ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 617 สารท้ารบ
ตอนที่ 617 สารท้ารบ
ฮาราดะนั้นรู้ว่าเย่เชียนไม่กล้าฆ่าเขานั่นก็เพราะว่าพวกเขาอยู่ต่อหน้ากรมตำรวจดังนั้นไม่ว่าพลังของเขี้ยวหมาป่าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนแต่ในประเทศญี่ปุ่นนั้นองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าไม่มีอำนาจใดๆ ดังนั้นฮาราดะจึงยังมั่นใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตามฮาราดะก็มองข้ามไปจุดหนึ่งเพราะมันมีอยู่ตั้งหลายวิธีในการฆ่าและเย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฆ่าเหรอ..มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอแบบนั้น..เรามาพนันกันดีกว่า..ฉันเดาว่าแกคงจะไม่รอดถึงพรุ่งนี้เชื่อมั้ย?”
“คุณเย่!..คุณไม่มีสิทธิทำแบบนั้นและกรมตำรวจของเราก็จะไม่ยอมนั่งอยู่เฉยๆแน่” ฮิโรโนะพูดอย่างประหม่า ซึ่งในความคิดของเขาหากเย่เชียนฆ่าฮาราดะจริงๆล่ะก็มันจะนำไปสู่การแก้แค้นของแก๊งยามากุจิอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และยิ่งเย่เชียนที่เป็นแขกคนสำคัญของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงดังนั้นแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็จะไม่นิ่งเฉยต่อสิ่งนี้และจะนำไปสู่สงครามระหว่างแก๊งยามากุจิและแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง และหากเป็นเช่นนั้นสถานการณ์ในเมืองโตเกียวคงจะต้องวุ่นวาย อย่างไรก็ตามเขากลับมองข้ามสิ่งหนึ่งไปและนั่นคือถึงแม้ว่าเย่เชียนจะฆ่าฮาราดะไปแต่ถึงยังไงแก๊งยามากุจิก็คงไม่รีบที่จะแก้แค้นเย่เชียนอย่างแน่นอน
เย่เชียนก็หันหน้าไปเหลือบมองฮิโรโนะที่ถูกม่อหลงล็อคเอาไว้ จากนั้นเย่เชียนก็โบกมือให้ม่อหลงเพื่อให้ปล่อยฮิโรโนะไป ซึ่งม่อหลงก็พยักหน้าและปล่อยมือจากฮิโรโนะ เมื่อฮิโรโนะถูกปล่อยเขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก อย่างไรก็ตามฮิโรโนะก็ไม่ได้คิดว่านี่จะเป็นเพราะเย่เชียนกลัวตนแต่อย่างใด
“กรมตำรวจโตเกี่ยวเหรอ?..พวกคุณทุกคนอาจจะต้องปวดหัวกันหน่อยนะในอนาคต..เพราะงั้นพวกคุณควรจะทำใจเอาไว้” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ฮิโรโนะก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คุณเย่..ผมหวังว่าคุณคงไม่คิดที่จะทำอะไรที่มันเลวร้ายในอนาคตนะ..ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่ศัตรูของคุณก็ตามแต่ในกรมตำรวจของเขามีเจ้าหน้าที่มากมายและพวกเขาคงจะไม่นั่งอยู่เฉยๆและปล่อยให้คุณทำอะไรตามอำเภอใจหรอก” จากนั้นเขาก็มองไปที่เซี่ยตงไป่และฮาราดะและพูดว่า “ผมหวังว่าพวกคุณทุกคนเองก็น่าจะเข้าใจนะ..ผมแค่ต้องการให้เมืองโตเกียวมั่นคงและไม่วุ่นวาย..เพราะงั้นผมไม่สนหรอกว่าพวกคุณจะเป็นใครหรือพวกคุณจะทำอะไรแต่ตราบใดที่ใครกล้ามาทำให้เมืองของผมวุ่นวายล่ะก็อย่ามาโทษว่าผมหยาบคายก็แล้วกัน”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมเองก็หวังว่าอย่างนั้นเหมือนกัน..ผมหวังว่าเมืองโตเกียวจะมีช่วงเวลาที่สงบสุขได้..อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ได้บ่งบอกเราว่าถ้าเราต้องการโลกที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรืองเราก็ต้องประสบกับภัยพิบัติและปัญหาเสียก่อน”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ฮิโรโนะฉุกคิดและเขาก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดนั้นถูกต้อง อย่างไรก็ตามเขากลับได้ยินความหมายอื่นจากคำพูดของเย่เชียนและนั่นคือเย่เชียนต้องการสงคราม ส่วนโย่วซวนก็แอบยิ้มเพราะเขารู้ดีถึงจุดประสงค์ของเย่เชียนในการมาเยือนที่ประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้ ดังนั้นจากคำพูดของเย่เชียนเขาก็เข้าใจชัดเจนว่าเย่เชียนต้องการจัดการกับแก๊งยามากุจิ ซึ่งสถานการณ์ของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงนั้นอันตรายมากและในปัจจุบันหากใครไม่ระวังก็มีแนวโน้มสูงที่ทุกอย่างจะถูกทำลาย แต่ด้วยความช่วยเหลือของเย่เชียนมันจะแตกต่างกันออกไป กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากเย่เชียนต้องการจัดการกับแก๊งยามากุจิล่ะก็เย่เชียนก็ต้องยืมพลังของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และในเวลานั้นแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็จะเป็นคู่หูของเขี้ยวหมาป่า จากนั้นจุดยืนและสถานะของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“เอาล่ะผมพูดจบแล้ว..ถ้าพวกคุณไม่รีบกลับก็เข้ามาอุ่นร่างกายด้วยไวน์สักแก้วกันไหมล่ะ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินกลับไปที่บ้านเมื่อเขาไปถึงด้านข้างของเซี่ยตงไป่เย่เชียนก็พูดว่า “เรายังคุยกันไม่จบเลยกลับไปคุยกันเถอะ” จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองที่ฮาราดะอีกครั้งและพูดว่า “จำคำพูดของฉันเอาไว้..เพราะงั้นแกจงมีความสุขกับช่วงชีวิตสุดท้ายของแกซะ”
หลังจากพูดจบเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและเดินเข้าไปในบ้านโดยมีเซี่ยตงไป่เดินตามเข้าไป แต่ทว่าฮาราดะนั้นกลับยืนตัวสั่นไปทั้งตัว ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะหยิ่งผยองมากก็ตามแต่ตอนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลัวและหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดระแวงว่าเขาจะต้องตายจริงๆเหรอ?เย่เชียนจะมาฆ่าเขาจริงๆเหรอ?หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วฮาราดะก็รู้สึกว่าเขาควรกลับไปโดยเร็วและหาคนมาปกป้องตัวเอง
ในเมื่อเย่เชียนพูดเช่นนี้ออกมาดังนั้นถ้าหากเขาไม่ตายภายในพรุ่งนี้มันก็จะเป็นการให้ขวัญและกำลังใจแก๊งยามากุจิ ดังนั้นฮาราดะจึงรู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะอยู่ในที่สาธารณะหรือในที่ส่วนตัวถึงยังไงเขาก็ต้องอยู่ให้รอดและเขาก็ต้องห้ามตายเด็ดขาด
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะชวนให้พวกเขาเข้าไปข้างในบ้านก็ตามแต่ฮาราดะก็ไม่โง่พอที่จะเข้าไปจริงๆเพราะฮาราดะก็กลัวว่าเขาจะไม่สามารถออกมาได้อีกถ้าเขาเข้าไป ดังนั้นเขาจึงไม่ตอบเย่เชียนและไม่ให้โอกาสเย่เชียนได้ฆ่าเขาในวันนี้
“คุณฮิโรโนะยังไม่กลับอีกเหรอ..หรือคุณอยากจะเข้าไปดื่มจริงๆ..อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณก็แล้วกัน..คุณควรจะลืมมันไปซะ..และหลังจากที่คุณกลับไปแล้วช่วยตรวจสอบรายละเอียดของพวกเขาให้หมดและอย่าพูดว่าพวกคุณไม่รู้อะไรเลย..ผมบอกได้เลยว่าพวกเขาคือศัตรูตัวฉกาจของแก๊งยามากุจิของเรา..ส่วนคุณอย่าเข้ามาแทรกแซงจะดีกว่าเพราะคุณน่าจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของแก๊งยามากุจิดี..แม้แต่หัวหน้าของพวกคุณยังไม่กล้าเข้ามาแทรกแซงแก๊งยามากุจิของเราแล้วนับประสาอะไรกับตำรวจชั้นผู้น้อยอย่างพวกคุณ?..เพราะงั้นก็ระวังตัวเอาไว้ด้วย” ฮาราดะพูดอย่างเย็นชา
