ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 588 งานศพ
ตอนที่ 588 งานศพ
เย่เชียนนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเพราะเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาดูเหมือนชายชราอย่างไรเพราะชายชราทั้งซื่อสัตย์และใจดี แต่ตัวเขานั้นค่อนข้างซนและดื้อรั้นอาจกล่าวได้ว่าพวกเขามีบุคลิกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ชายชราก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอ็งต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าตอนที่พ่อยังเป็นเด็กน่ะพ่อก็เหมือนกับเอ็งเลย..เพราะหลายสิ่งหลายอย่างถูกพรากไปอย่างเลวร้าย..ชื่อเสียงและโชคลาภคืออะไรกัน? ..ไม่สำคัญหรอกเพราะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการได้อยู่กับคนที่เรารักและคนที่รักตัวเรา..เพื่อนและครอบครัวนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดแต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้วเพราะพวกเขาเหล่านั้นก็จากพ่อไปกันหมด..แต่ตอนนี้ลูกๆ ทุกคนโดยเฉพาะเสี่ยวเอ๋อเอ็งคือคนที่พ่อกังวลมากที่สุด..ถึงแม้ว่าเอ็งจะก้าวไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงและไปถึงจุดสูงสุดได้ก็ตามแต่มันก็มีแนวโน้มที่มันจะทำให้เอ็งต้องสูญเสียทุกอย่าง..เพราะงั้นสิ่งที่เอ็งต้องทำมากที่สุดในตอนนี้คือการปล่อยวางและซ่อนความแข็งแกร่งทั้งหมดของเอ็งเอาไว้ใช้เมื่อยามจำเป็นเท่านั้น..เอ็งน่ะฉลาดมากเพราะงั้นพ่อเชื่อว่าเอ็งต้องรู้ว่าพ่อหมายถึงอะไร”
เย่เชียนก็ตกใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าชายชราคนนี้จะมีอดีตที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้และเมื่อฟังจากน้ำเสียงของชายชราแล้วดูเหมือนว่าเขาเคยเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มาก่อนและโลกก็ได้เล่นตลกกับโชคชะตาของเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ต้องการทราบอดีตของชายชราอย่างมากแต่เมื่อดูจากการแสดงออกของเขาแล้วดูเหมือนว่าชายชราไม่ได้ต้องการจะอธิบายอย่างละเอียดดังนั้นเย่เชียนจึงไม่คิดที่จะถามต่อเขาทำได้เพียงแค่ฟังอย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชายชราพูดนั้นถูกต้องเพราะเย่เชียนจำเป็นต้องจำกัดความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้เพราะยังมีกองกำลังต่างฝ่ายมากเกินไปที่จับตามองเขี้ยวหมาป่าซึ่งมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ศัตรูและความเสี่ยง ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาถ้าหากองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าไม่เคลื่อนไหวให้โลกรู้ล่ะก็องค์กรนี้คงจะจางหายไปนานแล้ว
เย่เชียนก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงและพูดว่า “พ่อไม่ต้องกังวลครับ..ผมรู้ว่าผมควรทำยังไง”
“พ่อก็โล่งใจที่เอ็งพูดแบบนี้” ชายชราพูดต่อ “จริงๆ แล้วพ่อเป็นห่วงเอ็งมากที่สุดแต่กลับกันเอ็งก็เป็นคนที่พ่อฝากความหวังเอาไว้มากที่สุดเช่นกัน..เพราะถึงแม้ว่าพี่ใหญ่และน้องเล็กจะมีอาชีพการงานทางการเป็นหลักเป็นแหล่งและมีอนาคตก็ตามแต่พวกเขาน่ะไม่เหมาะกับการต่อสู้หรือเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ..เพราะงั้นเสี่ยวเอ๋อถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคตเอ็งจะต้องดูแลพวกเขาทุกคนด้วยนะ..ถึงพวกเขาจะไม่ใช่พี่น้องทางสายเลือดก็ตามแต่พวกเอ็งทุกคนล้วนถูกพ่อเลี้ยงดูมา..ความรักในครอบครัวแบบนี้น่ะมันหายากนะ”
“พ่อครับไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวล..เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตพวกเขาจะเป็นพี่น้องของผมเสมอและผมก็จะไม่ยอมให้ใครมารังแกพวกเขาอย่างแน่นอน..ผมสัญญา” เย่เชียนพูดอย่างหนักแน่น
ชายชราก็พยักหน้าเบาๆ และนัยน์ตาของเขาก็หรี่ลงและพึมพำว่า “เห้อ..ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าใหญ่สินะ..แต่ก็ไม่เป็นไร..แค่พวกเอ็งมาส่งฉันขึ้นไปบนสวรรค์ฉันก็พอใจแล้ว”
“ไม่นะพ่อ..เดี๋ยวผมจะรีบโทรหาพี่ใหญ่เพื่อบอกให้เขารีบมา..พ่อจะได้เห็นหน้าเขาเพราะงั้นรอก่อนนะ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาแต่ชายชราจับมือเย่เชียนและส่ายหัวเบาๆ แล้วพูดว่า “อย่าประมาทอย่าขาดสติ..เสี่ยวเอ๋อจำคำที่พ่อพูดเอาไว้ด้วยล่ะ”
จมูกของเย่เชียนรู้สึกปวดไปหมดและเขาก็ไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไปจนน้ำตาเริ่มไหลออกมาทันที เมื่อเห็นเช่นนั้นชายชราก็ยิ้มแล้วพูดว่า “โถ่ๆ พี่สองของน้องๆ จะร้องไห้ได้ยังไงรีบเช็ดน้ำตาของเอ็งออกซะ..พ่ออยู่มานานตั้งขนาดนี้แล้วเพราะงั้นพวกเอ็งไม่จำเป็นต้องหลั่งน้ำตาหรอก..พวกเอ็งจะทำให้ฉันไปอย่างไม่สบายใจกันรึไง?”
