งลูกน้องเอาไว้แล้วและพวกเขาก็น่าจะกระจายกันไปทั่วทุกประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในสองวัน..นั่นคือวันนี้และวันพรุ่งนี้” คูลอฟส์อังเดรพูด
คราวนี้คูลอฟส์อังเดรเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่างและถ้าหากมาเฟียจำนวนมากถูกส่งไปทั่วทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในคราวเดียวมันจะไม่มีปัญหาอะไรในประเทศรัสเซียใช่ไหม? “เย่เชียนถาม ซึ่งถึงแม้ว่าเย่เชียนหวังที่จะใช้พลังของคูลอฟส์อังเดรเพื่อควบคุมการพนันในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่ถ้าหากประเทศรัสเซียถูกคุกคามจากฝ่ายอื่นมันก็จะเป็นการสูญเสียเช่นกัน
คูลอฟส์อังเดรก็ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “มิสเตอร์เย่ไม่ต้องกังวลไปผมได้อธิบายสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจนแล้วก่อนที่ผมจะมาที่นี่..และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ผมก็มีเสียงค่อนข้างมากและผู้อาวุโสในตระกูลต่างก็เชื่อผม..เพราะงั้นคูลอฟส์อาสเชฟจะไม่สามารถทำอะไรผมได้อย่างแน่นอน”
เย่เชียนพยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “ผมรู้สึกโล่งใจกับคำพูดของมิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรมาก..ผมจะพาคุณกลับไปที่โรงแรมแล้วเราค่อยคุยกันถึงขั้นตอนและแผนการดำเนินการที่เฉพาะเจาะจง”
“ได้ครับ” คูลอฟส์อังเดรพยักหน้าและตอบกลับ
ทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไปและทันใดนั้นบรรยากาศในรถก็เงียบลง ซึ่งเย่เชียนจัดให้คูลอฟส์อังเดรพักในโรงแรมห้าดาวชั้นนำในเมืองเจิ้งโจวและเมื่อรถมาถึงประตูโรงแรมเย่เชียนที่กำลังจะลงจากรถจู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นและเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเห็นว่าเป็นฮัวซงเจี๋ยที่โทรมาดังนั้นเย่เชียนจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อยและรับสายโทรศัพท์
.
.
.
.
.
.
.