ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 599 ฆ่าปิดปาก
ตอนที่ 599 ฆ่าปิดปาก
ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างคนโง่กับคนฉลาดคือคนโง่มักจะรู้สึกว่าตนเก่งและคนทั้งโลกกลัวตนนั่นเอง
เย่เชียนนั้นไม่ใช่คนที่ไม่มีความกลัวแต่เขาไม่มีทางกลัวเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างแน่นอน ซึ่งคงเป็นการดีกว่าที่เขาจะไม่พูดว่าแก๊งยามากุจิคอยสนับสนุนเขาอยู่เพราะในเมื่อเขาบอกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งยามากุจิเช่นนี้เจตนาฆ่าของเย่เชียนก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเพราะความเกลียดชังระหว่างเย่เชียนกับแก๊งยามากุจินั้นอาจพูดได้ว่ามันเป็นการสั่งสมมานาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้เย่เชียนหดหู่ที่สุดก็คือไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนมันก็จะเกี่ยวข้องกับแก๊งยามากุจิทุกครั้ง
อย่างไรก็ตามประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่ขอบเขตอิทธิพลของเขี้ยวหมาป่าดังนั้นเย่เชียนจึงไม่สามารถทำอะไรได้มากเกินไปและเย่เชียนก็ไม่ต้องการฆ่าคนต่อหน้าเด็กๆ เช่นนี้ อย่างไรก็ตามนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเย่เชียนเกรงกลัวเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นแต่อย่างใด หลังจากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “งั้นเหรอ..ยิ่งอะไรที่มันท้าทายฉันก็ยิ่งอยากเผชิญ..เนื่องจากนายบอกว่าพี่ชายของนายอยู่ในแก๊งยามากุจิฉันก็อยากจะรู้จริงๆ ว่าแก๊งยามากุจิจะทำอะไรฉันได้บ้าง”
ทันทีที่เย่เชียนพูดจบเขาก็เตะเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นอย่างดุเดือดและในทันใดนั้นก็มีเสียง “กรึก” และซี่โครงหลายซี่ก็หักและเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็ร้องโอดครวญ ซึ่งเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นไม่ได้คาดคิดว่าเย่เชียนจะกล้าทำอะไรกับเขาอีก เพราะหลังจากที่เขาพูดชื่อแก๊งยามากุจิออกไปเย่เชียนก็ต้องกลัวอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายเขากลับต้องเจ็บปวดและตัวสั่นอย่างไม่หยุดยั้งและน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเขา
ไม่ว่าเพื่อนของเขาจะโดนทำร้ายมากแค่ไหนแต่เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นอีกคนก็ไม่กล้าพูดอะไรใดๆ และเขาก็รู้สึกหดหู่อย่างมากเพราะก่อนหน้านี้เขาเห็นเย่เชียนต่อยเก้าอี้ของเขาจนมันแตกกระจาย ยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนกลับไม่กลัวเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่เพื่อนของเขาพูดชื่อแก๊งยามากุจิดังนั้นสิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงว่าเย่เชียนนั้นกล้าแค่ไหน
“ไอ้เวรเอ๊ยถ้าลุงทำอะไรผมล่ะก็ลุงจะต้องตายอย่างอนาถ” เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าที่ดูสยดสยอง
“ปากดีจริงๆ นะ” ปากของเย่เชียนฉีกออกเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย จากนั้นเย่เชียนก็นั่งยองๆ ลงแล้วตบหน้าเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น ซึ่งเย่เชียนนั้นไม่แสดงความเมตตาใดๆ จนมีรอยฝ่ามือที่ชัดเจนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นและฟันสองสามซี่ก็หลุดออกมาและปากก็เต็มไปด้วยเลือด
เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็ตะคอกด้วยความเจ็บปวดและอยากจะด่าเย่เชียนแต่เขาก็พูดไม่ได้เลยเพราะตอนนี้ทั้งน้ำตาและเลือดต่างก็ปะปนกันไปใบหน้าจนหน้าของเขาเป็นเหมือนแตงโมที่เน่าเปื่อยทั้งสกปรกและน่าขยะแขยง แต่ทว่าเหล่าเด็กหนุ่มและเด็กสาวเหล่านั้นกลับไม่รู้สึกถึงความกลัวเลยแม้แต่น้อยแต่พวกเขายังตะโกนเชียร์ต่อไป ซึ่งเย่เชียนก็ไม่รู้ว่าพวกเขากล้าหรือโง่กันแน่ แต่สิ่งเดียวที่เย่เชียนรู้ได้ก็คือพวกเขาต่างก็เกลียดคนญี่ปุ่นกันอย่างมากนั่นเอง
“ในเมื่อเอ็งอยากตายถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะสนองให้!” เย่เชียนยิ้มอย่างเย็นยะเยือกและหันไปมองเหล่าเด็กหนุ่มคนอื่นๆ จากนั้นก็พูดว่า “พวกเอ็งมียาไอซ์กันใช่มั้ย? ..เอามาให้ฉันหน่อยเพราะดูเหมือนเขาจะชอบมันมาก!”