“ไม่ร้องไห้..ผมจะไม่ร้องไห้! ” เย่เชียนปาดน้ำตาของเขาและพูดออกไป
ชายชราพึมพำด้วยรอยยิ้มว่า “คุณอยู่ที่นั่นเหรอ..คุณรอผมมาตั้งนานเลยสินะผมขอโทษ..ผมอยากจะไปอยู่กับคุณมาตั้งนานแล้วแต่ผมปล่อยเด็กๆ เหล่านี้ให้อยู่ตามลำพังไม่ได้..แต่ก็นะตอนนี้พวกเขาทั้งหมดมีอาชีพการงานและครอบครัวเป็นของตัวเองแล้วเพราะงั้นผมจึงหมดกังวลแล้ว..จากนี้ไปเราจะได้อยู่ด้วยกันและจะไม่มีวันแยกจากกันอีกต่อไป”
เย่เชียนก็เงยหน้ามองตามพ่อของเขาขึ้นไปแต่มันก็ว่างเปล่าและไม่มีอะไรเลยและเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างลับๆ เพราะดูเหมือนว่าชายชราไม่สามารถผ่านคืนนี้ไปได้และเขาก็มีอาการประสาทหลอนเล็กน้อยแล้ว ว่ากันว่าก่อนตายนั้นคนเรามักจะมองเห็นบางสิ่งที่มองไม่เห็นเหมือนชายชราในตอนนี้
แน่นอนว่าเมื่อคำพูดของชายชราจบลงดวงตาของเขาก็ค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ และหัวใจของเขาก็หยุดเต้น ในวินาทีนั้นหัวใจของเย่เชียนก็รู้สึกราวกับถูกเข็มแทงอย่างเจ็บปวด อย่างไรก็ตามเขาก็สัญญากับชายชราเอาไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้ ดังนั้นเย่เชียนจึงหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมใบหน้าของชายชราอย่างแผ่วเบาและหลังจากนั้นเย่เชียนก็ลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าห้องพักและเปิดประตูออกไป
“พี่สอง..พ่อหลับแล้วหรอ” หลี่ฮ่าวถามเมื่อเย่เชียนเดินออกมา
“พ่อไปแล้ว…” เย่เชียนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
หลี่ฮ่าวและฮันเซว่ก็ใจหายและเมื่อมองไปที่ชายชราผู้ล่วงลับบนเตียงในโรงพยาบาล ซึ่งหลี่ฮ่าวก็ยกผ้าห่มขึ้นด้วยมือที่สั่นเทา “พ่อคะ…” ฮันเซว่ก็ร้องออกมา ส่วนหลี่ฮ่าวก็น้ำตาไหลลงมาและคุกเข่าลงต่อหน้าพ่อของเขา
เย่เชียนนั้นไม่ได้เข้าไปในห้องอีกและนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ทางเดินและนั่งอย่างเงียบๆ อยู่ที่นั่นเพราะในหัวของเขามีแต่ความว่างเปล่าและเขาก็นิ่งเหมือนท่อนไม้
หลังจากนั้นไม่นานหลี่ฮ่าวก็เดินออกมาจากห้องและนั่งลงข้างๆ จากนั้นหลี่ฮ่าวก็หยิบบุหรี่หนึ่งซองออกมาแล้วยื่นให้เย่เชียนหนึ่งมวนโดยไม่พูดอะไรใดๆ ส่วนเย่เชียนก็ส่ายหัวและไม่ตอบดังนั้นหลี่ฮ่าวจึงคีบบุหรี่ใส่ปากตัวเองและจุดไฟแล้วสูดมันเข้าไปจากนั้นก็ปล่อยออกมา ในขณะนี้เย่เชียนก็หันไปมองที่หลี่ฮ่าวและพูดว่า “นายหัดสูบบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไร..เลิกซะ” จากนั้นเขาก็ตบไหล่หลี่ฮ่าวเบาๆ และพูดว่า “พ่อไปดีแล้วนะ..อย่าเศร้าไปอีกเลยเจ้าน้องชายเพราะพ่อไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้กัน..เพราะงั้นเรามาคุยเรื่องพิธีและงานศพของพ่อกันดีกว่า..นายโทรไปบอกพี่ใหญ่ซะและบอกเขาด้วยว่าฉันน่ะไม่สนหรอกว่าเหตุผลของเขามันคืออะไรหรือเขาจะมีข้อแก้ตัวอะไรก็ตามแต่ถ้าหากเขาไม่โผล่หัวมาในงานศพพ่อล่ะก็หลังจากนี้ไม่ต้องกลับมาอีก..และฉัน..เย่เชียนคนนี้ก็จะไม่มีพี่ชายคนนั้นอีกต่อไป”