หลังจากพูดจบฮาราดะก็ไม่สนใจฮิโรโนะอีกต่อไปและเขาก็โบกมือให้ลูกน้องและพูดว่า “กลับกันเถอะ!” จากนั้นเขาก็พาลูกน้องของเขาออกจากเขตบ้านเซี่ยตงไป่ทันที
ฮิโรโนะก็ยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่งและไตร่ตรองอย่างรอบคอบถึงสิ่งที่ฮาราดะพูด ซึ่งเขาไม่ได้โกรธเพราะพิจารณาจากคำพูดของเย่เชียนแล้วเขาก็รู้สึกว่าเย่เชียนน่าจะเป็นคนที่มีความสามารถและอิทธิพลจริงๆและไม่ว่าในกรณีใดก็ตามถึงยังไงฮิโรโนะก็รู้สึกว่าเขาควรกลับไปตรวจสอบข้อมูลของเย่เชียนเพราะตอนนี้สิ่งต่างๆทำให้เขากลัวและกังวลอย่างมากและเขาก็เกือบจะทิ้งชีวิตของเขาลงที่นี่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เขาสัมผัสเจตนาฆ่าที่รุนแรงของเย่เชียนได้อย่างชัดเจนและแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเย่เชียนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
หลังจากออกจากบ้านของเซี่ยตงไป่แล้วฮาราดะก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะโทรหาหัวหน้าของเขาเพราะยังไม่สามารถรายงานตรงต่อยามาโตะนากามูระผู้เป็นถึงหัวหน้าแก๊งได้เพราะคุณสมบัติของเขายังไม่เพียงพอแต่เขาก็ยังมีหัวหน้าที่อยู่เหนือเขาอย่างอูเอดะดังนั้นเขาจึงต้องรายงานอูเอดะอย่างตรงไปตรงมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งอูเอดะก็ถึงกับผงะไปอย่างสิ้นเชิงและเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ดังกล่าวแล้วเห็นได้ชัดว่าเย่เชียนตั้งใจยั่วยุแก๊งยามากุจิอย่างมาก
เมื่อได้ยินเช่นนั้นอูเอดะก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยและพูดอย่างรวดเร็วว่า “ฮาราดะอย่าเพิ่งทะอะไรในตอนนี้แกรีบกลับมาด่วนและฉันจะส่งคนไปคุ้มกันแก..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่ปล่อยให้แกเป็นอย่างที่เย่เชียนพูด..อีกอย่างเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มากแต่ไม่ต้องกังวลเพราะไม่ว่าเขี้ยวหมาป่าจะทรงพลังแค่ไหนแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแตะแม้แต่ปลายผมของแก”
แม้ว่าฮาราดะจะรู้ว่าอูเอดะไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่ตราบใดที่อูเอดะสามารถช่วยชีวิตเขาได้เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หลังจากพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าฮาราดะก็พูดว่า “ครับหัวหน้าผมกำลัง..”
ฮาราดะนั้นอยากจะพูดว่าผมกำลังรีบกลับไปแต่ทว่าระหว่างการสนทนาเขากลับหยุดพูดอย่างกะทันหัน แต่ทว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการจะพูดแต่หัวของเขานั้นถูกกระสุนทะลุเข้าไป ซึ่งกระสุนทะลุเข้าไปในสมองของเขาและทำลายระบบประสาทส่วนกลางของเขาโดยตรงดังนั้นคำพูดที่เข้ามาในปากของเขาจึงถูกกลืนลงไปและเหมือนกับตายทั้งเป็น
อูเอดะซึ่งอยู่ในสายโทรศัพท์ก็สังเกตเห็นชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติไปเขาจึงถามว่า “ฮาราดะ?..ฮาราดะ?..เกิดอะไรขึ้น..เฮ้ยมันเกิดอะไรขึ้น?”