“ได้..ได้ครับลุง” เหล่าเด็กหนุ่มพูดและเขาก็ไปรวบรวมยาทั้งหมดแล้วยื่นให้เย่เชียนจากนั้นก็พูดว่า “นี่ครับ!”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายเกี่ยวกับวัยรุ่นเหล่านี้อย่างไรดี และไม่รู้จริงๆ ว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะต้องตายจากการโดฟยามากเกินไปหรือเปล่า แล้วพวกเขาจะไม่กลัวหรือถ้าพวกเขาเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตา? แต่เย่เชียนก็ไม่สนใจเพราะคนเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา หลังจากได้รับยาแล้วเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “เอ็งชอบเสพยานักใช่มั้ย? ..ถ้างั้นก็กินมันให้หมดในครั้งเดียวซะเลย”
ทันทีที่พูดจบเย่เชียนก็หยิบยาไอซ์มาแล้วยัดเข้าไปในปากของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นและไม่ว่าเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นจะดิ้นรนสักแค่ไหนแต่เขาก็ยังไม่มีทางที่จะหลุดรอดไปไหนได้ ในฉากนี้เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวและกลัวว่าเย่เชียนจะทำกับตนเหมือนกับเพื่อนของ ซึ่งเขาก็อยากจะหนีไปแต่เขาไม่สามารถก้าวขาออกไปได้เลยและเขาก็รู้ดีว่าความตายนั้นอยู่ใกล้ตัวเขามาก
หลังจากใช้ยาไปไม่ถึงครึ่งเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็เกิดอาการเกร็งไปทั้งตัวและดวงตาของเขาก็แข็งและมีฟองอยู่เต็มปาก ซึ่งเหล่าวัยรุ่นรอบๆ ไม่เพียงแค่ไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยเมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแต่พวกเขายังตะโกนด้วยความตื่นเต้นราวกับว่าพวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นกำลังจะตาย
หลังจากผ่านไปสักพักเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็หยุดชักและตายไปด้วยความโกรธ จากนั้นเย่เชียนก็ยื่นมือออกและใช้นิ้วไปวางเอาไว้ตรงจมูกของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นเพื่อตรวจสอบลมหายใจ จากนั้นเย่เชียนก็ยักไหล่เบาๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นนั้นตายแล้ว สิ่งที่เย่เชียนไม่คาดคิดก็คือเหล่าวัยรุ่นทั้งหลายต่างก็หยุดตะโกนและพวกเขาหลายคนก็แน่นิ่งไป ในตอนนี้การแสดงออกของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวแต่บางคนก็ยังคงตะโกนอยู่อย่างตื่นเต้นจนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ดูเหมือนว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้ไม่ได้เพิกเฉยต่อความตายและการฆาตกรรมที่น่ากลัวแต่เมื่อเห็นคนตายลงไปเช่นนี้พวกเขาก็แต่ตื่นขึ้นและบางคนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับผลที่ตามมาอย่างไรเท่านั้นเอง