หลี่ฮ่าวก็พยักหน้าและสูบบุหรี่อีกสองสามครั้งอย่างต่อเนื่องจากนั้นเขาก็ดับบุหรี่แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเดินออกไป
พิธีศพและงานศพของชายชราจะจัดขึ้นในอีกสามวันต่อมาและภายในงานนั้นบรรดาผู้ที่มาร่วมงานศพต่างก็เป็นข้าราชการระดับสูงและนักธุรกิจรายใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเหล่าผู้ทรงอำนาจและผู้ทรงอิทธิพลจากองค์กรใต้ดินมากมายและแต่ละคนต่างก็เป็นผู้มีชื่อเสียงที่มีลูกน้องมากมายรออยู่ที่ด้านนอกกันทั้งนั้น ด้วยเหตุผลนี้สำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางเทศบาลจึงต้องส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยไปทั่วเมืองและท้องถนนและรอบๆ งานศพ ซึ่งพิธีในครั้งนี้ต้องปิดถนนสายหลักถึงสองสายด้วยกัน
ในงานนี้นั้นมีผู้ทรงอำนาจทรงอิทธิพลมากมายมาเข้าร่วมและเจ้าหน้าที่รัฐบาลตำแหน่งสูงๆ เกือบทั้งหมดก็อยู่ด้วยเช่น หวังหู,หลี่จื้อเทียน,หม่าชานเหอ,เฉิงเหวิน,หลินไห่,ซูเหม่ย,หวงฟู่ชิงเตี๋ยน,แม่ม่ายดำจือเหวิน ตลอดจนถึงนักธุรกิจและCEOจากองค์กรขนาดใหญ่ที่ร่วมมือกับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและแม้แต่รัฐบาลประเทศเมียนมาร์และหลายๆ ประเทศในทวีปตะวันออกกลางต่างก็ส่งผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาเข้าร่วมงานเพื่อให้เกียรติเย่เชียน ซึ่งฉากดังกล่าวทำให้รัฐบาลจีนตกตะลึงอย่างมาก ซึ่งเดิมทีพวกเขาต่างก็หวาดผวาและไม่รู้ว่าบุคคลระดับสูงเหล่านี้มาทำอะไรกันที่ประเทศจีนในเวลาเดียวกันแต่สุดท้ายรัฐบาลจีนก็ได้รู้ว่าพวกเขาเหล่านี้ล้วนมาร่วมงานศพชายชราผู้นี้กันทั้งหมด บอกได้เลยว่าแต่ละคนที่มาเข้าร่วมงานต่างก็ทรงอำนาจและอิทธิพลและพวกเขาก็สามารถทำให้โลกสั่นคลอนได้เลยทีเดียว
บางคนก็ไม่รู้จักกันและแม้แต่เย่เชียนเองก็ไม่รู้จักตัวแทนของประเทศต่างๆ นักแต่เขาก็เคยได้ยินชื่อของกันและกันมาหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยินชื่อของกันและกันพวกเขาต่างก็เข้าใจกันหมด ซึ่งคนนอกนั้นต่างก็ประหลาดใจอย่างมากและที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนเองก็ต้องการใช้พิธีศพนี้เพื่อเตือนรัฐบาลจีนว่าอำนาจของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถประมาทได้และถ้าหากพวกเขาต้องการกำจัดเขาล่ะก็พวกเขาต้องตระหนักและไตร่ตรองให้ดีว่าพวกเขาสามารถกวาดล้างผู้คนจำนวนมากเหล่านี้ในคราวเดียวได้หรือไม่นั่นเอง
ส่วนจ้าวหยาและหูวเค่อเองก็รีบบินกลับจากไต้หวันเพื่อทำหน้าที่เป็นลูกสะใภ้ที่ดีเพราะนอกจากซ่งหลันและหลินโรวโร่วแล้วท้ายที่สุดพวกเธอทั้งหมดต่างก็เป็นผู้หญิงของเย่เชียน ส่วนฉินหยูนั้นเย่เชียนและคนอื่นๆ ไม่สามารถติดต่อเธอได้ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กลับมา
เพื่อป้องกันไม่เกิดเหตุการณ์วินาศกรรมหรือปัญหาที่งานศพนั้นแจ็คก็ยังได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ของบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดจำนวนมากเพื่อรักษาความเรียบร้อยในงานและรอบๆ และยังมีสมาชิกหน่วยลับจากหน่วยย่อยหมาป่าเพชฌฆาตที่มีหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลและการเคลื่อนไหวของทุกคนที่มาเข้าร่วมงานอย่างลับๆ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ
นี่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นงานศพที่ยิ่งใหญ่พอที่จะทำให้ทั้งโลกสั่นคลอนได้
เย่เชียนก็หันหน้าไปและเหลือบมองหลี่ฮ่าวแล้วถามว่า “นายโทรไปบอกพี่ใหญ่รึยัง? ..เขาพูดว่ายังไงบ้าง? ”
“พี่ใหญ่บอกว่าเขาจะรีบมาโดยเร็วที่สุด” หลี่ฮ่าวพูด “พี่สองอย่าไปโกรธพี่ใหญ่เลย..มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะออกจากกองทัพไม่ได้”
“บัดซบเอ๊ย! ..คนในกองทัพไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเลยงั้นเหรอ! ” เย่เชียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
หลี่ฮ่าวก็หยุดพูดและก้มหน้าลงเพราะเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี “เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะ..นี่เป็นงานศพของพ่อนะมีแขกมองอยู่เยอะมาก” หลินโรวโร่วเอนตัวไปข้างๆ เย่เชียนและกระซิบ ซึ่งเธอนั้นรู้จักเย่เชียนเป็นอย่างดีและเธอก็กลัวว่าเขาจะขาดสติจนลงมือทำอะไรบางอย่างจริงๆ
“แขกผู้มีเกียรติมาถึงแล้ว! ” หลังจากที่โฆษกพูดจบก็มีชายหนุ่มค่อยๆ เดินเข้ามาจากด้านนอกประตูโดยเขานั้นสวมชุดสูทสีดำและแว่นกันแดดจนทุกคนหันมามองแต่ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่รู้จักเขา ส่วนเย่เชียนก็ตกตะลึงอย่างมากเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าหลินเฟิงจะมาด้วย
หลังจากโค้งคำนับเสร็จหลินเฟิงก็เดินไปหาเย่เชียนและตบบ่าเย่เชียนเบาๆ แล้วพูดว่า “เสียใจด้วยนะ..เราเป็นพี่น้องกันเพราะงั้นเราต้องต่อสู้และผ่านมันไปด้วยกัน”
“ครับ!” เย่เชียนพยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “ขอบคุณครับพี่! ” จากนั้นเขาก็เหลือบมองแจ็คและพูดว่า “แจ็ค! ..ฝากเขาด้วยนะ”
“ครับ! ” แจ็คก็ตอบกลับแล้วพูดว่า “คุณหลินเชิญนั่งตรงนี้ครับ! ”
“แขกผู้มีเกียรติมาถึงแล้ว! ” เสียงของโฆษกก็ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเขานั้นเป็นโฆษกมานานมากและได้เป็นโฆษกในพิธีใหญ่ๆ มามากมายแต่เขาไม่เคยเห็นงานศพที่ใหญ่โตขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ด้วยผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากแขกบางส่วนจึงไม่สามารถนั่งข้างในได้และผู้คนจำนวนมากต่างก็ต้องนั่งข้างนอกและนอกจากนี้ในหมู่พวกเขาเหล่านั้นก็มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมืองเซี่ยงไฮ้เช่นกันซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างมาก
ขณะที่โฆษกพูดนั้นก็มีชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบแปดเดินเข้ามาโดยสวมชุดพรางตัวที่เลอะโคลนจำนวนมากและใบหน้าทั้งหน้าก็ดำและสกปรก “พ่อ!” เมื่อชายคนนั้นมาถึงประตูเขาโยนถุงบางอย่างลงและคุกเข่าลงพร้อมกับก้มหัวคำนับสามครั้งแล้วคุกเข่าคลานไปข้างหน้า
.
.
.
.
.
.
.