ฮาราดะนั้นก็ไม่สามารถตอบสนองได้เพราะร่างกายของเขาค่อยๆล้มลงไปจนลูกน้องคนที่ขับรถอยู่ถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นรูกระสุนที่หัวของฮาราดะจากนั้นเขาก็มองขึ้นไปที่หน้าต่างรถและเห็นรูกระสุนที่ทะลุหน้าต่างรถอย่างแม่นยำ เมื่อเห็นเช่นนั้นสมาชิกแก๊งยามากุจิจึงรีบหยิบโทรศัพท์ของฮาราดะขึ้นมาและพูดอย่างไม่ลังเลว่า “หัวหน้าอูเอดะครับ..หัวหน้าเขตฮาราดะถูกลอบยิงจากด้านนอกหน้าต่างรถครับ”
อูเอดะก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะและพูดไม่ออกไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานอูเอดะก็วางสายไปและถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ ซึ่งตอนนี้เขารู้สึกถึงความน่ากลัวขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ากับเย่เชียนแล้วจริงๆจนเขารู้สึกว่าเขาควรจะรีบหนีไปและอยู่ให้ห่างจากโลกใบนี้ตอนนี้เพื่อที่เขาจะได้สามารถรักษาชีวิตเขาเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นหากแก๊งยามากุจิสู้กับเขี้ยวหมาป่าในวันหนึ่งพวกเขาก็คงจะไม่รอด?อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาต้องการที่จะหนีไปแต่มันก็ไม่ง่ายนักเพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการบอกยามาโตะนากามูระอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อที่เขาจะได้กำหนดมาตรการรับมือโดยเร็วที่สุดได้
ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเย่เชียนเพราะเมื่อเย่เชียนอยู่ในบ้านของเซี่ยตงไป่นั้นรอบๆบ้านก็มีคนจากหน่วยกรงเล็บหมาป่าซ่อนตัวอยู่ในความมืดเพื่อคอยปกป้องเย่เชียน ดังนั้นพวกเธอจึงรู้ได้โดยธรรมชาติว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างและพวกเธอก็ได้ยินสิ่งที่สมาชิกแก๊งยามากุจิพูดกับเย่เชียน ซึ่งถ้าหากไม่ใช่สัญญาณมือลับๆที่เย่เชียนส่งสัญญาณให้ล่ะก็เกรงว่าชิงเฟิงคงจะเหนี่ยวไกไปตั้งแต่ตอนนั้นเสียแล้ว อย่างไรก็ตามโชคดีที่นากาจิมะชินนะที่อยู่ข้างๆชิงเฟิงเพื่อห้ามปรามเขาดังนั้นชิงเฟิงจึงไม่ได้ทำอะไรลงไปในตอนนั้น
ซึ่งในความเป็นจริงหลังจากที่รอฮาราดะออกจากบ้านของเซี่ยตงไป่แล้วชิงเฟิงก็ได้ใช้ปืนสไนเปอร์ไรเฟิลเพื่อฆ่าฮาราดะโดยตรงและกระสุนก็พุ่งทะลุกระจกรถแล้วทะลุเข้าไปที่หัวของฮาราดะอย่างแม่นยำ
ชิงเฟิงนั้นเป็นคนที่ชื่นชอบความโกลาหลและความวุ่นวายดังนั้นหลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของเย่เชียนว่าฮาราดะจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงพรุ่งนี้เช้าเช่นนั้นชิงเฟิงจึงตื่นเต้นมาก แต่เขาก็ยังคงคิดว่าทำไมเย่เชียนถึงต้องลอบสังหารด้วยทำไมเย่เชียนถึงไม่ประกาศสงครามโดยตรงกับแก๊งยามากุจิและฆ่าล้างบางแก๊งยามากุจิและสมาคมมังกรดำให้สิ้นในคราวเดียวไปเลย อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนทำเช่นนี้เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติตามคำสั่ง เพราะในองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแล้วถึงแม้ว่าจะไม่มีระบบลำดับชั้นที่เข้มงวดแต่เมื่อปฏิบัติภารกิจแล้วทุกอย่างก็ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัดเท่านั้น
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่เห็นจุดจบของฮาราดะก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้กังวลกับคนตำแหน่งเล็กๆเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเย่เชียนได้อธิบายเรื่องนี้แล้วเขาก็เชื่อว่าชิงเฟิงจะสามารถทำสิ่งต่างๆที่มอบหมายให้ได้ เพราะถึงแม้ว่าชิงเฟิงจะค่อนข้างไร้สาระก็ตามแต่ความสามารถในการปฏิบัติภารกิจของเขานั้นค่อนข้างดีเยี่ยม
หลังจากนั่งลงในบ้ายของเซี่ยตงไป่แล้วเย่เชียนก็ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “เอาล่ะ..ก่อนหน้านี้เราคุยกันถึงไหนนะ?”
.
.
.
.
.
.
.