“เขาตายแล้วเหรอ..นี่…แล้วถ้าตำรวจรู้พวกเราจะทำยังไงกันดี” เด็กหนุ่มผิวดำคนหนึ่งพูดอย่างประหม่า
“อะไรกันพวกเอ็งกลัวเหรอ..มันง่ายมากก็แค่อย่าให้พวกตำรวจรู้ว่าพวกเอ็งฆ่าเขา” เย่เชียนยักไหล่แล้วพูดเบาๆ
“ไม่..ไม่..เราไม่ได้ฆ่าเพราะลุงเป็นคนฆ่าเขา..ผมจะโทรแจ้งตำรวจ..ผมจะแจ้งตำรวจ!” เด็กหนุ่มผิวดำพูดอย่างกระวนกระวายและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ
“เอ็งต้องคิดให้ดีๆ นะเพราะพวกเอ็งให้ยาพวกนี้แก่ฉัน..ในเหตุการณ์เอ็งก็อยู่ด้วยเพราะงั้นถ้าตำรวจรู้ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบด้วยกัน” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่ขี้เล่น ซึ่งเย่เชียนก็ไม่สนใจที่จะฆ่าใครอีกและไม่ใช่ว่าเย่เชียนจะข่มขู่พวกเขาเพียงแค่ว่าวัยรุ่นเหล่านี้กำลังตื่นตระหนกจนเย่เชียนต้องพูดเช่นนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขายังตะโกนให้เย่เชียนฆ่าเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นคนนี้แต่ตอนนี้พอเย่เชียนฆ่าไปจริงๆ พวกเขากลับจนเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
“แล้วพวกเราควรทำยังไงกันดี..เพราะไม่ช้าก็เร็วพวกตำรวจคงจะรู้” เด็กดำพูดอย่างประหม่า
“ไม่เป็นไรหน่า..ไม่เป็นไร..ตราบใดที่เราไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครรู้หรอก..เราก็แค่หาที่ฝังศพเขาแบบนี้ก็ไม่มีใครรู้แล้ว..แต่ทุกคนต้องจำเอาไว้ว่าทุกคนก็อยู่ที่นี่และจะไม่มีใครพูดเรื่องนี้ออกมา..เพราะงั้นถ้าใครพูดเรื่องนี้คนคนนั้นก็เป็นคนทรยศเพื่อน” เด็กหนุ่มผิวขาวที่ดูนิ่งๆ พูดออกมา
“ใช่ๆ ..ตกลงตามนี้..ถ้าใครเปิดปากพูดล่ะก็เดี๋ยวเจอกัน” เด็กสาวผมบลอนด์เห็นด้วย
“มันก็ยากอยู่นะเพราะเขากับไอ้หมอนั่นอยู่ด้วยกัน..เขาจะต้องไปพูดเรื่องนี้อย่างแน่นอน..ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราได้ซวยกันหมดแน่” เย่เชียนพูดขณะที่ชี้ไปที่เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นอีกคน ซึ่งความหมายนั้นชัดเจนมากว่าจะฆ่าปิดปากเขา
เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นอีกคนรู้ว่าเย่เชียนหมายถึงอะไรและเขาก็รีบพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “ไม่ๆ นะ..ฉันจะไม่พูดฉันสัญญา..ชาวญี่ปุ่นอย่างเราซื่อสัตย์..นอกจากนี้ฉันไม่เห็นอะไร..ฉันไม่อยู่ที่นี่เลยด้วยซ้ำ!”
“ก็นายเป็นคนญี่ปุ่นเหมือนกับเขาและนายก็อยู่กับเขาหนิ..และเขาก็ตายไปแบบนี้นายจะต้องไปแจ้งตำรวจอย่างแน่นอน..เพราะงั้นนายจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่” เด็กหนุ่มผิวดำพูดอย่างประหม่าเพราะจิตใจของเขาสับสนวุ่นวายแล้วเขาจะวิเคราะห์สถานการณ์ให้ชัดเจนได้อย่างไร เขารู้แค่ว่าเขาจะต้องฆ่าเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นผมทองคนนี้ จากนั้นก็จะไม่มีใครพูดเรื่องนี้อีกแล้วเขาก็จะปลอดภัย
“ใช่!..เขาต้องพูดอย่างแน่นอน..เราปล่อยเขาไปไม่ได้..ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้อย่างแน่นอน” เด็กสาวคนหนึ่งก็เห็นด้วยเช่นกัน
“เอาล่ะในเมื่อทุกคนตัดสินใจเป็นเอกฉันท์แล้วงั้นเรามาเริ่มกัน..ฆ่าไปแล้วหนึ่งคนถ้าจะฆ่าอีกคนมันจะไปยากอะไร” เด็กชายผิวขาวพูด “เธอไปหยิบยามา..ส่วนพวกนายล็อกตัวเขาเอาไว้”
เมื่อเห็นเช่นนี้เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็ตื่นตระหนกอย่างมากและในเวลานี้เขาก็ไม่สามารถตั้งสติได้ ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและวิ่งออกไป อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถวิ่งหนีต่อหน้าเย่เชียนได้ ซึ่งเย่เชียนได้เตะขาเขาจนขาของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นรู้สึกชาและเขาก็ล้มลงจากนั้นคนอื่นๆ ก็มาจับเขากดลงกับพื้นเพื่อไม่ให้เขาเคลื่อนไหวไปไหนได้อีก จากนั้นเด็กหนุ่มผิวขาวก็สั่งให้คนอื่นๆ เทยาไอซ์ทั้งหมดลงในปากของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นทันที
เนื่องจากความตึงเครียดเหล่าเด็กสาวก็จึงจับมือกันเพื่อช่วยกันเทยาไอซ์ใส่ปากเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นแต่ยาส่วนใหญ่ก็ตกลงบนพื้นดังนั้นพวกเธอจึงรีบโกยยาไอซ์บนพื้นและเทมันลงไปในปากของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็ตัวสั่นไปหมดและฟองในปากของเขาก็เริ่มทะลักออกมา
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตั้งใจฆ่าเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็ตามแต่พวกเขาก็ยังกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นฉากดังกล่าว และเมื่อเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นชักกระตุกพวกเขาก็ตะโกนด้วยความตกใจและก้าวออกไปทีละคนและมองดูเขาด้วยความสยดสยอง
ตั้งแต่ต้นจนจบเสี่ยวเซียวนั้นไม่ได้เข้าร่วมใดๆ เลยเพราะเธอเพียงแค่เม้มปากและเหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วยิ้มให้เย่เชียนเล็กน้อย ซึ่งความหมายในการแสดงออกนั้นชัดเจนมากเพราะมันบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเธอร็อยู่แล้วว่าเย่เชียนกำลังจะฆ่าปิดปากใคร
เย่เชียนก็ยิ้มแหยงๆ โดยไม่อธิบายอะไรใดๆ เพราะวัยรุ่นเหล่านี้ไม่ใช่เด็กที่ดีดังนั้นเย่เชียนจึงไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อพวกเขาที่ทำตัวแหลกเหลวตลอดทั้งวันและมั่วสุมเรื่องยาเสพติดและมั่วเซ็กส์ปาร์ตี้กันตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะตายหรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับเย่เชียนเลย
“เอาล่ะคิดหาวิธีเอาศพออกไปฝังซะ..ฉันขอตัวไปก่อน” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็เดินออกไป “รอฉันด้วย!” เสี่ยวเซียวรีบตามไปและคว้าแขนของเย่เชียนมากอดและออกจากไนต์คลับไป
.
.
.
.
.
.
.